หลินเมิ้งหยาในสายตาของซ่างกวนฉิงตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากศัตรูคู่อาฆาต
เพราะเหตุนี้ตอนที่หลินเมิ้งหยาเพิ่งแต่งงานออกเรือน นางจึงต้องกล้ำกลืนฝืนทนเพื่อมิให้มีใครไปฟ้องหลินมู่จือ
พวกหมาลอบกัด! เล็บแหลมคมจิกเข้าผิวหนังนุ่มนิ่มบริเวณฝ่ามือ
หากหลินเมิ้งหยาพูดออกมา เกรงว่าหวู่เอ๋อร์จะต้องตายอย่างแน่นอน!
“จำได้สิ ข้าต้องจำได้อย่างแน่นอน เป็นความทรงจำที่ยากจะลืมเลือนมิใช่หรือ?”
เขาจะลืมช่วงเวลาที่เกี้ยวถูกวางลงบนพื้น ในมือเจ้าสาวของเขาหาใช่สิ่งของมีราคา แต่กลับเป็นพุทราอาบยาพิษ
ดวงตาเรียวยาวคมเข้มเคร่งขรึมขึ้น
หากมิใช่เพราะไหวพริบของพระชายาคนนี้ เกรงว่าตอนนี้นางคงกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนไปแล้ว
“หวู่เอ๋อร์ ข้าต้องขอบคุณของขวัญที่เจ้ามอบให้กับข้ามาก มิเช่นนั้นข้ากับท่านอ๋องคงไม่มีโอกาสใกล้ชิดกันถึงเพียงนี้”
สายตาของหลินเมิ้งหยาเบนไปทางหลินเมิ้งหวู่ ทว่าภายในดวงตาคู่นั้นกลับเจือไว้ซึ่งความเย็นชา
ส่งสายตาเป็นเชิงเตือนไปทางซ่างกวนฉิงและหลินเมิ้งหวู่ พวกนางควรเจียมเนื้อเจียมตัวไว้สักเล็กน้อย มิเช่นนั้นฟ้าอาจถล่มดินอาจทลายลงมาก็เป็นได้
“ของขวัญ? หยาเอ๋อร์ ของขวัญอะไร?”
หลินหนานเซิงสังเกตเห็นความผิดปกติ เขาที่เป็นพี่ชายย่อมรู้ดีว่าหลินเมิ้งหวู่เคยปฏิบัติเช่นไรกับหลินเมิ้งหยา
ขนาดหลงเทียนอวี้ยังเอ่ยว่ายากที่จะลืมเลือน หรือว่า…
“ก็เป็น…ของขวัญชิ้นใหญ่ ใช่หรือไม่เจ้าคะ…ท่านแม่?”
เสียงร้องเรียกว่าแม่ทำให้ร่างกายของซ่างกวนฉิงสั่นเทิ้ม
หันไปมองสมาชิกครอบครัวสกุลหลินทั้งสาม นางไม่อยากจะนึกภาพเลยว่าหากหลินหนานเซิงและหลินมู่จือรู้เรื่องที่หลินเมิ้งหวู่ทำร้ายหลินเมิ้งหยาจะเป็นอย่างไร
หลินเมิ้งหยากลับแสยะยิ้ม สายตาแวววาวประหนึ่งแมวกำลังต้อนหนูจ้องมองทางซ่างกวนฉิงและหลินเมิ้งหวู่
ทว่าตอนนี้นางยังไม่คิดจะพูดเรื่องนี้ออกมา
เก็บพวกนางเอาไว้ใช้ประโยนชน์!
“คุณหนูใหญ่พูดอะไรก็ถูกหมดเจ้าค่ะ”
ซ่างกวนฉิงหลุบตาต่ำ ท่าทางว่านอนสอนง่าย ความเย่อหยิ่งที่เคยมีหายไปจนหมดสิ้น
“ดี ไหนๆ พวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ฉะนั้นไม่มีอะไรต้องเกรงใจ ท่านอ๋อง เช่นนั้นพวกเราเก็บของขวัญชิ้นนั้นเอาไว้ให้ดี วันใดที่น้องเมิ้งหวู่แต่งงาน พวกเราค่อยมอบของขวัญชิ้นใหญ่กว่านั้นให้นางดีหรือไม่เพคะ?”
