บทที่ 149 ตาสุนัขมองคนต่ำ

บัญชามังกรเดือด

บทที่ 149 ตาสุนัขมองคนต่ำ
น่าแปลกมาก ที่สถานที่เปิดราคาของจิ่นซิ่วซานเหอ กลับไม่ได้อยู่ที่ฝ่ายการขาย

และกลับเลือกเป็นที่สนามหญ้ากลางแจ้งแทน

มีสายเตือนถูกขึงไว้อยู่โดยรอบ เหมือนกับบรรยากาศในฉากแต่งงานแบบตะวันตกอย่างไรอย่างนั้น จอขนาดใหญ่บนเวที กำลังออกอากาศแล้วหมุนเวียนสับเปลี่ยนกับการแนะนำจิ่นซิ่วกรุ๊ปไปด้วย

ครั้งนี้ก็เปิดรูปภาพให้เห็นถึงความสวยงามของแต่ละสถานที่ของอสังหาริมทรัพย์จิ่นซิ่วซานเหอด้วยเช่นกัน

โต๊ะที่คลุมด้วยผ้าปูโต๊ะทั้งสองข้างทาง ถูกวางเต็มไปด้วยขนมและเหล้าชั้นเลิศนานาชนิด

พนักงานเสิร์ฟก็แต่งตัวเหมือนพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ใช้รอยยิ้มและมารยาทมาตรฐาน ในการต้อนรับลูกค้าทุกคน

ซูซูมองเห็นสนามหญ้าอยู่ไม่ไกลนัก มีประตูแบบโบราณสูงใหญ่บานหนึ่ง ดูยิ่งใหญ่อลังการมาก

มีกำแพงสูงล้อมรอบทั้งสี่ด้าน มองไม่เห็นภาพสภาพเหตุการณ์ภายใน

เธอพูดอย่างทนไม่ไหวว่า : “นั่นไม่ใช่ประตูใหญ่ของชุมชนหลงฮู๋ที่เมื่อก่อนเราเคยอยู่ใช่ไหม? ต้องบอกว่า เปลี่ยนมาเป็นประตูอย่างนี้ ดูสวยงามขึ้นมากจริงๆ”

“ไม่รู้ว่าอสังหาริมทรัพย์นี้ เมื่อไรถึงจะเปิดขายได้” ภายในน้ำเสียงนั้น ดูเศร้าสร้อยอยู่เล็กน้อย

หยางยู่หลันยิ้มแล้วพูดว่า : “ลูกไม่เห็นเหรอว่าที่ประตูมีผ้าสีแดงคลุมเอาไว้ มีกำแพงสูงกั้นไว้โดยรอบ น่าจะพึ่งเริ่มก่อสร้างล่ะมั้ง”

“ไม่เป็นไร รอให้พวกเขาทำให้เสร็จสิ้นก่อน ถ้ายินยอมรับเงื่อนไข พวกเราค่อยกลับมาซื้อสักห้อง”

ซูซูยิ้มแล้วพูดว่า : เก่ายังไม่ไปใหม่ยังไม่มา ฉินเทียน ฉันรู้สึกหิวอยู่นิดหน่อยแล้ว

ฉินเทียนรีบพูดตำหนิขึ้นมา : “เมื่อเช้าก็ให้คุณกินข้าว คุณก็ไม่กิน”

“ฉันบอกคุณแล้วไง ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป จะทำให้กระเพาะหิวจนตายเอา ยังดีที่คุณเป็นหมอแผนจีนอยู่”

ซูซูแสร้งทำเป็นโกรธแล้วพูดอย่างยิ้มๆว่า : “เมื่อเช้าไม่มีคความอยากอาหารนี่!”

“ติ่มซำตรงนั้นดูไม่เลวเลย นายไปหยิบมาให้ฉันสักสองสามชิ้นสิ”

“ครับผม!”

