บทที่ 125 เรือเคลื่อนเมฆา (2)
ซูเฉินนี่ก็คงแค่ทำทีไปอย่างนั้น ไม่มีเงินแล้วยังทำว่าตนมี น้องหญิงเจ็ดอาจจะถูกมันหลอกมาก็เป็นได้ แต่มันไม่รอดพ้นสายตาเฉียบคมของกู่จิ่นถังไปได้หรอก เขาจะต้องเปิดโปงซูเฉินคนลวง เปิดตาน้องหญิงเจ็ดให้จงได้ กู่จิ่นถังคิดอยู่ในใจ
ซุยเมี่ยวหลิงยังคงตกลงราคาอยู่กับซูเฉิน “เช่นนั้นคุณชายให้ราคาเท่าไหร่ ?”
“80 ล้านน่าจะเหมาะ” ซูเฉินตอบ
เพ้ย !
กู่จิ่นถังที่นั่งรอชมการแสดงพลันพ่นชาออกมาทันที
80 ล้าน ?
กู่จิ่นถังจ้องซูเฉินด้วยความตกใจ
กล้าเสนอราคานั้นไปหรือ ?
จริง ๆ แล้วมันเป็นราคาที่สมเหตุสมผลมาก ดูแล้วร้านจันทร์ลอยเด่นน่าจะยอมรับได้
แต่ซูเฉินมีเงินมากขนาดนั้นเลยหรือ ?
เป็นความคิดแรกที่แวบขึ้นในหัวกู่จิ่นถัง
ทว่าซุยเมี่ยวหลิงกลับส่ายหัว กลับมาสบายใจอีกครั้ง ใช่แล้ว ซูเฉินคงรู้ว่าร้านจันทร์ลอยเด่นคงไม่ยอมรับราคานี้แน่จึงจงใจเสนอไป
ซุยเมี่ยวหลิงว่า “คุณชายซูเสนอราคาต่ำเกินไป อย่างไรพวกเราก็ทำการค้าขาย ก็ต้องมีกำไรกันบ้าง”
“ข้าเสนอราคานี้มาก็เพื่อให้เจ้าได้ทำกำไรบ้างแล้ว”
ซุยเมี่ยวหลิงถอนใจ “หากคุณชายอยากได้ของดี ทำไมจึงคิดเล็กคิดน้อยกับหินพลังต้นกำเนิดไม่กี่ก้อนเล่าเจ้าคะ”
นางพูดแล้วก็คลี่ยิ้มทะลวงใจคน อวิ๋นเป้ากับกังเหยียนตงลงสู่ภวังค์ทันที
ทว่าซูเฉินมีพลังจิตแข็งแกร่ง มองเมินเรื่องเมื่อครู่ไปได้ไม่ยาก เขากล่าวเพียง “หากผู้ดูแลซุยคิดจะทำการค้าโดยใช้วิธีเช่นนี้ ข้าก็คงได้แต่ใช้วิธีเดียวกัน”
พูดจบก็จ้องตรงไปยังซุยเมี่ยวหลิง ซุยเมี่ยวหลิงพลันรู้สึกว่าดวงตาเสียหลัก ตกลงสู่ห้วงฝันในทันใด
หญิงสาวข้างกายนางไม่รู้อะไร ได้แต่มองซุยเมี่ยวหลิงที่ชะงักไปแล้วพลันตะโกนขึ้น “เอาล่ะ หินพลังต้นกำเนิด 10 ล้าน !”
อะไรนะ ?
หญิงสาวอีกคนสะดุ้งจนแทบตัวโยน
จากนั้นซูเฉินจึงแตะใบหน้าซุยเมี่ยวหลิงเบา ๆ ทำให้ซุยเมี่ยวหลิงสะดุ้งเฮือกราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน รีบถอยแล้วร้องลั่นทันที “ท่านทำอะไรข้า ?”
