บทที่ 237

เมื่อเห็นเช่นนั้น ซ่งเวินก็แทบจะสบถด่าออกมากลางค่ายทันที “จัดเตรียมกระบวนทัพต่อต้านทหารม้า !”

ถ้าเป็นทหารม้าปกติก็คงจะต้านทานอยู่ แต่ไม่ใช่กับทหารม้าเกราะหนักแบบนี้

หอกของพวกทหารเลวไม่สามารถทำอันตรายพวกม้าได้เลย ทำให้ทหารม้าทั้ง 3 หมื่นนายวิ่งบดขยี้พวกทหารราบด้วยแรงมหาศาลได้อย่างง่ายดาย

หลังจากที่พวกทหารม้าพุ่งทะยานตัดกองทัพออกเป็น 2 ท่อนแล้ว มันก็ทำให้กองทัพเปิงปั่นป่วนอย่างถึงที่สุด

แม้แต่ซ่งเวินที่อยู่ใจกลางก็ไม่วายแตกตื่นด้วยเช่นกัน และเมื่อเห็นพวกทหารม้าพุ่งเข้ามา พวกแม่ทัพก็พยายามปกป้องเจ้านายของตัวเอง ทำการคุ้มครองให้แม่ทัพหลักออกไปจากรัศมี ทำให้กองทหารที่ไร้ซึ่งแม่ทัพตื่นตระหนกมากขึ้นไปอีก

พวกทหารม้าที่ผ่าเข้ามากลางวงศัตรูทางตะวันออกได้พุ่งผ่าออกไปยังตะวันตก จนทหารเปิงกลายเป็นสองทัพเล็ก

มูฉิงที่อยู่ไม่ไกลนักได้เห็นความเสียหายที่เกิดขึ้นจากทหารม้าเหล่านี้ เขาไม่รอช้า ขึ้นม้าตัวเองและบัญชาการกองทัพให้เข้าตีศัตรูต่อในทันที !

ในเวลานี้กองทัพเปิงที่เป็นแนวหน้าก็ได้เข้ามาสู่ค่ายพวกเทียนหยวนและถูกตัดขาดจากกันไปแล้ว ทำให้พวกแนวหน้าถูกล้อมเอาไว้อีกครั้ง ซึ่งพวกทหารเปิงก็แตกตื่นจนไม่สามารถทำการรบต่อได้ ก่อนเป็นจังหวะนั้นเองที่พวกปิงหยวนจะเข้ามา

กองทัพปิงหยวนคือหน่วยรบที่เก่งที่สุดของพวกเทียนหยวน และหลังจากการฝึกในเมืองเบสซ่ามานานนับปี มันก็ทำให้พวกเขาเหมือนกับปีศาจที่เชี่ยวชาญการรบทุกสมรภูมิ

ผิดกับพวกเปิงที่เหลือกำลังพลเพียง 3 หมื่นและผ่านการสู้กับพวกกองทัพหลักมาอย่างหนัก ที่ทำให้พวกเขาไม่มีแรงจะเคลื่อนไหวมากนัก จนทำให้พวกเขาถูกกองทัพฝีมือดีนี้บดขยี้จากรอบทิศทางในทันที

การต่อสู้ดำเนินต่อไปเช่นนั้นไม่นานนัก ก่อนที่พวกเปิงจะพยายามฝืนล่าถอยกลับไปยังค่ายตัวเอง แต่ด้วยพวกเขานั้นถูกตัดขาดออกจากกันแล้ว มันก็จึงทำให้พวกเขาไม่สามารถกลับไปรวมกลุ่มกันได้อีก เพราะถูกกองทหารม้าเกราะหนักขวางทางเอาไว้อยู่

ซ่งเวินตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก เขาอยากจะสั่งให้กองทหารที่ขาดกันเข้ามาช่วยเหลือ แต่ทว่ามูฉิงก็ได้สั่งให้ทหารของเขายิงธนูออกมาเสียก่อน

ในเมื่อแนวรบด้านข้างไม่สามารถต้านทานได้ งั้นแล้วกองทัพเปิงก็เท่ากับถูกบีบให้ถอยร่นกลับไปด้วยห่าฝนธนูมากมาย ดูราวกับลูกแกะที่อยู่ท่ามกลางฝูงสิงโต ถูกโจมตีจากรอบทิศทาง และไม่มีทางหนีออกไปได้เลย จะมีก็แต่ความสิ้นหวังเท่านั้น !

