ตอนท่่ี่ 152: ไม่แน่ใจ
เจี้ยนเฉินหัวเราะและพูดว่า เจ้าเยินยอข้าเกินไป มู่เจี่ยนไม่จำเป็นต้องยกย่องข้าขนาดนั้นก็ได้ ข้าคิดว่ากลุ่มของเจ้าเข้ามาในเทือกเขาสัตว์อสูรเพื่อตามหาข้าเช่นกัน
นั่นถูกต้อง เรามาเพื่อจับเจ้า อีกคนที่ไม่ใช่มู่เจี่ยนตอบกลับเสียงดัง
เมื่อได้ยินชายคนนั้นพูด ใบหน้าของมู่เจี่ยนก็เปลี่ยนไปก่อนที่จะมองไปยังชายที่อยู่ด้านหลังด้วยความโกรธ ชายคนนั้นแสดงสีหน้าที่สับสนและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
มู่เจี่ยนป้องมืออีกครั้งเมื่อหันกลับมาที่เจี้ยนเฉินและหัวเราะ เจี้ยนเฉินผู้มีเกียรติ ข้าและสหายของข้าได้เข้ามาในเทือกเขาสัตว์อสูรเพื่อมาดูความสนุกและตื่นเต้น เราไม่ได้มีความคิดที่จะจับเจี้ยนเฉินผู้มีเกียรติเลย ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เข้าในพวกเราผิด
เข้าใจผิด ! เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ถ้าข้าได้ยินผิดงั้นก็แก้ไขให้ข้าได้ยินถูกต้องด้วย สหายของเจ้าตรงนั้นบอกว่ากลุ่มของเจ้าเข้ามาเพื่อจับข้า แบบนี้จะไม่ให้ข้าเข้าใจผิดได้อย่างไร ?
เมื่อได้ยินอย่างนี้สีหน้าของมู่เจี่ยนก็เต็มไปด้วยความรู้สึกอับอาย เมื่อพวกเขาเข้ามาในเทือกเขาสัตว์อสูร พวกเขาต้องการจับเจี้ยนเฉินจริง ๆ แม้ว่าพวกเขาจะเคยได้ยินเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินและมีเซียนผู้เชี่ยวชาญมากมายที่ตายภายใต้น้ำมือของเขา พวกเขาคิดว่ามันเป็นข่าวลือ ในข่าวลือมักจะเป็นเรื่องเกินจริงเสมอและมู่เจี่ยนกับกลุ่มของเขาก็เข้าใจไม่ต่างกัน
แต่เวลานี้มู่เจี่ยนได้เห็นความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินแล้ว เขาสามารถบอกได้เลยว่าไม่มีสหายคนไหนของเขาที่สามารถเป็นศัตรูกับเจี้ยนเฉินได้ แม้ว่าพวกเขาจะมีจำนวนที่มากกว่า แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะจับกุมเจี้ยนเฉินโดยที่ไม่พวกเขาไม่บาดเจ็บหนักเช่นกัน เขาก็ตระหนักแล้วว่าถ้าเจี้ยนเฉินเอาจริง สองคนนั้นจะต้องลงไปนอนตายอยู่บนพื้นนานแล้ว ด้วยเหตุนี้มู่เจี่ยนจึงเลิกคิดที่จะจับเจี้ยนเฉิน ในเวลานี้เขาไม่ต้องการขัดแย้งกับเจี้ยนเฉินไม่อย่างนั้นเขาจะต้องสูญเสียอย่างหนัก
เมื่อเห็นมู่เจี่ยนเงียบ เจี้ยนเฉินก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง ข้าไม่ต้องการฆ่าคนบริสุทธิ์แบบมั่ว ๆ หากเจ้ามอบแกนอสูรทุกชิ้นที่อยู่ในเข็มขัดมิติ เจ้าก็สามารถรับชีวิตของตัวเองกลับไปได้ ถ้าเจ้าไม่ทำอย่างนั้นก็อย่ามาโทษข้า หากว่าข้านั้นไร้ปราณี ทันใดนั้นจิตสังหารก็ปะทุออกมาตามการมองของเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ทหารรับจ้างทุกคนก็เผยสีหน้าที่โกรธเกรี้ยวและดูถูก ในบรรดาสิบคนนั้นไม่มีใครที่เข้าใจกระจ่างนอกจากมู่เจี่ยนจริง ๆ
เจี้ยนเฉิน เจ้ามันน่ารังเกียจที่ใช้อุบายสกปรก เจ้ามีคุณสมบัติอะไรที่จะพูดอย่างนั้น ? เข้ามารับกระบี่ของลุงเจ้าสิ!