“ก็ไม่ได้ทำอะไร แค่แตะให้เจ้าตื่นเท่านั้น เจ้าตกลงจะขายของให้ข้าในราคา 10 ล้าน หากข้าไม่ปลุกเจ้าตื่นก็คงตกลงในราคานั้นไปแล้ว แต่แน่นอนว่ามีปีญหาตามมาไม่รู้จบแน่ เพราะมันไม่ใช่การค้าที่ใช้กลยุทธ์ปกติธรรมดา ข้าจึงไม่คิดจะทำการค้าเช่นนั้น ได้แต่หวังว่าผู้ดูแลซุยจะไม่ทำเช่นนั้นด้วยเหมือนกัน” ซูเฉินตอบยิ้ม ๆ
ซุยเมี่ยวหลิงสูดลมเย็นเข้าปอด รู้ว่าตอนถูกอีกฝ่ายสั่งสอนเข้าเสียแล้ว
สิ่งที่ซูเฉินกล่าวมาล้วนถูกต้อง หากเขาต้องการ เขาจะซื้อของทุกอย่างในราคาถูกก็ยังได้
ซุยเมี่ยวหลิงมักใช้ความงามตนเอาชนะในการค้าขายอยู่ร่ำไป ไม่คิดเลยว่าจะถูกซูเฉินสั่งสอนในครั้งนี้
มีเพียงกู่จิ่นถังที่คำรามเสียงเย็นอยู่ภายใน เจ้านี่มันไม่มีเงินจริง ๆ ด้วย หากแค่สิบล้านยังไม่มีจ่ายก็นับว่าวางท่าไปอย่างนั้นจริง ๆ
ส่วนเรื่องที่ซูเฉินใช้วิชาลวงเสน่ห์ใส่ซุยเมี่ยวหลิงกลับนั้น เขามองข้ามไปอย่างสิ้นเชิง
ซุยเมี่ยวหลิงไม่โกรธที่อีกฝ่ายใช้กลยุทธ์เดียวกันตอกกลับนาง แต่กลับยกมือปิดปากหัวเราะเสียงหวานแทน “คุณชายเก่งกล้าสามารถนัก ไม่คิดเลยว่าจะมีพลังจิตกล้าแกร่งเช่นนี้ ในเมื่อคุณชายซูไม่อยากเสียเงินมากแต่อยากได้ของดี ข้าก็มีของจะแนะนำหากคุณชายสนใจ”
นางทำเป็นเลอะลืมความผิดตนแล้วปัดมันทิ้งไป ซูเฉินเองก็ไม่ได้มากความ เพียงกล่าวว่า “ถึงข้าจะไม่ชอบที่เจ้าว่ามาเช่นนั้น แต่หากมีของดีจริง ๆ ข้าก็ยอมรับได้”
“เอาล่ะ จริง ๆ ร้านเราก็มีของที่แนะนำอยู่” ซุยเมี่ยวหลิงใช้นิ้วเรียวผายไป แล้วแท่นหินก็ค่อย ๆ โผล่ขึ้นมา บนนั้นมีเรือเคลื่อนเมฆารูปร่างประหลาดอยู่
มันไม่เหมือนเรือเคลื่อนเมฆาลำอื่น ๆ ด้วยลำนี้ทำมาจากอสูรกาย
ทั่วทั้งเรือเคลื่อนเมฆานั้นก็คือร่างกายขนาดใหญ่ของ มังกรวารีหลาก ทว่าหลังมันถูกเฉือนเอาเครื่องในออกไปหมดแล้ว โพรงภายในเต็มไปด้วยของต่าง ๆ ที่ทำให้จุคนได้ราว 5-7 คน ส่วนหัวเรือเหาะคือศีรษะของมังกรวารีหลากที่มีสองเขา นัยน์ตาดุร้ายถูกแช่แข็งไว้ แม้มันจะสิ้นชีพไปแล้ว แต่ก็ยังกำจายรังสีกดดัน หากสบตามันเข้าก็ถูกกดดันไม่ใช่น้อย