ซ่งเวินไม่อยากจะแพ้แบบนี้ เขาร้องสั่งให้ทหารพุ่งออกไปข้างหน้า และไม่ว่าจะเป็นกับดักหรืออะไรอีกก็ตาม เขาก็จะต้องฝ่ามันออกไปให้ได้ จนกระทั่งได้ยินเสียงดังมาจากค่ายทางตะวันออกของพวกเฟิงและเห็นเข้ากับทหารเทียนหยวนอีก 6 หมื่นนายที่กำลังวิ่งเข้ามา

เมื่อเห็นเช่นนี้ มันก็บ่งบอกได้เพียงอย่างเดียวว่าไป่เฟ่ยที่อยู่ทางทิศนั้นกำลังตกที่นั่งลำบากเสียแล้ว

ซึ่งคนที่อยู่ทางทิศนั้นของพวกเฟิง และกำลังบัญชาการกองทัพชานชุยอยู่ก็คือ เหลียงฉี

เมื่อกองทัพทั้งสองเข้าปะทะกัน ทหารของเหลียงฉีก็ถือเอาโอกาสนี้ล้างแค้นซ่งเทียนที่ปลดพวกเขาออกจากกองทัพหลังการขึ้นครองอำนาจ ! และโดยไม่ต้องรอคำสั่งใด พวกทหารก็พร้อมใจกันวิ่งเฮโลเข้าสู่สนามรบและฆ่าฟันศัตรูให้สิ้น !

กองทัพของไป่เฟ่ยมีเพียงแค่ 3 หมื่นนายเท่านั้น และเมื่อต้องเจอเข้ากับกองทัพชานชุยที่มีเกือบแสนนาย พวกเขาก็แทบจะโดนกวาดล้างในทันที ซึ่งการต่อสู้เช่นนี้ก็ดำเนินไปไม่นานนัก ก่อนที่พวกไป่เฟ่ยจะถูกล้อมเอาไว้และถูกข่มขู่ให้ยอมแพ้เพื่อที่จะได้มีชีวิตรอดต่อไป

ไป่เฟ่ยคือลูกน้องคนสำคัญของซ่งเทียนและไม่มีทางทรยศเจ้านายตัวเอง ต่อให้เขาจะต้องตายก็จะขอกัดฟันสู้ต่อไปจนหยดสุดท้ายและไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อใครอื่นแน่นอน !

ในขณะที่เขาออกคำสั่งให้เข้าประจัญบาน ทหารของเขากลับโยนอาวุธทิ้งและยอมมอบตัวต่อกองทัพชุยชาน ด้วยไม่มีใครอยากตายอยู่แล้ว และถ้าจะมีทางไหนที่ทำให้รอด งั้นแล้วพวกเขาก็จะยอมทำทั้งหมด

ไป่เฟ่ยหน้าซีดให้กับภาพนี้ และคิดว่าสุดท้ายแล้วเขาคงต้องสละชีพเพื่อแคว้นของตัวเอง

เขาหัวเราะออกมาแล้วชูดาบขึ้นไปหาเหลียงฉี ก่อนตะโกน “เจ้าหนุ่มเหลียงฉี ถ้าหากฝ่าบาทรู้ว่าวันนี้จะมาถึง ในเวลานั้นหัวของเจ้าคงจะถูกตัดออกไปแล้วเป็นแน่แท้ !” เขาชักดาบออกมาแล้วพุ่งเข้าไป