“คุณภรรยา เชิญนั่งตรงนี้”

เขานำพาซูซูและหยางยู่หลันไปด้วยตัวเอง ให้นั่งลงที่แถวของที่นั่งที่อยู่ด้านหลังนั้น หลังจากนั้นก็วิ่งออกไป เลือกหยิบติ่มซำมาสองสามอย่างใส่ถาดมา และมีน้ำผลไม้อีกสองแก้ว

“ขอบคุณค่ะ” ซูซูหยิบเค้ดถั่วเขียวขึ้นมากัดคำหนึ่ง แล้วพูดอย่างพอใจว่า : “อันนี่อร่อยจริงๆ”

“แม่ลองชิมดูสิ”

หยางยู่หลันมีน้ำตาลในเลือดสูง โดยปกติแล้วจะปฏิเสธขนมหวาน แต่ด้วยความตั้งใจ ก็หยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ส่งเข้าไปในปาก

ในตอนนั้นเอง ที่ด้านของนั้นมีเสียงโอ้อวดดังขึ้นมา

“รีบมาดูเร็วเข้า!”

“มีพวกขอทานมากินมาดื่มอยู่นี่”

“ผู้จัดการของพวกคุณละ? ปล่อยให้คนอย่างนี้เข้ามาได้อย่างไรกัน”

“พวกเราสามารถซื้อบ้านที่แพงขนาดนี้ได้ ต่างก็เป็นคนระดับสูงกันทั้งนั้น จะอยู่ร่วมกับคนประเภทนี้ได้อย่างไร ยังไม่รีบเอาออกไปอีกเหรอ!”

หวูเชี่ยนเชี่ยนร้องตะโกนอย่างตื่นเต้น

เมื่อได้ฟังคำพูดของเธอ ลูกค้าที่อยู่ด้านหน้า ต่างก็หันหลังกลับมามอง

เมื่อเห็นในมือของซูซูและหยางยู่หลันถือติ่มซำเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งซูซู ที่ดูเหมือนว่าจะหิวมาก ยังมีเศษอาหารติดอยู่ที่มุมปาก ในสายตาของพวกเขา ต่างก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ยออกมา

หยางยู่หลันรีบเอาเค้กถั่วเขียวในมือวางลง แล้วพูดด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า : “หวูเฉียวเหมยช่วยดูแลลูกสาวของคุณให้ดีๆหน่อย”

“พวกฉันก็มาซื้อบ้านเหมือนกัน จะกินขนมสักชิ้นมันจะเป็นอะไรไป?”

หวูเฉียวเหมยตั้งใจพูดเสียงให้ดังขึ้นอีก : “โอ้โห พวกคุณก็มาซื้อบ้านอย่างนั้นเหรอ”

“อย่างนั้นฉันขอถามพวกคุณหน่อย ไปจองกับใครไว้อย่างนั้นเหรอ?”

“พวกเราต่างก็มีผู้จัดการฝ่ายขายด้วยกันทั้งนั้น ทั้งหมดต่างก็เป็นคนที่ถูกเชิญมา”

“คุณสามารถชี้ได้ไหมว่าคุณจองกับผู้จัดการคนไหน ฉันก็เชื่อว่าพวกคุณมาซื้อบ้านเหมือนกัน คุณชี้มาสิ”

หยางยู่หลันร้อนใจจนใบหน้าแดงก่ำ

เธอมาเพื่อดูบ้าน เป็นความคิดเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น ยังไม่ทันที่จะได้จองกับผู้จัดการฝ่ายขายเลย และใบปลิวก่อนหน้านี้ ก็ถูกลืมไว้บนรถโดยสารสาธารณะด้วย

เมื่อเห็นว่าเธอไม่สามารถตอบได้ หวูเฉียวเหมยแม่ลูก ก็ยิ่งภูมิใจมากขึ้นไปอีก

พวกเธอเริ่มพูดให้ร้ายด้วยเสียงอันดัง และยังเรียกให้ผู้จัดการฝ่ายขายมาอีกด้วย ต้องการที่จะให้ฉินเทียนและพวกของเขาถูกไล่ออกไป

เมื่อชาลีมองไปที่ฉินเทียน ก็พูดอย่างภาคภูมิใจว่า : “ไอ้หนู เชี่ยนเชี่ยนได้บอกฉันแล้ว แกเป็นอะไรนะ เกาะผู้หญิงกินอย่างนั้นเหรอ?”