“จักรพรรดิอสูรกาย !” ซูเฉินและคนอื่น ๆ ร้องขึ้นพร้อมกัน
ซุยเมี่ยวหลิงยกมือปิดปากหัวเราะ “คุณชายตาแหลมนัก เจ้านี่สร้างขึ้นจากร่างของจักรพรรดิอสูรกาย มังกรวารีหลากตัวนี้เป็นจักรพรรดิมังกรวารีหลากอสนีบาตเมฆา จ้าวแห่งอสูรกายบนขุนเขาอสุนีเพิ่มพูน เมื่อ 700 ปีก่อน เจ้าของร้านแห่งนี้เดินทางผ่าน ขุนเขาอสุนีเพิ่มพูน พบจักรพรรดิอสูรกายนี่เข้า”
“หลังจากต่อสู้กัน 3 วัน 3 คืนก็สังหารมันได้ด้วยตนเอง รวมวัตถุดิบล้ำค่าได้กว่า 48 ชนิด ใช้ซากร่างมันสร้างเป็นเรือเหาะจักรพรรดิมังกรวารีหลากอสนีบาตเมฆาขึ้น เรือเหาะนี้มีค่าป้องกัน 140 ความเร็ว 28 ก้าว ทั้งยังมีปืนใหญ่ฟ้าลั่นใช้โจมตีศัตรู และมีเกราะสายฟ้าฟาด ติดตั้งค่ายกลพลังงานสูญไว้ภายใน คุณชายสามารถปรับขนาดมันได้ตามใจชอบ คุณชายลองดูนะเจ้าคะ”
นางว่าแล้วก็เปิดใช้ค่ายกล ชี้ไปยังเรือเหาะจักรพรรดิมังกรวารีหลากอสนีบาตเมฆา ทำให้ตัวเรือมีขนาดลดลงทันที เหลือขนาดเพียงหนึ่งกำมือ
“ของล้ำค่านัก !” อวิ๋นเป้าร้องขึ้น
ซุยเมี่ยวหลิงรู้ว่าซูเฉินเป็นผู้นำคนทั้งหมด นางจึงจ้องซูเฉินพลางกล่าว “คุณชายซูคิดอย่างไรเจ้าคะ ?”
“สมบัติล้ำค่านี้สมกับราคา 100 ล้านจริง ๆ” ซูเฉินตอบ เป็นสิ่งที่เขายืนยันได้เกี่ยวกับเรือเคลื่อนเมฆาลำนี้
ซุยเมี่ยวหลิงหัวเราะ “เช่นนั้นเรื่องราคาเราก็เห็นตรงกัน”
“แต่นั่นก็ต้องเป็นลำที่ไม่มีตำหนิ” ซูเฉินเอ่ยเสริม
“หืม ?” อวิ๋นเป้าและกังเหยียนตกใจ ต่างหันไปจ้องหน้าซุยเมี่ยวหลิงด้วยนัยน์ตาเคล้าไอสังหาร
หญิงบัดซบผู้นี้คิดจะหลอกพวกเขาถึงสองครั้งเชียว
ซุยเมี่ยวหลิงใช้เสียงหัวเราะกลบเกลื่อนความผิด “โอ้โห คุณชายช่างตาดีจริงเชียว เห็นกระทั่งรายละเอียดผิดแปลกเล็กน้อย”
ซูเฉินหัวเราะเสียงเย็น “แน่ใจหรือว่าเล็กน้อย ?”