หลินเมิ้งหยาแย้มยิ้มอ่อนหวาน ทว่าร่างกายของซ่างกวนฉิงกลับมีเหงื่อซึม
รีบพยักหน้ารับ นางรู้แล้วว่าหลินเมิ้งหยากำลังตักเตือนพวกนาง
“เช่นนั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกัน ท่านพ่อ ท่านพี่ ตอนนี้เวลาไม่คอยท่าแล้ว ข้ากับท่านอ๋องขอตัวกลับจวนก่อน อีกสองสามวันข้าจะมาหาพวกท่านอีกครั้ง”
มองพ่อและพี่ชายของตนเองอย่างยากจะทำใจแยกจาก ตอนนี้นางเป็นพระชายาแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีแม้แต่เวลาได้มาดูแลพ่อของตนเอง
หลินมู่จือยิ้มแล้วพยักหน้า สายตาห่วงหาอาทรเช่นเดียวกัน
ลูกสาวสุดที่รักของเขาแต่งงานออกเรือนไปแล้ว
“ไปเถิด ตอนนี้เจ้าเป็นถึงชายาอวี้ อย่าได้ใช้อารมณ์เป็นเด็กเด็ดขาด”
หลินมู่จือมองออก ชายผู้มีใบหน้าท่าทางเย็นชาผู้นี้ใส่ใจหลินเมิ้งหยายิ่งนัก
แต่ความสัมพันธ์ของคนในราชวงศ์นั้นแสนเปราะบาง ไม่รู้ว่าหลินเมิ้งหยาจะสามารถเดินบนธารน้ำแข็งอันแสนบางเฉียบนั้นได้หรือไม่
“ลูกขอคารวะท่านพ่อ”
ขอบตาเปียกชื้นเล็กน้อย
คุกเข่าโขกศีรษะลงพื้น หลินเมิ้งหยามิอาจทำใจแยกจากกับพ่อของตนเองได้
ทว่าการกลับมาของท่านพ่อมีอิทธิพลใหญ่หลวง
ตอนนี้นางตกเป็นเป้าสายตาของผู้อื่น หากยังอยู่ที่บ้านสกุลหลินต่อ เกรงว่าหลงเทียนอวี้และท่านพ่อจะตกที่นั่งลำบาก
“เด็ก…เด็กดี ไปเถิด อย่าได้เป็นห่วงข้ากับพี่เจ้าอีกเลย”
บางคำพูด แม้จะไม่ได้พูดออกมาแต่คนในครอบครัวเดียวกันล้วนเข้าใจ
หลินมู่จือมองตามหลินเมิ้งหยาที่เดินออกไปและเหลียวหลังกลับมาซ้ำๆ จนลับหายไป สีหน้ากลับมาเคร่งขรึมอีกครั้ง
“วันนี้เจ้าทำให้พวกเราต้องแยกจากกัน ซ่างกวนฉิง ชีวิตคู่ของเจ้ากับข้าตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาคงจบกันแต่เพียงเท่านี้”
เขาส่งเสียงเย็นชา ซ่างกวนฉิงทรุดนั่งลงบนพื้น นางรู้ดีว่านี่หมายถึงอะไร
“ไม่ ท่านพี่…ท่านพี่! ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นคำสั่งจากฮองเฮา ข้าถูกใส่ร้าย ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์! ท่านพี่ ท่านต้องเชื่อข้า”
ซ่างกวนฉิงเข้าไปเกาะขาของหลินมู่จือ ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“เช่นนั้นเหตุใดเสี่ยวหยาจึงถูกวางยาพิษ? ฮึ เจ้ากุมอำนาจของจวนมานาน หรือเจ้าจะบอกว่าตนเองไม่รู้เรื่อง? เข้ามา จับฮูหยินและคุณหนูรองไปขังไว้ที่เรือนหลังสวน หากข้าไม่สั่ง ห้ามปล่อยพวกนางออกมาเด็ดขาด!”
สำหรับคนที่คิดทำร้ายลูกสาวสุดที่รักของเขา เขาไม่มีวันสงสาร!
“ท่านพ่อ ได้โปรดปล่อยข้ากับท่านแม่เถิด พวกเราไม่ได้ตั้งใจ พวกเราไม่ได้ตั้งใจ!”
