หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.524 – หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online : เชื้อไฟ

 

ณ โลก 900 ล้านชั้น

 

ภายในดินแดนมิติอนันต์

 

บังเกิดม่านรังสีแสงกระพริบไหว

 

แบรี่กับเสี่ยวเหมียวปรากฏตัวขึ้นบนถนนที่แออัดไปด้วยผู้คน

 

ที่นี่คือซันซิตี้ โลกมิติอนันต์ที่อยู่ใกล้เคียงกับสมาคมกำปั้นเหล็กมากที่สุด

 

ทั้งสองคนกำลังเร่งเดินทาง

 

“พวกเราจะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน?” แบรี่เอ่ยถาม

 

เสี่ยวเหมียวเตือน “พี่ชายอย่าพึ่งร้อนรนไป แค่พวกเราสองคนน่ะ มันไม่สามารถที่จะต่อกรกับกองทัพมารที่แท้จริงได้หรอกนะ”

 

“แต่พี่กลัวว่าเจ้าเด็กกู่จะทนไม่ไหวไปซะก่อน พวกเราคงต้องรีบมากกว่านี้ ว่าแต่มันจะใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกัน?” แบรี่ถามย้ำอีกครั้ง

 

“เราจะต้องติดต่อกับเพื่อนที่เชื่อถือได้ซะก่อน แล้วถึงจะไปยังอัลเบอัสได้ กระบวนการทั้งหมดนี้คิดว่าน่าจะใช้เวลาราวๆหนึ่งวันครึ่ง” เสี่ยวเหมียวกล่าว

 

“บ้าจริง ไอ้ขานี่-”

 

“ขาของพี่ถือว่าฟื้นฟูได้เร็วมากแล้ว พวกเราถึงสามารถออกจากโลกมิติอนันต์ได้ไง พี่หยุดคิดเกี่ยวกับมันได้แล้ว”

 

เสี่ยวเหมียวกล่าวอย่างเด็ดขาด

 

เมื่อเทียบกับโลกอื่น โลกมิติอนันต์นับว่าปลอดภัยที่สุดแล้ว

 

นอกจากนี้ ด้วยความสามารถมิติของเสี่ยวเหมียว มันยังสามารถส่งเขากลับไปยังสมาคมจากโลกมิติอนันต์อื่นๆได้เลยโดยตรง

 

ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของแบรี่ มันคงจะเป็นการดีกว่าที่ทั้งสองจะเดินทางภายในโลกมิติอนันต์

 

ขณะกล่าว เสี่ยวเหมียวก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งอย่างกระทันหัน

 

จู่ๆเธอก็ล้วงไปคว้าจับชิ้นส่วนกระดาษขึ้นมาทันใด

 

วู้มมม!

 

เห็นแค่เพียงเปลวไฟที่พวยพุ่งออกมาจากชิ้นกระดาษ

 

และแผ่นกระดาษทั้งหมดก็ค่อยๆถูกเผาลง

 

เสี่ยวเหมียวลดหูน้อยๆของเธอ ใบหน้าแสดงออกถึงความเสียใจ

 

แบรี่ลดเสียงลงและเอ่ยถาม “นี่ใช่สัญลักษณ์ของผู้พิทักษ์แห่งอัลเบอัสรึเปล่า?”

 

“ใช่ เขามักจะชอบเขียนเหมือนกับฉันเป็นงานอดิเรก แต่ถึงแม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งมากก็ตามที แต่นิยายของเขาบอกได้เลยว่าค่อนข้างจะเละทีเดียว น้องเลยมักจะหยอกล้อเขาอยู่เป็นประจำ”

 

ขณะกล่าว เสี่ยวเหมียวก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว

 

การที่สัญลักษณ์ถูกทำลาย นั่นเป็นตัวแทนที่สื่อความหมายว่าคนๆนั้นมิได้อยู่ในโลกอีกต่อไปแล้ว

 

แบรี่มองไปยังกระดาษที่ค่อยๆถูกเผาไหม้ แล้วถอนหายใจออกมา

 

ผู้พิทักษ์แห่งอัลเบอัสถูกสังหารลงโดยตรง นี่คล้ายเป็นการบอกกลายๆว่าเผ่ามารเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว

 

“เธอได้แจ้งข่าวให้เขารู้รึเปล่า?” แบรี่ถาม

 

“อันที่จริง น้องส่งข่าวไปบอกเขาแล้ว แต่น่ากลัวว่าเขาจะไม่ได้รับมัน” เสี่ยวเหมียวกล่าว

 

“พี่เองก็พอจะรู้จักชายคนนี้ … น่าแปลกจริงๆ ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่เลวร้ายเลย แต่ทำไมเขาถึงถูกฆ่าลงเงียบๆแบบนี้?”

 

แบรี่เพิ่มความระมัดระวังขึ้น

 

เขาบ่นพึมพำ “ถ้าเป็นกองทัพมารบุกโจมตีจริงๆ เขาก็น่าจะทุ่มเต็มกำลังเพื่อรับมือกับมัน จนเกิดการต่อสู้ขนาดใหญ่ขึ้นสิ”

 

เสี่ยวเหมียวเสริม “และโลกที่อยู่รายล้อมจะต้องตื่นตัว แล้วส่งตัวตนทรงอำนาจจำนวนมากออกไปช่วยเหลือเขาอย่างแน่นอน”

 

“ใช่ ส่วนทางผู้พิทักษ์หอสูงก็คงจะออกคำเตือนก่อนเป็นคนแรกๆเลย”

 

ทั้งสองปิดปากลง และหันไปมองรอบๆ

 

ฝูงชนยังคงมีชีวิตชีวา และไม่มีใครแสดงออกถึงความหวาดกลัวบนใบหน้าของพวกเขาเลย

 

ในจังหวะนั้นเอง มีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา คนๆนั้นกำหนังสือพิมพ์ของสมาคมผู้พิทักษ์หอสูงไว้ในมือ

 

สองพี่น้องเบนสายตาตามหนังสือพิมพ์ทันที

 

ทั้งสองกวาดสายตาบนหน้าหนังสือพิมพ์ทั้งหมดในคราวเดียวและหยุดฝีเท้าลง

 

“ถ้ามีข่าวของอัลเบอัส แน่นอนว่ามันจะต้องลงพาดหัว แต่นี่มันดันไม่มีข่าวอะไรที่เกี่ยวข้องกับอัลเบอัสในวันนี้เลย” เสี่ยวเหมียวกล่าว

 

แบรี่จมลงสู่ความเงียบ

 

เขาค่อยๆเริ่มกระชับถุงมือเหล็กของตน

 

“พี่ชาย?” เสี่ยวเหมียวเริ่มกังวล

 

“ไม่เป็นไรหรอก พี่สบายดี แต่ดูเหมือนว่าจะมีทางฝั่งเรา คงจะมีบางคนเลือกที่จะหันไปพึ่งพิงเผ่ามารอยู่จริงๆ” แบรี่กล่าว

 

เสี่ยวเหมียวถอนหายใจ ไม่รู้จะกล่าวคำใด

 

—เพราะหากเป็นในกรณีที่ผู้พิทักษ์แห่งอัลเบอัสอยู่ในสถานะไม่ระวังตัว อีกฝ่ายก็ย่อมสามารถลงมือกับเขาได้โดยไร้เสียงใดๆอย่างไม่มีปัญหา

 

ว่าแต่ใครกัน? ที่จะสามารถลงมือได้โดยที่เขาลดการป้องกันลงได้?

 

คงจะมีเพียงเฉพาะคนที่เจ้าตัวไว้ใจเท่านั้น

 

แบรี่ “พวกเราคงต้องรีบทำเวลาให้ดีที่สุดแล้วล่ะ”

 

“อื้อ”

 

แล้วทั้งสองก็เร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งกว่าเดิม

 

….

