ตอนที่ 269 ยาสลบ

แม่สาวเข็มเงิน

เฉียนเซียงเซียงพาเจียงป่าวชิงไปที่ริมแม่น้ำ

บนพื้นทรายตรงริมแม่น้ำมีถุงหอมตกอยู่ นั่นเป็นถุงหอมที่เจียงป่าวชิงทำให้เจียงหยุนชานสำหรับใช้ใส่เงินหรือสิ่งของต่าง ๆ ในยามปกติ

เฉียนเซียงเซียงแอบเหลือบมองสีหน้าของเจียงป่าวชิง นางเห็นว่าสีหน้าของเจียงป่าวชิงเปลี่ยนไป เจียงป่าวชิงก้มตัวลงไปเก็บถุงหอมอันนั้นขึ้นมาชั่งน้ำหนักในมือด้วยสีหน้าอึมครึมมาก

เฉียนเซียงเซียงไม่เคยเห็นสีหน้าแบบนี้ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเจียงป่าวชิงมาก่อน นางรู้สึกว่าเจียงป่าวชิงเสแสร้งแกล้งทำเสมอมา บนใบหน้ามักมีเเต่รอยยิ้มจาง ๆ ราวกับไม่มีสิ่งใดยากสำหรับนางอย่างไรอย่างนั้น

เเต่ในขณะนี้ บนใบหน้าของเจียงป่าวชิงกลับไม่มีรอยยิ้มจาง ๆ แบบนั้นเเล้ว ซึ่งถือว่าความปรารถนาของเฉียนเซียงเซียงสำเร็จแล้ว เเต่นางกลับคิดว่าเจียงป่าวชิงในตอนนี้ดูน่ากลัวอย่างมาก

เฉียนเซียงเซียงอดกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้

เจียงป่าวชิงเก็บถุงหอมนั้นขึ้นมากำไว้ในมือ นางมองเฉียนเซียงเซียงด้วยสีหน้าราบเรียบ “พี่ชายข้าล่ะ ?”

เฉียนเซียงเซียงขดตัวเล็กน้อย เจียงป่าวชิงในตอนนี้ชวนให้คนรู้สึกกลัวมากจริง ๆ

เฉียนเซียงเซียงก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวเพื่อเว้นระยะห่างจากเจียงป่าวชิง แล้วพูดขึ้นราวกับมีความมั่นใจ “อาจไม่ได้อยู่ที่นี่กระมัง ไม่อย่างนั้นเรากลับไปดูที่บ้านตระกูลเจียงกันเถอะ ไม่เเน่น้องโหย่วฉายอาจกลับบ้านเเล้ว ถึงตอนนั้นเราค่อยถามเขากัน”

บ้านตระกูลเจียงอย่างนั้นรึ

เจียงป่าวชิงหัวเราะเยาะ

ที่อ้อมไปอ้อมมานี้ไม่ใช่เพราะอยากพานางไปที่บ้านตระกูลเจียงหรอกรึ ? นางจะรอดูว่าพวกนางมีจุดประสงค์อะไรกันแน่

เจียงป่าวชิงหมุนตัวและก้าวไปยังทิศทางของบ้านตระกูลเจียง

ตอนที่กลับถึงบ้านตระกูลเจียงก็พบว่าเหมือนบ้านตระกูลหวังข้าง ๆ จะส่งเจ้าสาวเสร็จเเล้ว ผู้คนที่มาร่วมงานต่างก็เเยกย้ายกันกลับไปประมาณหนึ่งเ เหลือเพียงบางคนที่ยังคงดื่มและเล่นทายนับนิ้วกันอยู่ในลานบ้านของหวังอาซิ่ง

เจียงป่าวชิงเข้าไปในบ้านตระกูลเจียง ส่วนเฉียนเซียงเซียงวิ่งตามอยู่ด้านหลัง นางวิ่งจนเหนื่อยหอบหายใจไม่ทัน