“แต่ฉันต้องยอมรับเลย ผู้หญิงของแกสวยมากจริงๆ ”

“แกกล้าที่จะสู้กับฉันไหม ถ้าชนะละก็ ฉันจะซื้อบ้านให้สาวน้อยของแก แกก็ยังมาถูๆไถ่ๆได้อยู่”

“ถ้าแพ้ ก็ออกไปให้พ้น”

เขามีสถานะของชาวต่างชาติ ต้องดึงดูดความสนใจของพนักงานอยู่แล้ว

ผู้จัดการฝ่ายขายคนหนึ่งรีบวิ่งออกมา ต่อหน้าของชาลีและหวูเชี่ยนเชี่ยน เขาก้มคำนับ

จากนั้น ก็มองไปที่ฉินเทียน ด้วยสีหน้าเข็มขึ้น แล้วพูดอย่างไม่มีมารยาทว่า : “คุณท่านนี้ พวกคุณไม่ได้มีนัดกับผู้จัดการคนไหน เชิญออกไปในทันที!”

“ชุมชนของพวกเราที่นี่เป็นชุมชนระดับไฮโซ ไม่ใช่สถานที่ที่คนอย่างพวกคุณจะมากินมาดื่มได้”

ซูซูโกรธจัดจนวางเค้กถั่วเขียวที่กินไปแล้วบนมือครึ่งหนึ่งวางลงบนจานแล้วพูดว่า : “ฉินเทียน พวกเราไปกันเถอะ!”

“มีคุณสมบัติอะไร!”

“คนขายบ้านแบบนี้ ถึงจะดีแต่ก็ไม่ต้องการหรอก!”

ฉินเทียนจับมือของซูซูเอาไว้ แล้วกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า : “ภรรยา อย่ากังวลไปเลย”

“ที่จริงแล้ว พวกเรานัดคนเอาไว้แล้ว เพียงแต่ว่า ไม่ใช่พวกพนักงานขายพวกนี้เท่านั้นเอง”

เขาหยิบเอาของที่อยู่ในถาดขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นเค้กถั่วเขียวที่ซูซูกินเหลือไว้อีกครึ่งหนึ่ง กัดเขาไปหนึ่งคำ แล้วมองไปที่ผู้จัดการฝ่ายขายที่อยู่ตรงหน้าเขา แล้วพูดว่า : “นายชื่อเฉาเฟิงงั้นเหรอ?”

เฉาเฟิงยิ้มเยาะแล้วพูดว่า : “ทำไม หรือว่าแกจะอยากร้องเรียนฉันอย่างนั้นเหรอ?”

เขาชี้ไปที่ป้ายบนหน้าอกของตัวเอง แล้วพูดอย่างภูมิใจว่า : “เฉาเฟิง หมายเลขพนักงาน 9527 เป็นผู้จัดการฝ่ายขายของโครงการจิ่นซิ่วซานเหอ”

“คุณผู้หญิงหวูและครอบครัวของเธอ เป็นแขกผู้มีเกียรติที่ฉันเป็นคนเชิญมา”

“ตอนนี้พวกคุณกินก็กินแล้ว ดื่มก็ดื่มแล้ว รีบไสหัวออกไปเถอะ อย่าต้องมาอับอายอยู่ที่นี่อีกเลย มันส่งผลต่ออารมณ์ของลูกค้าผู้สูงส่งทุกท่าน”

เขาชูมือขึ้น ก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในชุดสูทและรองเท้าหนังวิ่งเข้ามาสองสามคนจากที่ไกลๆ ในทันที ดูแล้วเหมือนกับสุนัขที่กำลังจะต่อสู้ ที่ดุร้ายเป็นอย่างมาก

ฉินเทียนยิ้มเยาะแล้วพูดว่า : “อู๋เทียนสงจะมาถึงเมื่อไร?”