“เจ้าเองก็ต้องโทษประหารเหมือนกัน !” เหลียงฉีเย้ยหยั่นและหันไปบอกกับทหาร “ใครก็ตามที่เด็ดหัวไป่เฟ่ยได้ ข้าจะตกรางวัลให้อย่างงาม”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกแม่ทัพทั้งหลายต่างก็พากันพุ่งเข้าไปต้อนรับอีกฝ่ายเป็นอย่างดี

การรุมกินโต๊ะดำเนินการไปได้ไม่นานนัก ก่อนที่เกราะปราณของไป่เฟ่ยจะแตกออกและโดนดาบมากมายฟันแทงเข้าใส่ พร้อมกันนั้นก็มีคนตัดหัวของไป่เฟ่ยขึ้นมาชูให้เหลียงฉีดู

การต่อสู้จบลงด้วยการตายของไป่เฟ่ยและการยอมแพ้ของทหารทั้ง 3 หมื่นนายของเขา

หลังจากจัดการไปแล้ว เหลียงฉีก็เห็นว่าการต่อสู้ยังคงเกิดขึ้นอยู่ที่ทางใต้ จึงได้ส่งกำลังออกไปช่วยทันที

ทหารชานชุยกว่า 5 หมื่นนายพุ่งเข้าโจมตีกองทัพเปิงอย่างดุเดือด

ทั้งสามกองทัพเริ่มปะทะกัน ก่อนที่ไม่นานหลังจากนั้น กองทัพของซ่งเวินจะถูกดันกลับไปที่ค่ายของตัวเอง

ซึ่งก็เป็นซ่งเวินที่สั่งให้ถอนทัพกลับมา ทำให้พวกเขาถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอีกครั้ง และไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็เห็นแต่กองทัพเทียนหยวนและพวกเฟิงนับไม่ถ้วน

เรียกได้ว่าการบัญชาการในครั้งนี้ของซ่งเวินทำให้ทหารตัวเองให้ตายไปมากกว่าครึ่งทีเดียว ด้วยก่อนหน้านี้พวกเรามีกันเกือบแสนนาย แต่ตอนนี้กลับมีชีวิตรอดมาได้ไม่ถึง 4 หมื่น

ผิดกับฝั่งเทียนหยวน ที่มีทหารตายไปเพียงไม่กี่สิบนายเท่านั้น

…หลังจากศึกนี้ มันก็ทำให้ซ่งเวินไม่อาจตีฝ่าวงล้อมออกไปได้อีกแล้ว

กองทัพเปิง 3 หมื่นนายถูกบีบให้อดอาหารแบบเดิมอีกครั้ง ก่อนที่ 3 วันต่อมา ซ่งเวินจะสั่งให้ตีฝ่าวงล้อมออกไปอีกครา ซึ่งมันก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของพวกเขาทุกครั้งไป ทำให้ในช่วงเวลาดังกล่าวกองทัพของเขาแทบไม่มีเสบียงให้กินเลย จนพวกทหารไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อสู้อีกต่อไป และพากันหมดอาลัยตายอยาก

ชิวเจิ้น มูฉิง เหลียงฉี และแม่ทัพคนอื่นกำลังตกลงกันอยู่ว่าจะปราบพวกมันทั้งหมดหรือว่าจะบีบให้ยอมแพ้ดี

ก่อนที่จางจี้จะเสนอความคิดออกไปว่า ให้ส่งจดหมายไปหาซ่งเวินเพื่อบอกให้เขายอมแพ้เสีย !

ตอนนี้ซ่งเทียนควบคุมกำลังหลักของแคว้นเฟิงเอาไว้ และถ้าหากอยากจะล้มบัลลังค์เขาล่ะก็ มันก็มีแต่ต้องทำให้ประชาชนเชื่อว่ากองทัพของซ่งเทียนนั้นชั่วร้าย ควบคู่ไปกับการกำจัดฐานอำนาจของซ่งเทียนให้สิ้น โดยก้าวแรกของแผนการนี้นั้น มันก็คือการกำจัดซ่งเวินนั่นเอง !