“เจ้าจะเดินเร็วทำไม ?” เฉียนเซียงเซียงบ่นไปหอบหายใจไป

ถึงแม้นางจะเกิดในครอบครัวของคนขายเนื้อ แต่แม่กับพ่อของนางเลี้ยงดูนางเหมือนเพชรเม็ดงามที่ส่องประกายแวววาวอยู่บนนิ้วมือ และไม่เคยให้เฉียนเซียงเซียงทำงานหนักเลย ร่างกายของเฉียนเซียงเซียงจึงดีกว่าพวกคุณหนูที่งามหยาดเยิ้มไม่มากนัก ถึงแม้ร่างกายของเจียงป่าวชิงจะอ่อนแอไปหน่อย แต่นางยืนหยัดที่จะตื่นเช้าทุกวันเพื่อออกกำลังกายเลียนแบบท่าสัตว์ ทุก ๆ วัน นางไม่สามารถหยุดทำนู่นทำนี่ในบ้านได้ แต่พื้นฐานร่างกายของนางกลับดีกว่าเฉียนเซียงเซียงมาก อย่างน้อยที่เดินเร็ว ๆ มาตลอดทางนี้ ใบหน้าของนางก็ไม่ได้แดงหรือรู้สึกเหนื่อยอะไร ผิดกับเฉียนเซียงเซียงที่เหนื่อยหอบแทบตาย

เจียงป่าวชิงมองเฉียนเซียงเซียงอย่างเย็นชา

เฉียนเซียงเซียงหายใจสม่ำเสมอ แต่นางไม่สังเกตเห็นสีหน้าของเจียงป่าวชิง หลังจากที่นางผ่อนคลายลมหายใจของตัวเองเเล้ว ก็พาเจียงป่าวชิงเข้าไปในห้องห้องหนึ่งตามแผนที่วางไว้ “ถ้าอย่างนั้นเจ้านั่งพักที่นี่ก่อน เจ้าก็รู้ว่าท่านย่ากับท่านปู่ไม่ประทับใจต่อเรื่องที่เจ้าทำ เจ้านั่งรอก่อนเถอะ ข้าจะไปหาโหย่วฉาย”

เจียงป่าวชิงหัวเราะเยาะในใจ นี่เป็นการเสแสร้งที่ไม่แนบเนียนเลยจริง ๆ และห้องเล็กที่เฉียนเซียงเซียงพามา ไม่ใช่ว่าเป็นห้องที่นางกับเจียงหยุนชานเคยอยู่ก่อนหน้านี้หรอกรึ ?

หลังจากที่พวกเขาสองพี่น้องแยกออกไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าห้องนี้กลายเป็นห้องเก็บของ มีของกระจุกกระจิกมากมายอยู่ในนี้

เฉียนเซียงเซียงกำชับเจียงป่าวชิง “ป่าวชิง เจ้านั่งพักที่นี่ก่อน รอฟังข่าวจากข้าเเละอย่าออกมาด้วยตัวเองอย่างเด็ดขาดเลยนะ”

เจียงป่าวชิงพยักหน้าเงียบ ๆ

เฉียนเซียงเซียงเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร นางคิดว่าปลาติดเบ็ดเเล้วจึงเดินออกจากห้องอย่างอารมณ์ดี

ผ่านไปสักพัก เฉียนเซียงเซียงก็ถือน้ำชากลับเข้ามาด้วยสีหน้าดีใจ นางพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ป่าวชิง เจ้าอย่าได้ร้อนใจไป ข้าถามให้เจ้าแล้ว น้องโหย่วฉายเองก็ไม่ได้ทำให้พี่ชายเจ้าลำบากอะไร เขาเเค่ถามพี่ชายเจ้าเกี่ยวกับเรื่องการเรียนก็เท่านั้น เจ้าดื่มชาก่อนสิ จะว่าไปแล้วนี่เป็นความผิดของน้องโหย่วฉายที่ไม่ได้บอกเจ้าก่อนสักคำ ข้าที่เป็นพี่สาวของเขาเลยต้องยอมรับผิดแทนเขา เจ้าดื่มชานี้ให้หมด เเล้วข้าจะไปพาพี่ชายเจ้ามาที่นี่” พูดเสร็จ นางก็ยื่นถ้วยชามาตรงหน้าเจียงป่าวชิง