 

ณ โรงแรมอัลเบอัส

 

ในโซนที่นั่งชั้นพิเศษของราชวงศ์

 

กู่ฉิงซานกำจดหมายในมือของเขา

 

เสียงของเสี่ยวเหมียวดังออกมาจากจดหมายโดยอัตโนมัติ

 

“มีบางอย่างที่น่ากลัวและอันตรายมากๆกำลังจะเกิดขึ้นที่อัลเบอัส และด้วยความแข็งแกร่งของนาย ย่อมไม่อาจต่อกรกับมันได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นตลอดทั้งอัลเบอัส หรือกระทั่งผู้คนจากโลกที่อยู่โดยรอบนับพันใบ ก็ไม่อาจต่อกรกับมันได้”

 

“ฉันขอเดาว่ามันน่าจะเป็นแผนของเผ่ามาร อัลเบอัสกำลังจะถูกศัตรูล้างบางลงอย่างแน่นอน!”

 

เสียงของเสี่ยวเหมียวฟังดูร้อนรนเป็นอย่างมาก

 

“ฉิงซาน พอนายรับแฟนแล้ว ก็ขอให้รีบใช้ด้ายมิติเพื่อกลับมายังสมาคมทันทีเลยนะ! มีแค่ในโลกมิติอนันต์เท่านั้นที่นายจะปลอดภัย”

 

“ฉันได้ชาร์จพลังของด้ายมิติเป็นสองเท่าเอาไว้แล้ว ดังนั้นถ้านายจะนำคนซัก3-5 คนกลับมาก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร”

 

“แต่จำไว้ให้ดี อย่าอยู่ที่นั่นให้มันนานจนเกินไป”

 

ดูเหมือนว่าเสี่ยวเหมียวจะลังเลเล็กน้อย ที่จะกล่าวประโยคต่อไป

 

“แต่ถ้านายไม่กลับมาในเวลาที่กำหนด ก็ขอให้รีบหาสถานที่ปลอดภัยซ่อนตัวซะ และรอพวกเราไปรับ”

 

“อาการบาดเจ็บของพี่ชายฉันจะใช้เวลาอีกสองวันถึงจะหายดีโดยสมบูรณ์ สองวันต่อจากนี้ พวกเราจะต้องไปช่วยนายกับแฟนของนายอย่างแน่นอน!”

 

หลังจากที่ได้ยินประโยคเหล่านี้ ภายในหัวใจของกู่ฉิงซานก็ค่อยๆหม่นทะมึนลงอย่างช้าๆ

 

มันเป็นความจริงที่ว่า ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ แบรี่กับเสี่ยวเหมียวเป็นคนที่เชื่อถือได้อย่างแน่นอน

 

อย่างไรก็ตาม พวกเขาคงสายเกินไปกว่าจะมาถึง

 

อัลเบอัสจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่รุนแรงอย่างไม่ต้องสงสัย

 

‘เผ่ามารกำลังจะบุกเข้ามา’

 

กู่ฉิงซานไม่รู้หรอกนะว่าเสี่ยวเหมียวสามารถค้นพบถึงข้อมูลดังกล่าวนี้ได้อย่างไร แต่เขาเชื่อว่าเสี่ยวเหมียวย่อมไม่ใช่คนที่จะมาพูดหยอกล้อกับเรื่องอะไรแบบนี้อย่างแน่นอน

 

เสี่ยวเหมียวจะไม่มีทางเขียนจดหมายนี้เพียงเพราะอยากจะล้อเล่นไร้สาระ!

 

มีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นจริงๆ

 

ห้วงอารมณ์ของกู่ฉิงซานเริ่มว้าวุ่น

 

อีกนานแค่ไหนกัน? ที่ซูเซี่ยเอ๋อจะสามารถออกมาจากโลกของทริสเต้ได้?

