บทที่ 203 ตรวจสอบเรื่องเมื่อปีนั้นให้กระจ่างชัด

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

“หรือนายคิดว่า อาศัยแค่พลังของนายคนเดียวจะสามารถหาคนหลังม่านออกมาได้?” หลิ่วหรูเหมยมองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างเอือมระอาแล้วเอ่ยถามออกมา

ฝีมือของเย่เทียนเฉินแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจนถึงขั้นไม่อาจจินตนาการได้ ในจุดนี้หลิ่วหรูเหมยรู้ดี การเดินทางไปประเทศ M นั้น หากไม่ใช่เย่เทียนเฉิน เกรงว่าพวกหลิ่วหรูเหมยไม่เพียงแต่จะทำภารกิจแลกเปลี่ยนไม่สำเร็จ แต่ยังต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นั่นอีกด้วย หลังจากที่หลิ่วหรูเหมยกลับประเทศมาแล้วก็วุ่นวายอยู่กับการวิจัยและพัฒนาอาวุธเพื่อกองทัพมาโดยตลอด จนกระทั่งถึงตอนนี้ถึงจะมีเวลาว่าง เรื่องเมื่อปีนั้นเป็นปมที่อยู่ในใจของหลิ่วหรูเหมยมาโดยตลอด ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เธอพูดก็ไม่ใช่เรื่องโกหก หลายปีมานี้ตระกูลหลิ่วรู้สึกได้ว่ามีกลุ่มอำนาจหนึ่งที่ต้องการควบคุมตระกูลหลิ่วมาตลอด แต่น่าเสียดายที่ส่งยอดฝีมือและมือสังหารออกไปจำนวนมากก็ยังไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้ หลิ่วหรูเหมยจึงคิดมาร่วมมือกับเย่เทียนเฉิน

เพียงแต่หลิ่วหรูเหมยคิดไม่ถึงว่า หลังจากที่เย่เทียนเฉินได้ฟังข้อเสนอของตน จะถึงกับคิดจะไปตรวจสอบเรื่องเมื่อปีนั้นด้วยตัวคนเดียว เจ้าหมอนี่จะโอหังกินไปแล้ว จะประเมินตัวเองสูงเกินไปหรือเปล่า? ต้องทราบว่าตระกูลหลิ่วส่งยอดฝีมือออกไปจำนวนมากก็ยังไม่สามารถตรวจสอบจนกระจ่างชัดได้ กระทั่งเบาะแสสำคัญเพียงเล็กน้อยก็ยังหาไม่พบ เห็นได้ชัดว่าบุคคลที่อยู่หลังม่านไม่ธรรมดา เย่เทียนเฉินต้องการตรวจสอบเรื่องเมื่อปีนั้นด้วยตัวคนเดียว เพลงว่าจะเป็นเรื่องน่าขันแล้ว

“ถูกต้อง ฉันคิดทบทวนเรื่องเมื่อปีนั้นแล้ว จุดที่น่าสงสัยที่สุดก็คือไป๋อู่ ได้ยินว่าหลายปีมานี้เจ้าหมอนี่ใช้ชีวิตไม่ได้เลวเลย ฉันคิดจะไปดูแลเขาสักหน่อย…” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม

“ฉันว่านายอย่าไปจะดีกว่า ไป๋อู่ในตอนนี้ไม่ใช่ไป๋อู่เมื่อตอนนั้นแล้ว ตอนนี้เขาเป็นนายน้อยสองแห่งพรรคคุณชาย ด้วยฐานะของเขาเกรงว่าหากต้องการที่จะพบไป๋อู่คงไม่ง่ายแบบนั้น!” หลิ่วหรูเหมยมองเย่เทียนเฉินแล้วพูดอย่างจริงจัง

ไป๋อู่เมื่อปีนั้นก็เป็นเหมือนกับเย่เทียนเฉินในอดีต เป็นคุณชายในตระกูลชั้นสามของเมืองหลวง ตอนนั้นเย่เทียนเฉินเรื่อยเฉื่อยเสเพล เรียกได้ว่าเป็นสหายเสเพลกับไป๋อู่ ฐานะของทั้งสองไม่ได้สูงส่ง แต่ตั้งแต่ที่เย่เทียนเฉินแอบดูหลิ่วหรูเหมยอาบน้ำจนสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วทั้งเมืองหลวง ไป๋อู่ก็หายตัวไประยะหนึ่ง ในตอนที่เขาปรากฏตัวออกมาอีกครั้งก็กลายเป็นนายน้อยสองแห่งพรรคคุณชายไปแล้ว เรียกได้ว่าตำแหน่งกระโดดสูงขึ้นหลายขั้น ทำให้คนจำนวนมากประหลาดใจ

พรรคคุณชายหากพูดตรงๆ ก็พรรคของลูกคุณหนูคุณชายทั้งหลาย นี่เป็นองค์กรแบบไหนเชื่อว่าทุกคนก็คงรู้ เหล่าคุณหนูคุณชายสูงศักดิ์ที่อยู่ในนั้น มีกี่คนที่เป็นลูกหลานเจ้าขุนมูลนาย? ทุกคนต่างก็มีพื้นแพเบื้องหลังแข็งแกร่ง ไม่มีใครกล้าล่วงเกิน จินตนาการได้เลยว่า คนที่สามารถกลายเป็นนายน้อยสองแห่งพรรคคุณชายได้จะมีอำนาจแข็งแกร่งเพียงใด? คุณหนูคุณชายในนั้น ต่างก็ยโสโอหังและหยิ่งผยองจนถึงขีดสุด จะยอมรับคนอื่นด้วยตัวเองได้อย่างไร?

ส่วนไป๋อู่นั้นเป็นคนที่มีพื้นเพเบื้องหลังไม่แข็งแกร่งอะไร แต่ก็ยังสามารถกระโดดไปเป็นนายน้อยสองแห่งพรรคคุณชายได้ ทำให้ผู้คนต้องตื่นตะลึงจริงๆ และที่ทำให้ต้องสงสัยก็คือ การที่เขาได้รับตำแหน่งมากมายเช่นนี้ในชั่วพริบตา จะเป็นเพราะมีคนแนะนำให้เขาทำเรื่องขายเย่เทียนเฉินเมื่อปีนั้น และในขณะเดียวกันก็ทำให้ตระกูลหลิวและตระกูลเย่ขายหน้าหรือไม่

ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าหลิ่วหรูเหมยพูดไม่ผิด ไป๋อู่กลายเป็นนายน้อยสองแห่งพรรคคุณชายไปแล้ว สามารถเรียกได้ว่าเป็นคนที่เรียกลมได้ลมเรียกฝนได้ฝนในเมืองหลวง ต่อให้เป็นแค่เหล่าคุณหนูคุณชายสูงศักดิ์ที่อยู่ใต้เขา หากต้องการที่จะใช้อำนาจของตระกูลกระทำเรื่องอะไรขึ้นมา เชื่อว่าจะต้องทำให้ผู้คนต้องสั่นสะท้านอย่างแน่นอน

“พรรคคุณชาย? จะยังไงก็ไม่ได้ไปเล่นที่นั่นนานแล้ว ไม่รู้ว่าคนพวกนี้เป็นยังไงบ้าง เมื่อปีนั้นฉีกหน้าฉันจนพอแล้วหรือยัง? ใช่แล้ว ตอนนี้ลูกพี่ใหญ่ของพวกเขาคือใคร?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

“ไม่รู้” หลิ่วหรูเหมยพูดพลางส่ายหัว

“หือ? ไม่ใช่เฉินเจียงเหรอ? นี่เพิ่งจะผ่านมาไม่กี่ปี พรรคคุณชายเปลี่ยนลูกพี่ซะแล้ว?” เย่เทียนเฉินถามอย่างสงสัย

“เฉินเจียงตายแล้ว ตอนนี้ลูกพี่ใหญ่ของพรรคคุณชายเป็นความลับ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยออกหน้า ตลอดมาล้วนเป็นไป๋อู่และนายน้อยสามที่จัดการเรื่องต่างๆ!” หลิ่วหรูเหมยพูดพลางขมวดคิ้ว

“เฉินเจียงตายแล้ว? เกิดเรื่องตอนไหนกัน?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความประหลาดใจ

“ก่อนหน้านี้หนึ่งปี เป็นปีที่นายไปเป็นทหาร เขาถูกคนฆ่าในคฤหาสน์ แฟนสาวทั้งสามคนของเขาก็ถูกฆ่าด้วย สภาพที่เกิดเหตุอนาถมาก!” หลิ่วหรูเหมยเองก็พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

เมื่อได้ยินคำพูดของหลิ่วหรูเหมย เย่เทียนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่าจากไปเพียงหนึ่งปี พรรคคุณชายจะถูกเปลี่ยนมือแล้ว ก่อนหน้านี้เย่เทียนเฉินเองก็เป็นสมาชิกพรรคคุณชาย แน่นอนว่าความตกต่ำของตระกูลเย่ทำให้เย่เทียนเฉินที่อยู่ในพรรรคคุณชายถูกรังแกและกดดันไม่น้อย ส่วนเรื่องการตายของเฉินเจียงนั้นทำให้เย่เทียนเฉินตกตะลึงมากจริงๆ เพราะในความคิดของเขา เฉินเจียงไม่ใช่คนโง่ สามารถขึ้นเป็นหัวเรือใหญ่ของพรรคคุณชายได้ ต่อให้โง่ก็ต้องมีความฉลาดอยู่บ้าง พูดได้ว่าจุดอ่อนเพียงอย่างเดียวเฉินเจียงก็คือบ้ากาม บ้ากามจนถึงขั้นทำให้ผู้หญิงต้องคุกเข่า บางทีการตายของเฉินเจียงอาจจะเกี่ยวข้องกับผู้หญิง และบางทีอาจจะถูกผู้หญิงฆ่าตายก็เป็นได้ แต่ไม่ว่าเขาจะตายอย่างไร เรื่องนี้ก็ต้องมีลับลมคมใน คงไม่ง่ายเช่นนั้น

“อำนาจของตระกูลเฉินก็ไม่ได้อ่อนแอ เฉินเจียงถูกฆ่าตาย เกรงว่าตระกูลเฉินจะไม่ยอมจบง่ายๆ แน่…”

“หลังจากที่เกิดเรื่อง ยอดฝีมือจำนวนมากของตระกูลเฉินก็มีการเคลื่อนไหวจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หลังจากนั้นสามวันจึงมีข่าวลือออกมาว่าเฉินเจียงฆ่าตัวตาย เรื่องนี้จึงได้สิ้นสุดลง เห็นได้ว่าเฉินเจียงตายอย่างอัปยศอดสู นับเป็นโศกนาฏกรรมอย่างหนึ่ง!”

เย่เทียนเฉินคิดครู่หนึ่ง อดไม่ได้ที่จะแย้มยิ้มที่มุมปาก ท่าทางดูจะสนุกมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เรื่องราวไม่ง่ายขนาดนั้น คนหลังม่านผู้นี้ร้ายกาจมาก หากตนเองต้องการที่จะจับเขาออกมาก็เป็นการท้าทายมาก ทั้งยังเพิ่มความลึกลับและความน่าสนใจของเกมอีกด้วย

“น่าสนุก ฉันคิดว่าจะต้องเป็นเกมที่ไม่เลวเกมหนึ่งแน่นอน พวกเธอกลับไปก่อนเถอะ ฉันจะไปตรวจสอบแน่!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย

“นายจะไปหาไป๋อู่จริงๆ เหรอ? ฉันว่านายอย่าไปเสี่ยงอันตรายเลยจะดีกว่า ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นด้วย!” หลิ่วหรูเหมยเอ่ยปาก

ในความคิดของหลิ่วหรูเหมย หากเย่เทียนเฉินไปหาไป๋อู่และถามถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อปีน้ำตรงๆ แม้แต่คนโง่ก็ยังรู้ว่า หากไป๋อู่มีปัญหาจริงๆ ไม่เพียงแต่จะไม่พูดเรื่องปีนั้นออกมา แต่ยังจะคิดหาวิธีฆ่าปิดปากเย่เทียนเฉินอีกด้วย นี่เป็นการรนหาที่ตายโดยแท้

การที่หลิ่วหรูเหมยไม่ได้ไปหาไป๋อู่โดยตรงหลังจากที่ตรวจสอบจนพบว่าเขามีปัญหานั้นมีเหตุผลอยู่สองข้อ ข้อแรกเพราะเกรงว่าจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น ข้อที่สองนั้นเป็นสาเหตุที่สำคัญมากสาเหตุหนึ่ง นั่นก็คือด้วยตำแหน่งและฐานะของไป๋อู่ในตอนนี้ ทำให้ไม่สามารถล่วงเกินได้ง่ายๆ ท่ามกลางเมืองหลวงมีกลุ่มอำนาจใหญ่และตระกูลใหญ่ต่างๆ มากมายที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกัน หลิ่วหรูเหมยจำเป็นต้องคิดถึงตระกูลหลิ่วของตน ไม่สามารถทำอะไรมั่วซั่วได้

“วางใจเถอะ ฉันรู้ว่าจะจัดการยังไง คนบางคนก็หยิ่งทะนง ต่อให้ถูกตีจนตายก็ไม่พูดอะไรแม้แต่ประโยคเดียว แต่บางคนก็หน้าตัวเมีย ไม่อัดไม่ได้ ต้องอัดให้แทบตายถึงจะได้ผล!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม

“นาย…” หลิ่วหรูเหมยยังไม่ทันพูดอะไรเย่เทียนเฉินก็หมุนตัวเดินไปแล้ว ทำให้เธอโกรธจนพองแก้มออกมา แต่ไหนแต่ไรก็ไม่มีใครกล้าทิ้งเธอที่เป็นคนสวยคนหนึ่งเอาไว้แบบนี้มาก่อน เย่เทียนเฉินเป็นคนแรก

“ใช่แล้ว จำคำพูดของฉันเอาไว้ให้ดี ทำการศึกษาวิจัยข้อมูลอาวุธนิวเคลียร์อะไรของเธอนั่นให้ดีๆ ไป ถ้าเรื่องนี้ได้ผลอะไรแล้วฉันจะบอกเธอเอง!” เย่เทียนเฉินหันไปพูดกับหลิ่วหรูเหมย จากนั้นจึงเดินหายไปท่ามกลางความมืด

“ไอ้หมอนี่…”

หลิ่วหรูเหมยโกรธจนกระทืบเท้า ส้นสูงเซ็กซี่คู่หนึ่งรวมกับเรียวขางดงามราวแจกันหยก ดูน่ารักน่าหมั่นเขี้ยวมาก แต่หลิ่วหรูเหมยเป็นผู้หญิงที่เฉลียวฉลาดและหน้าตางดงามจริงๆ ไม่นานก็ดึงสติกลับมาจากความโมโหเหมือนเด็กน้อยได้

“หย่งชุนไท่ คุณว่าเรื่องนี้พวกเราจะทำยังไงต่อไปดี?” หลิ่วหรูเหมยปรึกษากับหย่งชุนไท่

“ในเมื่อเย่เทียนเฉินคิดจะจัดการคนเดียว งั้นพวกเราก็รอดูการเปลี่ยนแปลงเถอะ ว่ากันตามจริงแล้ว ตระกูลเย่ตกต่ำลง จะล่มสลายหรือไม่ก็ไม่มีผลกระทบยิ่งใหญ่อะไร เย่เทียนเฉินสามารถกระทำการคนเดียวได้โดยไม่ต้องพึ่งพาอาศัยการส่งเสริมของตระกูล แต่ตระกูลหลิ่วไม่เหมือนกัน หากก่อเรื่องใหญ่อะไรขึ้นมา ก็จะส่งผลกระทบไปถึงตระกูลหลิ่ว จะต้องใคร่ครวญให้มากสักหน่อย!” หย่งชุนไท่พูดอย่างจริงจัง

“อืม แต่ฉันเองก็ต้องออกแรงบ้าง จะอย่างไรเรื่องเมื่อปีนั้นก็ส่งผลกระทบกับพวกเราทั้งสองคน ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ส่งผลเชิงลบกับเย่เทียนเฉินไม่น้อย รู้สึกผิดกับตระกูลเย่ของเขาจริงๆ!” หลิ่วหรูเหมยพูดแล้วทอดถอนใจ

“หรูเหมย เพราะเธอใจดีเกินไปเมื่อปีนั้นถึงได้ถูกคนวางแผนร้ายใส่จนมีเรื่องกับเย่เทียนเฉิน ไปเถอะ พวกเราส่งคนไปตรวจสอบอย่างลับๆ ก็พอแล้ว!” หย่งชุนไท่พูดแล้วส่ายหน้า

หย่งชุนไท่และหลิ่วหรูเหมยจากไปแล้ว ส่วนเย่เทียนเฉินกำลังผิวปากเดินทอดน่องอยู่บนถนน มุ่งหน้าไปยังประตู มุมปากคาบบุหรี่มวนหนึ่ง กำลังคิดว่าจะตรวจสอบเรื่องที่ถูกใส่ร้ายอย่างไรดี เรื่องนี้จะต้องทำให้กระจ่างชัดให้ได้ กล่าวได้ว่าเป็นความอัปยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เย่เทียนเฉินเคยได้รับ เย่เทียนเฉินที่เคยเป็นผู้มีพลังพิเศษระดับพระเจ้า เป็นคนที่มีแค้นต้องชำระ ลูกผู้ชายควรจะเป็นเช่นนี้ เมื่อจัดการกับคนถ่อยย่อมไม่จำเป็นต้องออมแรง

ในขณะที่เย่เทียนเฉินที่เดินเอ้อระเหยอยู่นั้น เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ในสถานที่แห่งหนึ่ง จะมีสาวสวยคนหนึ่งและหญิงชราคนหนึ่งกำลังพูดคุยเกี่ยวกับตนเองอยู่ สองคนนี้ก็คือหลิงอวี่สวิ๋นและย่าขู่

“ย่าขู่ ต่อให้พวกเราไม่สามารถช่วยเย่เทียนเฉินได้ ก็ไม่เห็นต้องไปกระตุ้นเขาแบบนั้นเลย? หากเขาไปวุ่นวายกับคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงขึ้นมาจริงๆ คงต้องตายแน่!” หลิงอวี่สวิ๋นพูดอย่างกังวล

“คุณหนู ความจริงที่ดิฉันกระตุ้นเขาก็เพื่อคุณหนู…” แม้ว่าย่าขู่จะมีท่าทางเย็นชา แต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงเมตตา

“เพื่อนหนูเหรอคะ? ย่าขู่…” หลิงอวี่สวิ๋นมองไปยังอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ ไม่รู้ว่าคำพูดนี้ของย่าขู่มีความหมายอะไร

“คุณหนู ดิฉันเห็นคุณเติบโตมาตั้งแต่เล็ก คุณคิดอย่างไรดิฉันจะมองไม่ออกเชียวหรือ คุณไม่ใช่แค่เพื่อนสมัยเด็กกับเย่เทียนเฉินเท่านั้น แต่คุณยังชอบเขาจริงๆ แล้ว…”

“ย่าขู่ เป็นแบบนั้นที่ไหนกันคะ…”

“คุณอย่าเพิ่งขัดคำพูดของดิฉันเลย ฟังให้จบก่อน… เย่เทียนเฉินเคยเป็นคุณชายเสเพลในเมืองหลวง ก่อเรื่องไปไม่น้อย และล่วงเกินคนไปไม่น้อย ดังนั้นตอนนี้เมื่อเขากลับมาที่เมืองหลวงแล้ว จะต้องมีคนมากมายที่อยากจะกำจัดเขา หรือกระทั่งอยากฆ่าเขาแน่นอน ในตอนที่คนเพียงคนเดียวต้องเผชิญหน้ากับศัตรูมากมาย หนทางเดียวก็คือต้องโจมตีกลับ ต้องทำลายศัตรูทุกคนที่มีถึงจะสามารถรักษาตนเองให้ปลอดภัยได้ ถึงจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้!” ย่าขู่มองหลิงอวี่สวิ๋นแล้วพูดขึ้น

………………………………..