ตอนที่ 153: พบเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษอีกคน
การบาดเจ็บที่ไหล่ขวาส่งผลต่อความสามารถในการใช้กระบี่ของเขา ชายคนนั้นถูกแทงทะลุไหล่ขวาได้รับบาดเจ็บเกินกว่าจะรู้สึก เนื่องจากปลายกระบี่ได้คลุมปรานกระบี่เอาไว้ด้วย ทำให้กระบี่วายุโปรยซึ่งแทงไปที่ไหล่ขวาของชายคนนั้นจนเขาไม่อาจใช้งานแขนขวาได้และกลับมาต่อสู้ได้อีกต่อไป
สมาชิกที่ได้รับบาดเจ็บทำได้เพียงหลบหนีอย่างน่าสงสาร ขณะที่เจี้ยนเฉินไปต่อสู้กับทหารรับจ้างคนอื่น ๆ
เสียงการปะทะของอาวุธเซียนสามารถได้ยินตลอดเวลาเมื่อพลังเซียนของทุกคนปะทะกัน มันถึงขั้นที่ว่าต้นหญ้าใกล้ ๆ เต็มไปด้วยดินที่ระเบิดออกไป พร้อมกับมีละอองฝุ่นมากมายจนแทบไม่เห็นร่างของคน
“อ๊าก..”
“อ๊าก..”
บ่อยครั้งที่ได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดและโหยหวนออกมาทุกคนที่มีคนถูกเตะขึ้นไปบนอากาศ แต่ละร่างเต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลตามร่างกาย ไม่นานทหารรับจ้างทั้ง 10 ก่อนหน้านี้ก็เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ร่างของเจี้ยนเฉินพุ่งเข้าไปฟาดฟันกับคู่ต่อสู้อย่างดุเดือดตลอดเวลา แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บหรือแม้แต่บาดแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ บนร่างกายของเขา เขาใช้กระบี่วายุโปรยป้องกันและแทงไปยังไหล่ของทหารรับจ้างคนอื่น
ข้าไม่ต้องการฆ่าคนบริสุทธิ์ เพราะงั้นข้าจะให้โอกาสทุกคนเป็นครั้งสุดท้าย หากพวกเจ้ายังคงดื้อดึงต่อไป เช่นนั้นไม่อาจโทษอะไรข้าได้อีก เจี้ยนเฉินตะโกนออกไปอย่างไร้อารมณ์พร้อมกับจิตสังหารที่อยู่ในดวงตาของเขา เขายอมอ่อนข้อให้มากพอแล้วจนถึงตอนนี้ แต่เพราะพวกเขายังคงดื้อดึง เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องฆ่าพวกเขา
นี่เป็นสิ่งที่พบได้ทั่ว ๆ ไปในทวีปเทียนหยวน ดังนั้นเจี้ยนเฉินจึงไม่คิดว่าเขาผิด สุดท้ายแล้วโลกใบนี้ก็เชื่อฟังคนที่มีพลัง ตามกฎของป่าและผู้ที่มีพลังก็จะครอบครองทั้งหมด คนอ่อนแอไม่อาจพูดอะไรได้ในโลกใบนี้
หากทหารรับจ้างคนในเข้ามาในเทือกเขาสัตว์อสูร พวกเขาก็มาเพื่อจับตัวเจี้ยนเฉินและพาเขากลับไปหาตระกูลเทียนซ่งเพื่อรับรางวัล ทหารรับจ้างทั้ง 10 คนด้านหน้าเขาก็ไม่แตกต่างกัน หากไม่ใช่ว่าเพราะเจี้ยนเฉินแข็งแกร่งกว่าพวกเขา ทหารรับจ้างเหล่านี้ก็คงไม่ยอมสู้กับเขาตั้งแต่แรก
เมื่อได้ยินอย่างนี้คนที่ชื่อมู่เจี่ยนมองไปยังเพื่อนทหารรับจ้างที่ต่างได้รับบาดเจ็บและอ่อนแอ เขาก็กัดปากของเขาและสุดท้ายก็พูดออกมา หยุด !