คำพูดของเจี้ยนเฉินทำให้หลาย ๆ คนโกรธและทันใดนั้นชายร่างกำยำที่อยู่ด้านหลังมู่เจี่ยนก็ยกกระบี่ยักษ์ขึ้นมาด้วยความโกรธก่อนที่จะพุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉิน
ช้าก่อน ! มู่เจี่ยนพยายามขัดขวางชายคนนั้นโดยไม่สนใจความโกรธที่อยู่ในแววตาของเขา เขาหันไปมองที่เจี้ยนเฉินและพูดว่า เจี้ยนเฉิน เราจะกลายเป็นศัตรูโดยไม่ได้ตั้งใจ มันไม่จำเป็นที่จะต้องบังคับเราให้ทำแบบนี้ ?
เจี้ยนเฉินหัวเราะเย็นชาและกล่าว่า ข้าบอกเจ้าไปแล้ว ทิ้งแกนอสูรไว้และกลับไปยังที่ที่เจ้าอยู่ ไม่อย่างนั้นมันก็ยังมาอยู่ในมือข้าอยู่ดี เขาหยุดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า อย่างไรก็ตามถ้าเจ้ามีการต่อต้านและล้มตาย ก็อย่ามาโทษข้าแล้วกัน
คำพูดของเจี้ยนเฉินไม่เหลือที่ว่างให้เจรจาอีก ทำให้มู่เจี่ยนเศร้าอย่างมากขณะที่เขาพูดว่า มันเป็นอย่างที่พวกเขาพูด โดยไม่ต้องแก้ไขใด ๆ ผู้มีเกียรติเจี้ยนเฉินเจ้าทำมากเกินไป เข็มขัดมิติเต็มไปด้วยแกนอสูรที่พวกเขาเสี่ยงชีวิตออกไปฆ่าสัตว์อสูรและสะสมมาเป็นเวลานาน มู่เจี่ยนรู้ว่าถ้าเขาต้องสู้กับเจี้ยนเฉินมันจะต้องเกิดการสูญเสียอย่างแน่นอน แต่ในเวลาเดียวกันกว่าจะได้แกนอสูรมันก็เป็นเรื่องยากมาก ยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงการส่งมอบแกนอสูรเลย
มู่เจี่ยน เจ้ามัวพล่ามอะไรกับเขา? เร็วเข้าไปจับเขามา เขาต้องการที่จะเอาแกนอสูรของพวกเราทั้งหมดไปเป็นของตัวเอง มันเป็นเรื่องที่น่าหัวร่ออะไรเช่นนี้ ! ชายผมสีทองคนหนึ่งพูดอย่างดูถูก
เจี้ยนเฉิน แม้ว่าเจ้าจะทำให้พี่น้องของเราสองคนบาดเจ็บ นั่นก็เป็นเพราะว่าเจ้าลอบทำร้ายเราจากด้านหลัง พวกเรามีกัน 10 คน ดังนั้นมันก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะต่อกรกับพวกเราได้ อย่างมากก็คือทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บสาหัส แต่มันก็ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับพวกเราเท่าไรนัก ในทางกลับกันเจ้าจะได้รับบาดเจ็บอย่างหนักและเจ้าจะเสียเปรียบอย่างมาก หลังจากนั้นก็มีหลายคนที่จะเข้ามาในเทือกเขาสัตว์อสูรเพื่อจับเจ้า สำหรับเรานี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราต้องกังวล แต่สำหรับเจ้ามันคือการต่อสู้ด้วยชีวิตและความตาย ดังนั้นการบอกให้เรามอบแกนอสูรของเราให้นั้นมันเป็นไปไม่ได้ ชายกำยำพูดขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขารู้ว่าพลังของเจี้ยนเฉินก็ไม่ได้อ่อนด้อยเช่นกัน