เล่ห์เหลี่ยมนี้ช่างห่วยเเตกมากจริง ๆ มือของเฉียนเซียงเซียงที่ถือถ้วยน้ำชายังสั่นอยู่เลย นี่แทบจะเป็นการแสดงให้เจียงปาวชิงรู้อย่างชัดเจนแล้วว่าแอบใส่อะไรบางอย่างลงในถ้วยน้ำชานี้

ยิ่งไปกว่านั้น เจียงป่าวชิงเชี่ยวชาญด้านการรักษาโรค เพียงเเค่ดมกลิ่นนิดเดียวก็สามารถรับรู้ได้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติในน้ำชานี้

เจียงป่าวชิงหัวเราะเยาะในใจ นางรับชาถ้วยนั้นมา และเอาเเขนเสื้อปิดปากเพื่อดื่มชาถ้วยนั้น

จากนั้นนางวางถ้วยชาลงบนโต๊ะด้านข้างก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ได้รึยัง ? เจ้ารีบไปพาพี่ชายข้ามาเร็วสิ เราต้องกลับบ้านกันแล้ว”

เฉียนเซียงเซียงมองถ้วยชาถ้วยนั้น ถึงอย่างไรนางก็ยังเด็กอยู่และถูกเอาอกเอาใจมาโดยตลอดจึงไม่สามารถซ่อนอารมณ์ของตัวเองไว้ได้ บนใบหน้าของนางปรากฏความดีใจอย่างปกปิดไม่มิด นางมองเจียงป่าวชิงด้วยสายตาเกลียดชังปนกับความรู้สึกภูมิใจในตัวเอง และนางก็พูดขึ้นยิ้ม ๆ “ได้ ในเมื่อเจ้าไม่ถือโทษน้องโหย่วฉายข้าก็เบาใจแล้ว ข้าจะไปพาพี่ชายเจ้ามาที่นี่ เจ้ารออยู่ที่นี่เเละอย่าออกไปเดินเพ่นพ่านล่ะ”

เฉียนเซียงเซียงหมุนตัวเตรียมเดินออกไป เเต่นางไม่คิดเลยว่าอยู่ ๆ จะรู้สึกเจ็บที่บริเวณหลังคอเหมือนถูกเข็มแทงทำนองนั้น ต่อมาไม่นานนัก ร่างกายนางก็แข็งทื่อราวกับว่าไม่ใช่ตัวของนางเอง แล้วยังรู้สึกว่าภาพตรงหน้ามืดดำลงทำให้มึนงงจนล้มลงไปบนพื้นในที่สุด

……

เฉียนจินหวู่รออยู่ในห้องของเจียงเอ้อยาด้วยความร้อนรน “ทำไมเซียงเซียงยังไม่กลับมาอีก ?”

เจียงเอ้อยาเบะปาก นางใช้เท้าถีบเจียงหยุนชานที่นอนไม่ได้สติอยู่บนพื้น “ถ้าอย่างนั้นเจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าจะไปดูที่ห้องนั้นเอง”

ในใจของเฉียนจินหวู่ราวกับมีไฟเผาไหม้อยู่ในนั้น เขาผุดลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน “ช่างเถอะ ข้าไปดูเองดีกว่า”

พูดเสร็จ เฉียนจินหวู่ก็เลิกม่านเเละเดินออกไปอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางร้อนรน

เจียงเอ้อยาก่นด่าในใจว่าผู้ชายต่างก็เหมือนหมีทุกคน เป็นผีกามตัณหากันทั้งนั้น!