มู่เจี่ยนไม่ได้หยิ่งในศักดิ์ศรีของกลุ่มทหารรับจ้างอีกต่อไป ช่วงเวลาที่เขาพูดทหารรับจ้างทุกคนกระโดดถอยหลังทันทีและมองด้วยความหวาดกลัวไปยังเจี้ยนเฉินและกระบี่วายุโปรย กระบี่ของเขาเร็วมาจนทำให้พวกเขากลัวเป็นอย่างยิ่ง ในระหว่างการต่อสู้กับเจี้ยนเฉินมีหลายคนที่กระบี่วายุโปรยเกือบจะโดนพวกเขา ก่อนที่จะถูกช่วยเหลือจากเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ ในนาทีสุดท้าย
มู่เจี่ยนมองไปยังเจี้ยนเฉินด้วยท่าทีที่ซับซ้อน แต่เมื่อเห็นจำนวนเลือดที่ไหลออกมาจากกระบี่วายุโปรยของเขา เขาก็พูดอย่างสลดอย่างช่วยไม่ได้ ทุกคน นำแกนอสูรของพวกเจ้าออกมา เจี้ยนเฉินผู้มีเกียรติได้เมตตาพวกเราแล้ว หากเราไม่ทำตามความต้องการของเขาในครั้งนี้ มันคงไม่ใช่อาการบาดเจ็บเล็กน้อยอีกต่อไปแล้ว
คราวนี้ไม่มีทหารรับจ้างคนใดไม่เห็นด้วยอีกต่อไป เมื่อมองไปยังด้านหน้าด้วยใบหน้าที่หดหู่พร้อมกับนำแกนอสูรที่เหลืออยู่ทั้งหมดออกมาอย่างเงียบ ๆ และวางมันลงไปบนพื้น
หลังจากการปะทะกันสั้น ๆ พวกเขาก็รู้ว่าแม้จะมี 10 คน พวกเขาก็ยังไม่อาจจัดการกับคนหนุ่มคนนี้ได้ จากการใช้กระบี่อย่างรวดเร็วและการป้องกันที่รวดเร็วของพวกเขาแล้วมันก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะโจมตีหรือป้องกันต่อไปได้
เซียนผู้เชี่ยวชาญทั้ง 10 เหล่านี้มีแกนอสูรมากมาย แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีแกนอสูรระดับ 3 มากนัก แต่พวกเขาก็มีแกนอสูรระดับ 2 เป็นจำนวนมาก
เจี้ยนเฉิน นี่คือแกนอสูรทั้งหมดที่พวกเรามี นั่นหมายความว่าเราไปได้แล้วใช่หรือไม่ ? มู่เจี่ยนพูดด้วยใบหน้าเหยเก
เจี้ยนเฉินมองไปยังแกนอสูรที่อยู่บนพื้นด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา ถ้าเจ้าให้แกนอสูรตั้งแต่แรกเรื่องเหล่านี้ก็หลีกเลี่ยงได้ ไม่เป็นไรแม้ว่าข้า เจี้ยนเฉิน จะไม่บอกว่าตัวเองเป็นสุภาพบุรุษ แต่ข้าก็เป็นคนรักษาสัญญาเสมอ พวกเจ้าไปได้
มู่เจี่ยนเอาตัวรอดได้อีกครั้งหนึ่งและมองไปยังกองแกนอสูรเล็ก ๆ ที่อยู่บนพื้นอย่างไม่เต็มใจ เขาถอนหายใจอย่างท้อแท้ มู่เจี่ยนและสหายของเขาก็ออกไปจากที่นี่ ถึงแม้ว่าแกนอสูรจะไม่มาก แต่ก็เป็นสิ่งที่เซียนผู้เชี่ยวชาญต้องการ
จำไว้ ว่าข้าไม่ต้องการเห็นเจ้าอีก ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่ปล่อยแน่ ๆ เจ้าควรจะออกไปจากเทือกเขาสัตว์อสูรทันที
ขณะที่ทหารรับจ้างทั้ง 10 เดินจากไป เจี้ยนเฉินก็ตะโกนไล่หลังพวกเขา
เมื่อได้ยินอย่างนี้มู่เจี่ยนหยุดเดินเพียงเสี้ยววินาที แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร หลังจากนั้นเขาก็ก้าวหายไปในป่า
เจี้ยนเฉินเก็บกระบี่วายุโปรยของเขาและเดินไปยังกองแกนอสูรอย่างใจเย็น หลังจากที่ก้มเก็บพวกมันไว้ในเข็มขัดมิติส่วนตัวของเขา เขาก็รู้ว่ามันมีจำนวนกว่า 200 อัน ส่วนมากเป็นระดับ 2 และระดับ 3 มีเพียง 20 อันเท่านั้น
เมื่อเจี้ยนเฉินเก็บแกนอสูรทั้งหมดแล้ว เขาก็ค่อย ๆ ยืดหลังบิดขี้เกียจและยิ้มอย่างเย็นชาพลางพูดออกมาว่า เพื่อนยาก เจ้ามาที่นี่สักพักแล้วและก็เห็นมากแล้ว เจ้ายังไม่ออกมาอีก?
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
เมื่อเจี้ยนเฉินพูดจบก็มีเสียงดังออกมาจากป่า หลังจากนั้นก็มีเงาสีเทาบินออกมาจากในป่าและหยุดลงห่างจากเขา 20 เมตร
คนที่มาค่อนข้างแก่อายุประมาณ 50-60 ปี ใบหน้าของเขาแดง เขามองมายังเจี้ยนเฉินด้วยท่าทีร่าเริง ตัดสินจากผมเผ้าที่กลายเป็นสีเงินดอกเลา ชายคนนั้นทำตัวขัดกับอายุของเขาอย่างมาก เขาสวมเสื้อคลุมสีเทาและสูงกว่าเจี้ยนเฉินมากและแม้ว่าเขาจะยืนด้วยอยู่ที่พื้นปกติ เจี้ยนเฉินก็รับรู้ถึงความรู้สึกกดดันที่แผ่ออกมาจากตัวเขา
เมื่อเห็นผู้อาวุโส เจี้ยนเฉินก็ทำอะไรไม่ได้ แต่เพิ่มความระมัดระวังและใบหน้าของเขาเริ่มจริงจังมากขั้น เขามองไปอย่างลึกซึ้งและพูดว่า เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ !
ผู้อาวุโสหัวเราะ เด็กน้อย ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะสามารถบอกได้ถึงความแข็งแกร่งของตาเฒ่าอย่างข้าได้ ไม่เลว ไม่เลว ไม่เลวเลย ไม่น่าแปลกดูจากความแข็งแกร่งของเจ้าก็ไม่ต่างจากที่ไอ้บัดซบเฒ่าเทียนซ่งหลีบอก