เพียงได้ยินว่าจะถูกจับขัง หลินเมิ้งหวู่ตกใจจนขาดสติ
เข้าไปเกาะขาของหลินมู่จือ ส่งเสียงอ้อนวอน
“ข้าให้โอกาสพวกเจ้ามาหลายครั้งหลายคราว หากพวกเจ้าสำนึกผิดด้วยใจจริง ข้าจึงจะปล่อยตัวพวกเจ้าออกมา”
ถึงอย่างไรหลินเมิ้งหวู่ก็เป็นลูกสาวของเขา
แต่พวกนางทำร้ายหลินเมิ้งหยามากมายจนเกินไป
“ท่านพ่อ ท่านพ่อ! ท่านจะทำเช่นนี้กับข้าและท่านแม่ไม่ได้ ข้ากับพี่สาวล้วนเป็นลูกสาวสกุลหลิน เหตุใด…เหตุใดท่านจึงลำเอียงเสมอ!”
หลินเมิ้งหวู่แผดเสียงร้องออกมาอย่างไม่ยอมแพ้ แต่ถึงกระนั้นนางก็ถูกลากตัวออกไปแล้ว
“ท่านพ่อ จะให้ข้าเปลี่ยนผู้ดูแลทั้งหมดหรือไม่?”
ดวงตาของหลินหนานเซิงเผยให้เห็นความเย็นชา นับตั้งแต่วันที่เขาถูกลอบสังหาร เขามองเห็นเป้าหมายบางอย่างได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ตั้งแต่เรื่องที่กำจัดหลินเมิ้งหยาออกจากเรือน เรื่องที่เขาถูกลอบสังหารระหว่างกลับเมืองหลวง เกรงว่าเรื่องเหล่านี้จะต้องเป็นแผนร้ายของใครบางคนอย่างแน่นอน
ต่อให้โดนปืนจ่อหน้าหรือมีดจ่อคอ พวกเขาสกุลหลินก็ไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น
ต่อให้ถูกปองร้าย พวกเขาก็จะกำจัดคนเหล่านั้นให้ได้
“รอดูเชิงก่อน หากไม่ได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ ไม่มีใครกล้าทำอะไรพวกเราสกุลหลินอย่างแน่นอน ช่วงนี้เจ้าต้องระมัดระวังให้ดี อย่าให้พวกเขาจับจุดอ่อนได้เป็นอันขาด ส่วนน้องสาวของเจ้า แม้การไปมาหาสู่ของพวกเราจะไม่มีใครว่าอันใด แต่ถึงอย่างไรอ๋องอวี้ก็เป็นถึงองค์ชายของฮ่องเต้ ยิ่งไปกว่านั้น เขาได้รับความเอ็นดูจากฮ่องเต้มากเป็นพิเศษ เจ้าจะต้องระวังให้มากขึ้น อย่าทำให้ใครเห็นว่าเรากำลังฝักใฝ่ฝ่ายใดเป็นอันขาด”
ถึงอย่างไรหลินมู่จือก็เป็นผู้มีประสบการณ์โชกโชน เขาวิเคราะห์สถานการณ์ได้ครบถ้วนภายในไม่กี่ประโยค
หลินหนานเซิงพยักหน้า ตอนนี้น้องสาวของเขามิได้เลอะเลือนเหมือนก่อน นางกลับมาฉลาดเฉลียวดังเดิมแล้ว
เพียงแค่…ใครวางยานางกันแน่?
ซ่างกวนฉิงและหลินเมิ้งหวู่ที่ถูกขังอยู่ในเรือนหลังสวนร้องห่มร้องไห้อย่างน่าสงสาร
ตอนนี้ความคิดของเหล่าทาสรับใช้เปลี่ยนไป
ล้อเล่นหรือไร พวกนางเป็นนายหญิงของจวนแห่งนี้นะ
หากไม่อยากถูกไล่ออกไป พวกเขาต้องฟังคำสั่งจากพวกนางสิ
“พวกเจ้า! พวกเจ้าลืมสิ่งที่ท่านแม่มอบให้แก่พวกเจ้าหมดแล้วหรือ?”