จริง ๆ แล้วเขาเองก็ไม่รู้ว่าเรือเหาะลำนี้มีอะไรผิดปกติ แต่เขารู้ว่าซุยเมี่ยวหลิงไม่ได้จริงใจ หนึ่งในประโยชน์ของการมีพลังจิตแข็งแกร่ง คือการที่สามารถจับสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงความคิดของผู้คนได้ วิชาสรรพสิ่งลวงตายังทำให้เขาเคยชินกับการจับสังเกตรายละเอียดเล็กน้อย ทั้งยังชำนาญการสร้างคำลวง ดังนั้นจึงรู้ทันทีว่าซุยเมี่ยวหลิงมีปัญหา
แน่นอนว่าเขาก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าปัญหาคืออะไร ดังนั้นจึงเอ่ยคำออกไปกำกวมว่า ‘แต่นั่นก็ต้องเป็นลำที่ไม่มีตำหนิ’ ยามซุยเมี่ยวหลิงได้ยินเข้าจึงคิดว่าเขารู้ว่ามีจุดตำหนิตรงไหน นางจึงบอกออกมาเอง
ซุยเมี่ยวหลิงหัวเราะ “เรือเหาะจักรพรรดิมังกรวารีหลากอสนีบาตเมฆาเคยถูกใช้มาก่อน ได้รับความเสียหายในสงครามอยู่คราหนึ่ง ทำให้คุณภาพลดลงมาก ไม่เพียงแต่พลังลดลง การจะคุมมันยังใช้พลังจิตมาก ข้าไม่คิดจะเสนอเจ้านี่ให้คุณชายตั้งแต่แรก แต่คุณชายต้านวิชาลวงเสน่ห์ข้าได้ ทั้งยังโจมตีข้ากลับ เห็นได้ชัดว่ามีพลังจิตกล้าแข็ง ดังนั้นข้อเสียของเจ้านี่คงไม่ได้ใหญ่หลวงอะไรนักสำหรับคุณชาย”
เป็นเช่นนี้เอง
ซูเฉินกู่ร้องในใจ เช่นนั้นเรือเหาะจักรพรรดิมังกรวารีหลากอสนีบาตเมฆานี้ก็เคยเสียหายมาก่อน ทำให้ต้องใช้พลังจิตในการควบคุมงั้นหรือ ?
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นเล่า ?
ทว่าร้านจันทร์ลอยเด่นเองก็ไม่รู้รายละเอียดมากนักจึงไม่ได้ซ่อมแซมมัน ปล่อยให้มีคนที่มีทั้งเงินและพลังจิตกล้าแข็งมาซื้อสักคนก็พอแล้ว
ซุยเมี่ยวหลิงเล่าว่าเรื่องเกิดเมื่อ 700 ปีก่อน หรือก็คือเรือเคลื่อนเมฆานี้ตั้งอยู่ที่นี่มาหลายร้อยปีแล้วนั่นเอง
ในเมื่อผ่านไปนับร้อยปียังไม่มีใครมาซื้อไป แสดงว่าคนที่มีความสามารถถึงขั้นคงน้อยนัก
ซึ่งก็ไม่แปลก
ใครที่สามารถเอาหินพลังต้นกำเนิด 100 ล้านก้อนมากอง ทั้งยังมีพลังจิตกล้าแกร่งพอจะคุมเรือเหาะจักรพรรดิมังกรวารีหลากอสนีบาตเมฆาได้ย่อมเป็นคนไม่ธรรมดา และสำหรับคนไม่ธรรมดาทั้งหลาย ความรวดเร็วและค่าป้องกันของเรือเหาะจักรพรรดิมังกรวารีหลากอสนีบาตเมฆาก็อาจยังไม่ถึงขั้น งั้นแล้วพวกเขาสู้เลือกเรือเหาะลำอื่นยังดีเสียกว่า
ส่วนผู้เชี่ยวชาญพลังที่มีพื้นฐานการบ่มเพาะพลังต่ำต้อย เรือเหาะจักรพรรดิมังกรวารีหลากอสนีบาตเมฆานั้นราวกับเป็นเรือเหาะเซียน แต่มีราคาที่คนส่วนมากเอื้อมไม่ถึง กระทั่งคนจากตระกูลร่ำรวยก็ยังถูกพื้นฐานการบ่มเพาะพลังจำกัดไว้
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงไม่แปลกที่มันจะขายไม่ออก !