ตอนที่ 151: คนที่ได้รับเกียรติ
กระบี่วายุโปรยบินผ่านอากาศราวกับมีความคิดเป็นของตัวเองก่อนที่จะกลับไปที่มือของเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินยื่นมือออกไปรับกระบี่ที่พุ่งเข้ามาหาเขา ตัวกระบี่ยังคงมีเลือดหยดอยู่ แต่ปลายกระบี่ยังคงส่องแสงออกมา
ขณะที่กระบี่วายุโปรยกลับมาที่มือของเขา เลือดที่อยู่บนกระบี่ก็ราวกับมีชีวิตมันเริ่มไหลไปที่ปลายกระบี่และหยดลงพื้นด้านล่าง เนื่องจากกระบี่วายุโปรยซึ่งโชกเลือดก่อนหน้านี้ก็เริ่มที่จะกลับมาสะอาดอีกครั้ง ใบมีเป็นมันเงาราวกับเป็นกระจกที่สะท้อนแสงและยังคงส่องแสงสีขุ่นประกายเงินจาง ๆ จนเกิดแสงพร่างพราวละลานตาผู้คนภายในป่า
เขากวาดสายตาไปยังทหารรับจ้างที่อยู่ด้านบนก่อนที่จะแทงที่ศพและถอดเข็มขัดมิติออกมา เขาถือเข็มขัดมิติเดินไปยังพื้นที่สะอาดเพื่อหาที่นั่ง
ในขณะที่เขาเดิน เขายังคงถือเข็มขัดมิติของทหารรับจ้างโจวที่ตายไป และในเวลาสั้น ๆ เขาก็ได้รวบรวมมเข็มขัดมิติเป็นกองเล็ก ๆ
หลังจากที่เขารวบรวมเข็มขัดมิติทุกอันแล้ว เจี้ยนเฉินก็เก็บกระบี่วายุโปรยกลับไปในร่างกายของเขา เจี้ยนเฉินตรวจสอบเข็มขัดมิติทีละอัน ๆ เพื่อหาเงินและแกนอสูรมากองรวมกันเป็นกองเดียว
ในไม่กี่นาทีเข็มขัดทั้ง 40 อันก็ได้จัดการเรียบร้อยโดยมีกองแกนอสูรและเงินกองเป็นภูเขาน้อย ๆ ข้าง ๆ เขา มันมีแกนอสูรกว่า 300 อันส่วนใหญ่เป็นของสัตว์อสูรระดับ 2 โดยทุก ๆ สิบแกนอสูรระดับ 2 จะมีแกนอสูรระดับ 3 ปนอยู่ด้วย แต่ไม่มีแกนของสัตว์อสูรระดับ 1 แม้แต่อันเดียว
ครั้งหนึ่งของกองเหรียญเต็มไปด้วยเหรียญทองแดงและเหรียญเงินโดยมีเหรียญทองอยู่เล็กน้อยประมาณ 500 เหรียญในระหว่างเหรียญทั้งสามชนิด มีเหรียญม่วงอยู่ 50 เหรียญและเงินที่เขารวบรวมได้ทั้งหมดจากกองนี้เท่ากับ 70 เหรียญม่วง
ไม่มีใครไม่ชอบเงิน เจี้ยนเฉินเก็บแกนอสูรและเงินทั้งหมดไว้ในเข็มขัดมิติของเขา เจี้ยนเฉินเดินไปจากศพของทหารรับจ้างโจวพร้อมกับเข็ดขัดมิติของพวกเขาและออกจากพื้นที่เหล่านี้ไป สิ่งที่เหลืออยู่ในเข็มขัดมิติเป็นขยะไร้ค่า ซึ่งเจี้ยนเฉินได้กวาดของทุกอย่างที่มีค่าไปหมด
เจี้ยนเฉินไม่ได้ไปไกลนักและซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้แทน เขารู้ว่ามีทหารรับจ้างพยายามค้นหาเขาเพื่อที่จะพาเขากลับไปยังตระกูลเทียนซ่งเพื่อรับรางวัล อย่างไรก็ตามเนื่องจากเทือกเขาสัตว์อสูรนั้นมีขนาดใหญ่มากและยังมีภูมิประเทศที่ซับซ้อน แม้ว่าพวกเขาจะมีคนห่างออกไปทุก 100 เมตรมันก็ยังคงยากที่จะหาเขา ระยะเวลาที่ใช้ค้นหาของกลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มอื่น ๆ น่าสงสารเกินไปมาก ถ้าเขาต้องรออยู่ที่นี่
บนเทือกเขา ทหารรับจ้างทุกคนยังคงพยายามปูพรมเพื่อค้นหา ทหารรับจ้างโจวเป็นกลุ่มแรกที่มาถึงสถานที่แห่งนี้
ไม่ไกลจากจุดซ่อนตัวของเจี้ยนเฉิน เขาก็ได้เห็นทหารรับจ้างอีกกลุ่มมายังทิศทางของเขา กลุ่มนี้มีเพียง 10 คนซึ่งแตกต่างกันอย่างมากจากจำนวนของทหารรับจ้างโจวกลุ่มก่อน ๆ อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินรู้สึกว่ากลุ่มนี้เต็มไปด้วยเซียนผู้เชี่ยวชาญ ความแข็งแกร่งของกลุ่มนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่ากลุ่มทหารรับจ้างโจวเลย
ขณะที่กลุ่มทหารรับจ้างเดินมายังใต้ต้นไม้ที่เจี้ยนเฉินซ่อนตัวอยู่ เขาก็กระโดดลงมาลงพื้น ทันใดนั้นเขาก็พุ่งเข้าหากลุ่มพร้อมกับกระบี่วายุโปรยในมือ เขาแทงไปข้างหน้าพร้อมกับปราณกระบี่จำนวนมหาศาลผ่านใบมีดของเขา