หลินเมิ้งหวู่ยังคงถือตนเป็นคุณหนูรองผู้สูงส่งของจวนแห่งนี้ ดังนั้นนางจึงไม่อาจทำใจยอมรับสถานการณ์ในตอนนี้ได้
ถลึงตาโต ขณะที่คิดจะร้องโวยวาย นางกลับถูกซ่างกวนฉิงร้องห้ามเอาไว้
“ในเมื่อเรื่องกลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว พวกเราคงต้องยอมรับว่าเป็นผู้วางยา หวู่เอ๋อร์ ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นคุณหนูรองของสกุลหลิน เรื่องนี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”
ในเมื่อเรื่องราวกลับกลายเป็นเช่นนี้ พวกนางไม่สามารถดิ้นรนหาทางรอดได้อีกต่อไป
แต่ซ่างกวนฉิงไม่เข้าใจ เหตุใดหลินเมิ้งหยาจึงไม่พูดเรื่องพุทราอาบยาพิษออกมา
“ท่านแม่ ลูกไม่มีวันยอม ทั้งที่ข้าก็เป็นลูกสาวสกุลหลิน เหตุใดความดีความชอบทุกอย่างจึงตกเป็นของนังแพศยาคนนั้น เหตุใดพวกเราต้องถูกขังอยู่ที่นี่”
หลินเมิ้งหวู่สิ้นสติอย่างสิ้นเชิง หากมิใช่เพราะท่านแม่ห้ามนางเอาไว้ ป่านนี้นางคงตะโกนถามท่านพ่อไปแล้ว
ตั้งแต่ตอนยังเป็นเด็ก นางไม่มีอะไรด้อยกว่าหลินเมิ้งหยาเลยแม้แต่น้อย แต่ทำไมท่านพ่อและท่านพี่จึงไม่ชอบนาง
ตอนนี้ไม่ว่านังนั่นจะทำอะไร ท่านพ่อและพี่ชายก็มักจะยิ้มให้นางเสมอ
ส่วนนางกลับต้องถูกท่านพ่อและท่านพี่ลงโทษ
“เจ้าจะไม่ยอมได้อย่างไร หากมิใช่เพราะเจ้ามอบพุทราอาบยาพิษให้กับหลินเมิ้งหยา พวกเราคงไม่ถูกข่มขู่กักขังเช่นนี้”
เก็บท่าทางน่าสงสารของตนเอง
ตอนนี้สิ่งที่นางต้องทำคือยอมอ่อนข้อเพื่อให้หลินเมิ้งหยาและหลินมู่จือลดกำแพงในใจต่อพวกนางลง
“ข้ามั่นใจว่ามันไม่มีทางเกิดข้อผิดพลาด แต่ใครจะรู้ว่านางยังไม่อับโชคและเอาตัวรอดปลอดภัยมาได้”
ซ่างกวนฉิงมองลูกสาวของตนเอง ก่อนจะถอนหายใจออกมา
ใช่ว่านางไม่รักลูกสาวของตนเอง
ทว่าตอนนี้นางรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ปล่อยให้หวู่เอ๋อร์เข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้
หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ นางคงปิดบังเรื่องทั้งหมดกับหวู่เอ๋อร์ เพราะหากเกิดเรื่องอันใดขึ้น นางจะได้รับผิดแต่เพียงผู้เดียว
ภายในเรือนแห่งนี้ นอกจากพวกนางสองแม่ลูกก็ไม่มีใครอื่นอีก
คิดไม่ถึงเลยว่าท่านพี่จะตัดสินใจเด็ดขาดโดยไม่ไว้หน้ากันเช่นนี้
เช่นนั้นนางก็ไม่จำเป็นต้องสนใจใยดีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาอีกต่อไป
สายตาฉายชัดถึงการตัดสินใจบางอย่าง นางมิอาจปล่อยให้อนาคตของหวู่เอ๋อร์ต้องพังพินาศ
“หวู่เอ๋อร์ เจ้าจงจำเอาไว้ ไม่ว่าแม่จะทำอะไร เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า เจ้าไม่ต้องเอ่ยถาม แต่ต้องจำเอาไว้ให้ดีว่าเจ้าเป็นคุณหนูรองแห่งสกุลหลิน”
ลูบเส้นผมตรงยาวของลูกสาว ร่องรอยของความเย็นชาปรากฏขึ้นในสายตาของซ่างกวนฉิง
“ท่านแม่จะทำอะไร?”