เฉียนจินหวู่เดินไปตรงหน้าห้องดินเหนียวห้องนั้น เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ยื่นมือไปเปิดประตูให้เป็นร่องเล็ก ๆ ต่อมาเขาก็เห็นเจียงป่าวชิงนอนคว่ำอยู่บนโต๊ะ นางฉุดดึงเสื้อผ้าของตัวเองเเละบนโต๊ะยังมีถ้วยชาที่ล้มลง เเถมในถ้วยชาก็ว่างเปล่าเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว

เฉียนจินหวู่ดีใจอย่างมาก เขารีบเปิดประตูเข้าไปโดยไม่สนใจอีกเเล้วว่าเฉียนเซียงเซียงจะไปที่ไหน

เขาเดินเข้าไป คิดจะลูบไล้ใบหน้าของเจียงปาวชิง แต่จู่ ๆ เขาก็เหมือนนึกอะไรได้และรีบหมุนตัวไปปิดประตูทันที

ก่อนที่จะทำสำเร็จจะเสี่ยงให้คนอื่นมาเห็นไม่ได้อย่างเด็ดขาด เดี๋ยวเรื่องดีของเขาอาจเสียไปเปล่า ๆ

เเต่ตอนที่เขากำลังปิดประตู จู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บจี๊ดตรงบริเวณหลังคอราวกับถูกผึ้งต่อยมาสองสามทีอย่างไรอย่างนั้น มันทั้งเจ็บเเละชาหน่อย ๆ แบบแปลกพิลึก

เฉียนจินหวู่เอื้อมมือจะไปลูบคลำตรงบริเวณหลังคอโดยไม่รู้ตัว แต่กลับพบว่าร่างกายตัวเองเเข็งทื่อไปเสียแล้ว เกิดความลุกลี้ลุกลนในใจเขาทันที เขาพยายามเปล่งเสียงพูดเเต่กลับพูดไม่ออกแม้สักคำ ไม่นานนักเขาก็รู้สึกหน้ามืดเเละมีอันร่วงหล่นล้มลงไปบนพื้นทั้งอย่างนั้น

……

เจียงเอ้อยาเห็นว่าเฉียนจินหวู่ไปแล้วไม่กลับมาสักที นางจึงคิดว่าเขาทำสำเร็จเเล้ว

เพียงเเค่นางนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ไอ้หญิงสารเลวอย่างเจียงป่าวชิงถูกเฉียนจินหวู่กระทำชำเรา นางก็อดหัวเราะเสียงดังไม่ได้

ในตอนนี้เอง เจียงหยุนชานที่นอนอยู่บนพื้นเริ่มขยับตัว ในที่สุดเขาก็ฟื้นสักที

เจียงหยุนชานยังคงสติเลอะเลือนอยู่บ้าง เขาจำได้เเค่ว่าเจียงเอ้อยาเชิญเขามาดื่มชา นางเป็นห่วงเจียงโหย่วฉายน้องชายของนาง จึงอยากถามเขาเกี่ยวกับเรื่องการเรียน เพราะนางอยากให้เจียงโหย่วฉายไปเรียนหนังสือ เเละยังบอกเขาด้วยว่าสิ้นเปลืองเวลาของเขาไม่นานหรอก

ต่อมาความทรงจำของเขาก็เลอะเลือนไปตาม ๆ กัน เขารู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย นี่เขาอยู่ที่ไหน ?

เจียงหยุนชานลุกขึ้นจากบนพื้นพลางตบศีรษะตัวเองเล็กน้อย

เจียงเอ้อยาเเสร้งทำเป็นประคองเจียงหยุนชานด้วยท่าทางดีใจ “หยุนชาน เจ้าฟื้นเเล้ว ข้าตกใจมาก คุยกันอยู่ดี ๆ จู่ ๆ เจ้าก็ร่วงหล่นลงไปบนพื้นทั้งอย่างนั้น ช่วงนี้อ่านหนังสือเหนื่อยเกินไปจนไม่ได้พักผ่อนหรือเปล่า ?”