“ถ้าเขามาแล้ว ก็ให้เขามาเจอฉันด้วย”

“อู๋…” เฉาเฟิงตะลึงไปครู่หนึ่ง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที : “ไอ้เด็กเหลือขอ ไม่คิดเลยว่าแกจะกล้าเรียกชื่อของประธานบริษัทของพวกเรา!”

“แล้วยังคุยโวโอ้อวดให้เขามาเจอแกอีกงั้นเหรอ!”

“ท่านประธานของพวกเราเป็นคนที่สูงส่งระดับไหน แกถือว่าเป็นอะไรกัน!”

“ตอนนี้ ฉันขอสั่งแก ทันทีในการกระทำของแก ต้องขอโทษในที่สาธารณะ!”

หวูเชี่ยนเชี่ยนไม่คิดมาก่อนว่า ฉินเทียนจะรนหาที่ตายอย่างไม่คิดอย่างนี้ ตอนนี้เธอไม่จำเป็นต้องยั่วยุ พวกคนในแผนกการขายเหล่านี้ ก็ไม่ปล่อยฉินเทียนไปอย่างแน่นอน

แต่เธอก็ยังคงจุดไฟอยู่ข้างๆ นั่น : “จิ่นซิ่วกรุ๊ป ตอนนี้เป็นองค์กรชั้นนำของหลงเจียง”

“ประธานอู๋เทียนสง จะพูดว่าเขาเป็นคนแรกในหลงเจียงก็ไม่เกินจริงเลย”

“คนแซ่ฉิน ไม่คิดว่านายจะกล้าให้ร้ายประธานอู๋อย่างนี้ ไม่กลัวฟ้าผ่าหรือยังไง?”

“แล้วยังมีพนักงานอย่างพวกคุณ เจ้านายของพวกคุณถูกคนดูถูกขนาดนี้ หรือว่าพวกคุณยังทนได้อยู่อีกงั้นเหรอ?”

“รีบมาตีให้ฉัน!”

“ตีอย่างโหดร้ายไปเลย!”

“พวกคุณยิ่งตีรุนแรงมากแค่ไหน ประธานของพวกคุณจะยิ่งต้องดีใจแน่นอน!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เฉาเฟิงก็คิดว่า นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง ที่จะเป็นโอกาสในการแสดงความจงรักภักดีของเขา

เพียงแค่เขาแสดงออกไป รอให้ประธานอู๋ได้รู้เรื่องเข้า ไม่แน่ว่าอาจจะเลื่อนตำแหน่งให้เขาก็ได้

“แกรนหาที่ตายเองนะ อย่างนั้นก็อย่าโทษว่ากูไม่เกรงใจเลย!” เขาพับแขนเสื้อขึ้นแล้ว แววตาดุร้าย แล้วดึงฉินเทียนมาอย่างรุนแรง

ฉินเทียนยกมือขึ้น เสียงเพี๊ยะดังขึ้น ให้เขาโดนเขาโดนข่วนเข้าไปที่หูใหญ่

“เจ้าคนตาสุนัขมองคนต่ำ ไสหัวออกไปซะ!”

เฉาเฟิงถูกตบจนมึนงง ลูกค้าที่เหลือเหล่านั้น ทั้งหมดต่างก็ตะลึงงันไปแล้ว พวกเขาก็ไม่คิดว่า ฉินเทียนจะกล้าลงมือในที่สาธาณะอย่างนี้

“ตีคนแล้ว!”

“รีบเอาคนมาเร็วเข้า!”

“มีคนโดนทุบที่สนามแล้ว!” เฉาเฟิงเอามือปิดหน้า แล้วตะโกนขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมีปฏิกิริยาตอบสนองเข้ามา ในมือถือแท่งยาง กำลังคิดที่จะพุ่งเข้ามา

“หยุดนะ!”

“ไอ้สารเลว รีบหยุดมือเดี๋ยวนี้!” เสียงวิตกกังวลเสียงหนึ่งดังมาแต่ไกล

อู๋เทียนสงลงมาจากรถไมบัคของเขา แล้วรีบพุ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก