หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.525 – ระบบของราชามาร
มองไปยังพาดหัวข่าวนี้ เลือดในกายกู่ฉิงซานพลันเย็นเยียบ
ในความเป็นจริงแล้ว ตั้งแต่ที่ได้จุติใหม่ เขามักจะครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตก่อนหน้าอยู่เสมอ
เนื่องเพราะมันมีประเด็นที่น่าสงสัยอยู่มากเกินไป
หลังจากที่ได้รับประสบการณ์จากหลายโลก ตอนนี้ตัวกู่ฉิงซานจึงได้ตระหนักถึงความจริงบางอย่าง
-เกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online เจ้าสิ่งนี้ได้แหกกฏความแข็งแกร่งดั้งเดิมของมนุษย์ มันได้ทำลายหนทางที่จะทำให้มนุษย์สามารถต่อกรกับเผ่ามารได้
ในชีวิตก่อนหน้า การที่มนุษย์ได้จมลงสู่หายนะ ทั้งหมดก็เพราะเกมๆนี้
ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของการต่อสู้ ไม่มีใครเลยที่จะสามารถยืนหยัด ต้านทานอสูรกายได้
นั่นก็เพราะไม่มีมนุษย์คนไหนเลยที่สามารถตัดผ่านขึ้นสู่ขอบเขตประทับเทพ
สาเหตุหลักๆก็เป็นเพราะค่าประสบการณ์ที่จำเป็นในการยกระดับมันมากเกินไป สำหรับมนุษย์ มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถหามาได้เลย
และเมื่อต้องเผชิญกับวันสิ้นโลกที่อยู่เบื้องหน้า ความรู้สึกไร้กำลังก็ทำให้ทุกคนสิ้นหวัง
อย่างไรก็ตาม ทำไมเกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online ถึงถูกเรียกว่าระบบของราชามารล่ะ?
แล้วไอ้ ‘เชื้อไฟ’ ที่เป็นคำต่อท้ายนั่นมันคืออะไรกัน?
กู่ฉิงซานกลั้นหายใจ และยังคงอ่านมันต่อไป
หนังสือพิมพ์ดูเหมือนจะถูกเร่งกระบวนการผลิตพอสมควร ดังนั้นเนื้อหาของข่าวจึงมีอยู่ไม่มากนัก
“ทริสเต้หันไปพึ่งพิงเผ่ามาร”
“ไฟแห่งสงครามได้ปะทุขึ้น , โลกทั้ง 900 ล้านชั้นเริ่มรวบรวมกองทัพพันธมิตร เพื่อเตรียมรับมือกับสงครามที่กำลังจะอุบัติในไม่ช้า”
“แล้วยังได้รับการยืนยันอีกว่า แสงแห่งรุ่งอรุณทริสเต้ ได้นำเกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online : ‘เชื้อไฟ’ มาจากดินแดนที่ถูกยึดครองโดยศัตรู ซุกซ่อนไว้ในโลกส่วนตัวของเธอ เพื่อนำมันมาผสานรวมกับอัลเบอัส โดยใช้ข้ออ้างในการเข้ามาที่นี่ว่า ‘เป็นการเรียกขานของวิหคหนาม’ ”
“ระบบของราชามารกำลังแพร่กระจายไปทั่วอัลเบอัส”
“ครั้งหนึ่งเกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online ก็เคยแพร่กระจายเข้าไปในชั้นโลกใหญ่ และสุดท้ายชั้นโลกเหล่านั้นก็ตกอยู่ในเงื้อมมือของเผ่ามาร”
“เราจะต้องไม่อนุญาตให้ ‘เชื้อไฟ’ ที่ว่านั่นได้รับพลังงาน! เราจะต้องไม่ปล่อยให้ระบบของราชามารยกระดับขึ้น!”
“เหล่าตัวตนทรงอำนาจทั้งหลายเอ๋ย ขอจงโปรดเข้าร่วมการต่อสู้ เพื่อจัดการกับมันให้เร็วที่สุด!”