ตาของเจี้ยนเฉินทอประกายความเย็นชาขณะที่เขายกกระบี่วายุโปรยขึ้น เช่นนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องพูดคุยอีกต่อไป มาสู้กันเถอะ เขาพูดเสร็จก็พุ่งเข้าไปหาคนทั้งสิบ
มู่เจี่ยนไม่ได้พูดอะไรมากและถือกระบี่ของเขา ทุกคนเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับเจี้ยนเฉิน
ทั้ง 10 คนนั้นมีความแข็งแกร่งของเซียนผู้เชี่ยวชาญและในอดีตหากว่าเจี้ยนเฉินต้องต่อสู้กับเซียนผู้เชี่ยวชาญทั้ง 10 คนนี้ เขาจะเสียเปรียบอย่างมาก แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขานั้นเกินกว่าเซียนผู้เชี่ยวชาญที่อยู่รอบ ๆ ทั้งหมดและเขาก็สามารถจัดการกับพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
บวกกับการใช้ย่างก้าวพริบตาเพื่อป้องกันตัวเองจากการโจมตีของเซียนผู้เชี่ยวชาญและโต้ตอบ ทั้งทหารรับจ้างและเจี้ยนเฉินต่างก็เป็นคู่ที่เหมาะสมกันอย่างเท่าเทียม แม้จะมีข้อเสียตรงที่เจี้ยนเฉินมีคนเดียว แต่ทหารรับจ้างก็ค่อย ๆ สูญเสียความได้เปรียบของพวกเขาอย่างช้า ๆ จากที่โดนเจี้ยนเฉินแทงไปที่คอของพวกเขา แต่พวกเขาก็มักจะหลบไปด้านข้างในช่วงเวลาสำคัญที่สุด อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ถูกเจี้ยนเฉินแทงด้วยกระบี่ไปหลายครั้ง
เจี้ยนเฉินเหมือนกับปีศาจที่ถูกครอบงำ ทุกครั้งที่เขาหายตัวไปและมักปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งบริเวณใดก็ได้ พร้อมกับกระบี่วายุโปรยที่มีปราณกระบี่เป็นจำนวนมาก
กระบี่วายุโปรยสะบัดผ่านอากาศ มันสามารถได้ยินเสียงของการฝ่าอากาศได้อย่างชัดเจน เนื่องจากมันโจมตีออกมาเป็นทางตรงเพียงอย่างเดียว
“ปุด!”
กระบี่วายุโปรยที่ได้เพิ่มความคมโดยปราณกระบี่แทงเข้าไปยังแขนขวาของทหารรับจ้าง ในเวลาเดียวกันกระบี่วายุโปรยก็แทงทะลุไปยังร่างกายของเขาทำให้เขาเสียแขนทันที
ชายคนนั้นเริ่มกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด กระบี่ในมือของเขาลอยขึ้นไปบนอากาศพร้อมกับแขนขวาที่บิดเบี้ยวอย่างสมบูรณ์ทำให้เขาสูญเสียความแข็งแกร่งเนื่องจากเขาไม่อาจถืออาวุธได้อีกต่อไป
ปัง ! เจี้ยนเฉินเตะไปที่ชายคนนั้นอย่างแรงเข้าที่ท้องทำให้เขาลอยถอยหลังออกไป โยกตัวไปด้านข้างเพื่อหลบเลี่ยงอาวุธที่โจมตีมาที่เขา ในเวลาเดียวกันเขาก็ฟันกระบี่ไปที่ชายคนนั้นทำให้ชายคนนั้นตกใจ เจี้ยนเฉินใช้ประโยชน์จากอาการของเขาโดยแทงไปที่ไหล่ขวาของเขาทันทีโดยไม่รอให้เขาตอบสนอง