ทหารรับจ้างทั้ง 10 ตอบโต้ทันทีเมื่อเห็นเจี้ยนเฉินเริ่มเคลื่อนไหว แต่ความเร็วของเจี้ยนเฉินนั้นเร็วและว่องไวกว่าพวกเขาจะตอบสนองได้ทันและเขาก็ได้ปิดช่องโหว่ระหว่างพวกเขา เขาฟันกระบี่วายุโปรยของเขาตามแนวนอนและแสงพร่างพราวก็แทงไปที่ไหล่ของทหารรับจ้างคนหนึ่ง
ในเวลาเดียวกันทหารรับจ้างทุกคนก็กระชับอาวุธเซียนของพกวเขาและพุ่งมาด้วยความโกรธ ทหารรับจ้างที่อยู่ด้านหลังเริ่มวิ่งไปข้างหน้าและขังเจี้ยนเฉินไว้ในวงล้อม
เจี้ยนเฉินดึงกระบี่ออกมาจากไหล่ชายคนนั้นและยกขึ้นมาเตรียมป้องกันทันที เนื่องจากเซียนผู้เชี่ยวชาญได้ล้มลง กระบี่วายุโปรยก็พุ่งไปยังทหารรับจ้างคนอื่นด้านหน้าอีกคนทันที
ทหารรับจ้างที่เป็นเป้าหมายรับนำกระบี่ของเขาขึ้นมาป้องกันการโจมตี แต่กระบี่วายุโปรยก็ยังอ้อมการป้องกันของเขาและทะลวงไปยังไหล่ขวาของเขาอย่างรวดเร็ว
“เจ้า รนหาที่ตาย ! “
เมื่อเห็นอีกคนถูกโจมตี ทหารรับจ้างคนอื่น ๆ ก็โมโหพร้อมกับเร่งพลังเซียนเข้าไปในอาวุธของพวกเขา พวกเขายังคงติดตามเจี้ยนเฉินพร้อมกับอาวุธเซียน
เจี้ยนเฉินลอยถอยหลังไป 10 เมตรอย่างรวดเร็วทำให้กระบี่ของพวกเขาโจมตีไม่โดนอะไรนอกจากอากาศ อาวุธที่เหลือก็ชนเข้ากับพื้นทำให้เกิดประกายไฟขนาดใหญ่
เจี้ยนเฉินถือกระบี่ไว้ในมือขวาขณะที่ชี้ปลายกระบี่ลงพื้นพร้อมกับใช้สายตาจ้องมองไปยังทหารรับจ้าง
เจ้ากล้าที่จะลอบโจมตี เจ้าต้องเหนื่อยกับการมีชีวิตแล้วแน่ ๆ ไอ้บัดซบ
คนตัวใหญ่บึกบึนสบถด่าใส่เจี้ยนเฉินพร้อมกับใช้กระบี่สองมือขนาดใหญ่ฟันมาที่เขา
บันถู! ก่อนที่ชายคนนั้นจะก้าวไปด้านหน้า ชายกลางคนอีกคนก็เข้ามารั้งเขาเอาไว้
คนที่ชื่อบันถูมองไปยังคนที่ขวางเขาไว้อย่างโกรธเคือง มู่เจี่ยน! เจ้าอย่ามาขวางข้า เจ้าไม่เห็นไอ้นั่นทำร้ายฮาถงและอีริคหรือ ?
คนที่ชื่อมู่เจี่ยนส่ายหัวขณะที่เขาไม่สนใจบันถู เขามองไปที่เจี้ยนเฉิน สหาย ข้าไม่รู้ว่าทำไมเจ้าถึงโจมตีเราอย่างไม่ตั้งตัว
เจ้ามาที่นี่เพื่อค้นหาและจับคนที่ชื่อเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินพูด
เมื่อได้ยินสิ่งนั้น คนที่ชื่อมู่เจี่ยนก็มองไปที่กระบี่วายุโปรยในมือและเหมือนกับว่าเขานึกอะไรบางอย่างออก ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมากก่อนที่จะตะโกนถามออกมาว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าคือเจี้ยนเฉิน ?
ถูกต้อง ข้าคือเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินยิ้ม แต่มันเป็นรอยยิ้มประเภทปากยิ้มแต่ตาไม่ยิ้ม
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ทหารรับจ้างทั้ง 10 คนก็มองหน้ากันด้วยความตื่นเต้น พวกเขาไม่คิดว่าเขาจะบังเอิญเจอเจี้ยนเฉินได้ แต่หากว่าเขาสามารถจับตัวเจี้ยนเฉินไปได้ เขาจะได้รับรางวัล 10,000 เหรียญม่วง อย่างไรก็ตามเทียนที่จะมองอย่างมีความสุข ใบหน้าของมู่เจี่ยนก็มีแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจ
งั้น เจ้าก็คือเจี้ยนเฉิน นี่มันมาก….
“ไม่ต้องพูด!”
ในขณะที่ทหารรับจ้างอีกคนยิ่งและพูดอะไรบางอย่าง มู่เจี่ยนก็ตัดบททันที มู่เจี่ยนมองไปยังเจี้ยนเฉินและป้องมือเข้าด้วยกันพลางกล่าวว่า ข้าไม่คิดว่าจะได้รับเกียรติ นี่คือเจี้ยนเฉิน คนที่ได้รับเกียรติในเรื่องของความกล้าหาญจากทหารรับจ้าง การที่ได้เห็นคนที่มีเกียรติอย่างเจี้ยนเฉินคนนี้ มันเป็นพรให้กับข้าไปยังสามชั่วอายุคนจริง ๆ