“ย้ำอีกครั้ง ขอทุกคนจงหยิบอาวุธขึ้นสู้ เพื่อต้านทานเชื้อไฟของวันสิ้นโลก!”
ข่าวจบลงในที่สุด
กู่ฉิงซานมองดูหนังสือพิมพ์บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม มิอาจเอ่ยคำใดอยู่เนิ่นนาน
เขามองไปยังตัวข่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ปรากฏว่าการเรียกขานของวิหคหนาม แท้จริงแล้วเป็นแผนสมคบคิดของทริสเต้
โดยมีเกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online : ‘เชื้อไฟ’ ซุกซ่อนอยู่ในโลกส่วนตัวของเธอ
กู่ฉิงซานถอนหายใจ
ไพ่พยากรณ์โชคชะตาบอกได้ไม่ผิดจริงๆ ตนเองเกือบที่จะได้เข้าสู่โลกใบนั้นไปแล้ว!
เกรงว่าหลังจากที่เข้าไปในโลกใบนั้น ไม่ว่าจะคนอื่นๆ รวมไปถึงตนเอง ชะตากรรมของทุกคนคงจบลงด้วยการเข้าสู่วิถีมาร
นี่คือลางร้ายที่ซูเซี่ยเอ๋อมองเห็น
เธอจึงเป็นคนหยุดตัวเขาตั้งแต่แรกเริ่ม และไม่อนุญาตให้เขาเข้าไป
แต่เธอดันเลือกที่จะโยนตัวเองเข้าสู่โลกใบนั้นแทน!
กู่ฉิงซานผุดลุกขึ้น และเดินวนกลับไปกลับมารอบๆห้อง
คิดสิคิด มันจะต้องมีวิธีแก้ปัญหาสิ
แล้วถ้าฉันเปิดโปงทริสเต้ตอนนี้เลยจะได้ไหม?
ไม่ .. เกรงว่าแบบนั้นคงไม่ดี
แสงแห่งรุ่งอรุณทริสเต้น่ะมีชื่อเสียงก้องไปตลอดทั้งโลก 900 ล้านชั้น ตัวตนทรงพลานุภาพนับไม่ถ้วนล้วนมีสัมพันธ์อันดีกับเธอ
ขณะที่กู่ฉิงซานเป็นคนที่มาจากโลกกระจัดกระจาย
คงไม่มีใครเชื่อในตัวเขา
และทริสเต้อาจจะสังหารกู่ฉิงซานเลยก็ได้ โดยอ้างเหตุผลว่าเขาใส่ร้ายเธอ
กำปั้นเหล็กแบรี่ก็ยังไม่หายดี บางทีตอนนี้เขาอาจจะยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ
ซูเซี่ยเอ๋อก็อยู่ในโลกใบนั้นมาระยะหนึ่งแล้ว
ให้ตายสิ! ฉันจะต้องรีบหาทางช่วยเธอออกมาทันที
แต่จะต้องทำยังไงกัน!? เพราะไม่ว่าจะคิดยังไง ฉันก็ไม่มีทางที่จะสู้กับทริสเต้ได้เลย!
ความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองฝ่ายมันแตกต่างกันราวเมฆกับโคลนตม
หัวใจของกู่ฉิงซานค่อยๆหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ
ณ ขณะนั้นเอง เสียงที่ฟังดูหวาดระแวงก็ดังขึ้น “ขอโทษนะ … เกิดอะไรขึ้นกับคุณงั้นหรอ?”
กู่ฉิงซานหยุดกึก! ลงอย่างกระทันหัน
เขาหันไปมองที่มาของเสียง
เด็กสาวตัวน้อยกำลังจ้องมองเขาตาแป๋ว
“ฉันพูดกับคุณตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ แต่ดูเหมือนว่าคุณจะไม่สนใจเลย” เธอตอบ
“อะไร พูดอะไรกับฉันงั้นหรอ?”
“ฉันต้องการที่จะให้คุณพาฉันไปยังสมาคมกำปั้นเหล็กแห่งความยุติธรรมเพื่อหลบภัย คุณคงทราบดี ว่าความผิดของสาวใช้อย่างฉัน ย่อมไม่สามารถหลีกเลี่ยงการสังหารของราชวงศ์วิหคหนามไปได้”
ขณะกล่าว จู่ๆสีหน้าของเด็กสาวตัวน้อยก็แปรเปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน
เธอหายวับไปจากที่เดิมในฉับพลัน
ขณะเดียวกัน บานประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง
ตามด้วยสององครักษ์ติดอาวุธหนักสองกลุ่มที่เดินเข้ามา
บนใบหน้าของพวกเขาฟุ้งไปด้วยเจตนาฆ่า
“แกเป็นใคร?”
เสียงที่ฟังดูเฉียบขาดดังขึ้น
กู่ฉิงซานตอบกลับอย่างสงบ “ผมเป็นแขกของแสงแห่งรุ่งอรุณ และจิตวิญญาณพฤษาศักดิ์สิทธิ์บอกให้ผมเฝ้ารอเธออยู่ที่นี่”
องครักษ์ทั้งหมดพอได้ฟังก็ตกใจ
ในเวลานั้นเอง องครักษ์อีกกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้อง
พวกเขาคือกลุ่มคนก่อนหน้า ที่เคยได้เข้ามาตรวจสอบภายในห้อง
พวกเขาจึงรู้เรื่องเกี่ยวกับกู่ฉิงซานดี
“เข้าใจผิด! เข้าใจผิดแล้ว! นี่คือแขกอันทรงเกียรติที่มาด้วยกันกับจิตวิญญาณพฤษาศักดิ์สิทธิ์!” องครักษ์ที่พึ่งเข้ามาเร่งอธิบาย
“แน่ใจรึเปล่า?”
“แน่ใจ! กระทั่งท่านทริสเต้เองก็ยังมอบเหรียญตราให้แก่เขา แถมยังบอกอีกว่าเขาสามารถอยู่ที่นี่ได้ตลอดเวลา”
หัวหน้าองครักษ์มองไปยังกู่ฉิงซาน
แน่นอน ว่าเขาย่อมเห็นถึงเหรียญของทริสเต้ที่ถูกกุมอยู่ในมือของกู่ฉิงซาน
เรื่องนี้คงไม่ผิดพลาดแล้วล่ะ
เพราะไม่มีใครสามารถรับเหรียญของเธอได้ หากท่านทริสเต้มิได้มอบมันให้เป็นการส่วนตัว
องครักษ์ทั้งหมดรู้สึกผ่อนคลายลงทันที
การที่สามารถเข้าสู่ที่นี่ได้แน่นอนว่าเขาย่อมต้องเป็นแขก คงต้องตำหนิตัวเองที่กังวลมากเกินไป เพียงแค่เห็นใบหน้าไม่คุ้นเคย ก็อดไม่ได้ที่จะต้องเริ่มเค้นสอบทันที
“ก่อนอื่นพวกเราต้องขออภัยสำหรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ แต่นั่นก็เพราะสถานการณ์ในปัจจุบันเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก ขอให้โปรดเข้าใจด้วย” หัวหน้าองครักษ์กล่าว
“ไม่เป็นไรหรอก” กู่ฉิงซานตอบ
แต่แล้วในหัวใจของเขาก็นึกได้ถึงสิ่งหนึ่ง สีหน้าเผยถึงความอยากรู้อยากเห็น “ว่าแต่พวกคุณกำลังตามหาอะไรกัน? พอจะบอกผมได้ไหม บางทีถ้าผมเจอ ผมจะได้ไปรายงานพวกคุณเลยโดยตรงไง”
องครักษ์หันมามองหน้ากันและกัน
ในเมื่อคนๆนี้เป็นแขกของท่านทริสเต้ …
“พวกเรากำลังตามหาสาวใช้คนหนึ่ง เธอได้ขโมยสมบัติของราชวงศ์วิหคหนามไป และตอนนี้กำลังหลบหนีอยู่” หัวหน้าผู้พิทักษ์กล่าว
“เธออายุประมาณสิบขวบปี ใช่แล้ว! จริงๆแล้วเธอเป็นสาวใช้ขององค์หญิง”
“หากคุณพบตัวเด็กสาวที่ท่าทางมีพิรุธ โปรดบอกพวกเราทันที”
“แน่นอน” กู่ฉิงซานให้สัญญา
องครักษ์พยักหน้า พวกเขาน้อมกายคำนับพร้อมกัน และค่อยๆถอยออกจากโซนที่นั่งพิเศษอย่างเงียบๆ
กู่ฉิงซานเร่งเอ่ยปากขัด “ช้าก่อน”
“ยังมีเรื่องอะไรอีกงั้นหรือ?” หัวหน้าองครักษ์หยุดฝีเท้า หันหน้ากลับมาถาม
“นี่ … อันที่จริงแล้ว ผมก็ไม่ต้องการที่จะอยู่ที่นี่เหมือนกัน แต่สองผู้สูงศักดิ์อย่างแสงแห่งรุ่งอรุณกับพฤษาศักดิ์สิทธิ์ดันบอกให้รออยู่ที่นี่ ดังนั้นผมเลยไม่สามารถออกไปไหนได้”
กู่ฉิงซานผายสองมือออก แสดงท่าทีหมดหนทาง
“และผมก็กลัวว่าจะมีคนอื่นบุกเข้ามาค้นหาในห้องนี้ แล้วเห็นว่าผมเป็นคนแปลกหน้า ซึ่งมันอาจจะเกิดความเข้าใจผิดกันอีกก็ได้”
เหล่าองครักษ์พอได้ฟัง ก็พยักหน้าอย่างเงียบๆ
—พวกเขาไม่สามารถทำตัวหยาบคายกับแขกได้ ยิ่งในกรณีที่พวกตนเป็นตัวแทนของวิหคหนาม ซึ่งเปี่ยมไปด้วยมารยาทและพิธีการแล้ว ยิ่งปล่อยให้ทำแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด
คนๆนี้คือใคร? เขาคือแขกของท่านทริสเต้ คือคนที่จิตวิญญาณพฤษาศักดิ์สิทธิ์พามาเป็นการส่วนตัว หากองครักษ์เข้ามาวุ่นวายในห้องนี้อีกครั้ง เกรงว่าอาจจะเป็นการทำให้สองหญิงสูงศักดิ์โกรธเคืองเอาได้
หัวหน้าองครักษ์เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของเขาก็จริงจังขึ้นมาทันที
เขาหันไปกล่าวกับองครักษ์ใต้บังคับบัญชา “ส่งคำสั่งของข้าออกไป โซนที่นั่งพิเศษได้ถูกตรวจค้นกว่าสองรอบแล้ว และไม่มีอะไรผิดปกติ มีแขกผู้ทรงเกียรติของพวกเราอยู่ที่นี่ จงอย่าให้ใครมารบกวนอีก”
“รับทราบ!” องครักษ์ขานรับเป็นเสียงเดียวกัน
“ขอบคุณคุณมาก” กู่ฉิงซานประสานกำปั้นไปทางอีกฝ่าย
“ไม่จำเป็นต้องสุภาพไป เป็นพวกเราต่างหากที่เสียมารยาท” หัวหน้าองครักษ์ค่อยๆน้อมศีรษะลงเบาๆ
และคราวนี้ พวกเขาก็ออกไปจริงๆแล้ว
ประตูถูกปิดลงอีกครั้ง
ฟุ่บ!
เด็กสาวตัวน้อยปรากฏกายขึ้นอีกครา
ใบหน้าของเธอถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่อเม็ดเท่าลูกปัด ขณะที่ปากอ้ากว้างถอนหายใจหนักหน่วง
-ดูเหมือนว่าการหลีกเลี่ยงการค้นหามันจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“ขอบคุณสำหรับการปกป้อง คุณนี่เป็นสุภาพบุรุษที่มีความเห็นอกเห็นใจกันจริงๆ ฉันจะขอจดจำความเมตตานี้เอาไว้” เธอกล่าว
เห็นได้ชัดว่าเธออ่อนล้าจนถึงขีดจำกัดแล้ว แต่เธอก็ยังเลือกที่จะโค้งกายขอบคุณกู่ฉิงซาน
ทัศนคติและมารยาทของเธอช่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
กู่ฉิงซานมองไปยังเด็กสาวตัวน้อย
เขาไม่ต้องการที่จะเกี่ยวข้องใดๆ แต่ตอนนี้คงไม่มีทางเลือกแล้วนอกจากทำมัน
เขาต้องการใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ เพื่อที่จะช่วยชีวิตซูเซี่ยเอ๋อ!
กู่ฉิงซานเค้นสมองอย่างรวดเร็ว ภายในจิตใจของเขาบังเกิดความคิดมากมายนับไม่ถ้วน
เขาพยายามทบทวนดูทุกวิถีทาง กระทั่งรายละเอียดเล็กๆน้อยๆตั้งแต่ที่ตนมาที่นี่
เขาพยาพยามอย่างสุดกำลังเพื่อค้นหาแสงแห่งความหวัง
เด็กสาวตัวน้อยเปิดปาก “เอาล่ะตอนนี้-”
“รอสักครู่ ขอให้ฉันได้จัดการกับกระบวนการคิดเล็กๆน้อยๆนี่ก่อน” กู่ฉิงซานขัดจังหวะเธอ
เขาเดินวนไปวนมารอบห้องด้วยความกระวนกระวาย
เด็กสาวตัวน้อยหุบปากลง เฝ้ามองเขาอย่างเงียบๆ
นั่นเขากำลังกังวลอะไรอยู่?
จริงสิ ในระหว่างที่ฉันซ่อนตัวอยู่ ฉันบังเอิญได้ยินบทสนทนาของใครหลายๆคนอยู่เหมือนกันนี่นา
จิตวิญญาณพฤษาศักดิ์สิทธิ์ได้นำเขาเข้ามาที่นี่
โดยเป้าหมายของเขาก็คือ การเข้าสู่โลกของทริสเต้ และค้นหาแฟนสาวของเขา
ไม่ผิดแล้ว ดูเหมือนว่าเขาคงกำลังกังวลเกี่ยวกับเรื่องแฟนสาวของตัวเอง
เด็กสาวตัวน้อยเริ่มที่จะทำความเข้าใจด้วยตัวเอง
เมื่อครู่เธอกำลังจะขอร้องเขา แต่ก็ถูกขัดจังหวะอย่างกระทันหันโดยเหล่าองครักษ์
ในเมื่อองครักษ์จะไม่มาค้นหาที่นี่ไปอย่างน้อยก็อีกสักพัก ถ้าอย่างงั้นก็รอจนกว่าคนๆนี้จะสงบลง แล้วจากนั้นก็ค่อยร้องขอหลบหนีไปกับเขาก็แล้วกัน
เพราะท้ายที่สุดนี้ หลังจากที่ตัวเธอเองวิ่งหนีมาเป็นเวลานาน แต่กลับมีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ไม่คิดจะเปิดเผยถึงตัวตนของเธอ
เพราะเขาเป็นคนดีที่มาจากสมาคมกำปั้นเหล็กแห่งความยุติธรรม!
เมื่อคิดถึงจุดนี้ สาวน้อยก็สงบลง
กู่ฉิงซานก้าววนไปวนมาในห้อง ขณะที่ในสมองหมุนเร็วจี๋
ก่อนอื่นเลย-
แสงแห่งรุ่งอรุณ , จิตวิญญาณพฤษาศักดิ์สิทธิ์ กระทั่งลูกพี่ไก่ ทั้งหมดล้วนเป็นตัวตนทรงพลานุภาพ
แต่เด็กสาวใช้คนนี้ กลับสามารถหลบเลี่ยงการรับรู้ของพวกเขาได้
แม้สาวใช้จะถูกเขาพ่นไวน์ใส่หน้า แต่เธอก็ยังคงรักษามารยาท และคงเอกลักษณ์ในการพูดจาเอาไว้ได้ แถมยังเอ่ยถามอีกว่าตนเองสมควรจะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไร
ในแขนเสื้อของเธอ เป็นผิวที่ขาวผ่อง บริสุทธิ์ราวกับน้ำนม
นอกจากนี้ เธอยังมีวิชาพิเศษที่ทำให้หายตัวไป – มันอาจจะเป็นเทคนิคลัยสุดยอดก็ได้ มิฉะนั้นเธอคงจะถูกจับตัวได้ตั้งนานแล้ว
ทุกครั้งที่เธอปรากฏกาย เขาจะไม่สามารถตระหนักได้ถึงเธอ แน่นอน รวมไปถึงจิตสัมผัสเทวะของเขาเองก็เช่นกัน
ในฐานะผู้ฝึกยุทธ กู่ฉิงซานไม่เคยพบเจอกับวิชาที่มีกฏเกณฑ์อันทรงประสิทธิภาพเช่นนี้มาก่อนเลย
วิชาดังกล่าว ย่อมจะต้องมีค่ามากมหาศาลเป็นแน่
หากมีกองกำลังอื่นใดได้รังสรรค์วิชาเช่นนี้ขึ้นมา พวกเขาย่อมจะต้องป้องกันไม่ให้วิชานี้รั่วไหลออกไปอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น วิชาระดับสูงแบบนี้ กว่าจะเชี่ยวชาญ คงมิแคล้วจำเป็นต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการฝึกฝนและทำความเข้าใจ
แล้วกะอีแค่สาวใช้ มันจะไปสามารถบรรลุเรื่องราวดั่งที่กล่าวมานี้ได้อย่างไร?
ดังนั้น นี่ย่อมหมายความว่าเธอคือคนอื่น
และตามเหตุการณ์อันหลากหลายที่เกิดขึ้นนี้ ภายในงานเลี้ยง หลงเหลืออยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ปรากฏตัว
คนที่สามารถทำให้ทริสเต้เป็นกังวลได้ ย่อมไม่มีทางเป็นสาวใช้อย่างแน่นอน
-มีเพียงเจ้าหญิงหนามเท่านั้น
กู่ฉิงซานบังเกิดสมมติฐานนี้ขึ้นในจิตใจ เขาพยักหน้าเล็กน้อยจนแทบไม่อาจจับสังเกตเห็นได้
จากนั้น สมองของเขาก็เริ่มปั่นความคิดอีกครั้ง
—สมมติว่าเด็กสาวตัวน้อยคนนี้เป็นเจ้าหญิงหนามจริงๆ แล้วทำไมเธอถึงต้องหลบหนีด้วย?
ในฐานะที่เป็นทายาทคนต่อไปของราชวงศ์หนาม เจ้าหญิงหนามก็ไม่สมควรที่จะหวาดกลัวทริสเต้สิ
เพราะหากเพียงแค่เธอเอ่ยปาก วิหคหนามนับไม่ถ้วนก็กระโจนลงมาหมอบกราบ พร้อมรับใช้เธอแล้ว
แต่เธอกลับเลือกที่จะหนี หนีแบบจริงจังเสียด้วย
ตามข้อสรุปนี้ …
เกรงว่าราชวงศ์วิหคหนาม คงจะสิ้นสุดลงแล้ว
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ทริสเต้ได้เข้าควบคุมตระกูลวิหคหนามโดยสมบูรณ์
ขณะที่ทริสเต้หันไปพึ่งพิงเผ่ามารตั้งเนิ่นนานแล้ว…
ด้วยข้อสรุปนี้ เกรงว่าหายนะคงมาเยือนอัลเบอัสเป็นที่เรียบร้อย
ทริสเต้จะต้องลอบใช้วิธีบางอย่างจัดการกับการป้องกันของอัลเบอัสอย่างลับๆเป็นแน่ เพราะหากเป็นกู่ฉิงซานเอง เขาก็จะทำเช่นเดียวกัน
กู่ฉิงซานถอนหายใจด้วยความผิดหวัง
ระหว่างทางเดินเมื่อครู่นี้ ตลอดทั้งโรงแรมอัลเบอัสยังเต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะอยู่เลย ผู้คนต่างกำลังเพลิดเพลินไปกับงานเลี้ยงฉลองขึ้นเป็นผู้ใหญ่ของเจ้าหญิงแห่งวิหคหนาม
แถมงานเลี้ยงยังจัดยาวนานกว่าสามวันสามคืน
-แต่ทุกคนไม่ว่าจะเป็นจิตวิญญาณพฤษาศักดิ์สิทธิ์หรือว่าไก่ใหญ่ ก็ไม่มีใครรู้เลยว่ามีเผ่ามารกำลังซุ่มซ่อนอยู่ในที่มืด และเตรียมการที่จะล่าสังหารอยู่
ใครกันที่จะสามารถล่วงรู้ได้ว่าเกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online : ‘เชื้อไฟ’ กำลังจะปุทะขึ้นในไม่ช้า?
ในหัวใจของกู่ฉิงซานจมลงสู่หุบเหวลึก
เขารู้สึกเหมือนกับว่า ตนกำลังยืนอยู่บนเรือที่กำลังจะจม ขณะที่ผู้คนบนเรือทั้งหมดก็ไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียวที่ตระหนักถึงมัน
หลังจากถอนหายใจ กู่ฉิงซานก็ขบคิดต่อไป
แผนการของทริสเต้ … พอจะมีช่องโหว่อะไรบ้างไหมนะ?
ตนเองกับทริสเต้มิได้อยู่ในระดับเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงไม่ทราบว่าทริสเต้จะสามารถทำถึงสิ่งใดได้บ้าง ยิ่งการหนีคงไม่ต้องกล่าวถึง
ไม่มีหนทางออกเลย
“เซี่ยเอ๋อ … ” กู่ฉิงซานบ่นงึมงำ
ในขณะนั้นเอง เขาก็ไม่สามารถที่จะระงับอารมณ์ของตัวเองได้อีกต่อไป
ทริสเต้ทรงพลังเกินไป แถมยังมีเรื่องของเชื้อไฟวันสิ้นโลก และเผ่ามารนับล้านๆตนที่คอยสนับสนุนอย่างลับๆอีก
และทุกอย่างถูกจัดการโดยทริสเต้ ในขณะที่ตัวเขาเองไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเธอเลย
ส่วนเซี่ยเอ๋อก็ดันเข้าไปในโลกของอีกฝ่าย และคงจะตายในไม่ช้า หรือไม่ก็เข้าสู่วิถีมาร กลายเป็นมารในที่สุด
แล้วฉันควรจะทำอย่างไรดี?
กู่ฉิงซานหยิบขวดไวน์ในถังน้ำแข็งขึ้นมา แล้วเอามันแนบลงบนแก้มของตัวเอง
ความเย็นฉ่ำจนแสบชา ทำให้จิตใจของเขาสงบลงอย่างไม่เต็มใจ
ใจเย็นๆสิ
สงบใจเข้าไว้!
ลองคิดดูดีๆอีกครั้งสิ
มันจะไม่มีหนทางเลยจริงๆน่ะหรือ?
กู่ฉิงซานพยายามให้กำลังใจตัวเอง
เขาสูดหายใจลึก หลับตาลง และเริ่มปั่นสมองอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
เมื่อลองมองย้อนกลับไป ตั้งแต่ต้นจนจบ มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เขาล่วงรู้
นั่นคือทริสเต้ได้เดินออกไปกับจิตวิญญาณพฤษาศักดิ์สิทธิ์ โดยมีลูกพี่ไก่ตามไปด้วย
แล้วข้อมูลเรียบง่ายเช่นนี้ ต่อให้เขารู้ มันจะไปสามารถสร้างผลกระทบอะไรได้กัน?
…
เดี๋ยวก่อนนะ
กู่ฉิงซานหันหน้ากลับไป
สายตาของเขาตกลงบนร่างของเด็กสาวตัวน้อย