 

สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ ปัจจุบัน ตัวเขาไม่สามารถจากไปในตอนนี้ได้

 

ก็คนประเภทใดกัน ที่จะทิ้งซูเซี่ยเอ๋อและจากไปโดยลำพัง?

 

แต่ไม่ว่าจะพบเจอกับสถานการณ์ใดก็ตาม โดยปกติแล้วเขาก็มักจะคิดหาหนทางรับมือกับมันอย่างใจเย็นอยู่เสมอ -กู่ฉิงซานกำจดหมายของเสี่ยวเหมียว จมลงสู่ห้วงสมาธิไปสักพักหนึ่ง แต่ในสมองก็ยังไม่สามารถขบคิดถึงวิธีแก้ปัญหาได้

 

แต่ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้นเอง เสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้น

 

“เฮ้”

 

กู่ฉิงซานได้สติกลับคืน

 

เขาเงยหน้าขึ้น แล้วก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ที่สาวใช้ตัวน้อยมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา

 

เธอมาอย่างเงียบๆ เงียบจริงๆ จิตสัมผัสเทวะของเขาไม่สามารถตรวจจับได้เลย

 

การปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหันนี้ ทำให้ร่างกายในฐานะผู้ฝึกยุทธของกู่ฉิงซานตื่นตัวขึ้นมาทันที

 

ถึงแม้ว่าเขาจะมีสกิลร่างเงาแทนที่หรือย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้วก็ตาม แต่พอถูกคนอื่นมาปรากฏกายเบื้องหน้าโดยวิธีการคล้ายคลึงกันกับสกิลของตนแบบนี้ มันก็ทำให้เขาอดรู้สึกกดดันไม่ได้

 

“เมื่อครู่คือเสียงของเสี่ยวเหมียวหรอ? ฉันขอรบกวนถามคุณหน่อยสิ คุณไม่รู้มาก่อนเลยหรอว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับอัลเบอัส?”

 

“ใช่ ฉันเองก็พึ่งจะได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน” กู่ฉิงซานกล่าว

 

เห็นเขายอมรับอย่างจริงใจ ดวงตาของสาวใช้ก็ฉายประกายอันผิดแปลกไปออกมา

 

เธอพึมพำเสียงกระซิบ “เสี่ยวเหมียวสินะ? ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ทุกคนต่างก็รู้และเข้าใจนิสัยของแบรี่กับเสี่ยวเหมียวเป็นอย่างดี และท่านแม่ก็ยังเอ่ยปากด้วยตัวเองอีกว่า ทั้งสองคนนี้เป็นหนึ่งในผู้คนจำนวนน้อยนิดที่เชื่อถือได้ …”

 

กู่ฉิงซานรับฟัง แต่มิได้ตอบสิ่งใด

 

ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความกังวล และมัวแต่คิดว่าจะต้องทำอย่างไรถึงจะรับตัวซูเซี่ยเอ๋อกลับมาได้โดยเร็ว จึงไม่มีเวลาที่จะมามัวสนใจคำพูดของสาวใช้

 

ณ ขณะนั้นเอง เสียงของหน้าต่างระบบเทพสงครามก็ดังขึ้น

 

กู่ฉิงซานเพียงกวาดสายตาไปมอง และชัดเจนว่าระบบกำลังเขียนอธิบายถึงสิ่งที่อยู่ในมือของเขา

 

เห็นแค่เพียงบรรทัดแสงหิ่งห้อยที่ปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

 

“ชื่อไอเท็ม : จดหมายจากสมาคมกำปั้นเหล็กแห่งความยุติธรรม”

 

“วิชายุทธเทพสงคราม : นี่เป็นจดหมายฉุกเฉินทั่วๆไป มันไม่มีสกิลที่จะสามารถศึกษาและเรียนรู้ได้”

 

“คำอธิบายตามพงศาวดาร : คนที่เขียนจดหมายนี้ ได้ตระหนักถึงความจริงอันน่าทึ่งบางอย่าง และเธอก็ได้ล่วงรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์อันมีชื่อเสียง”

 

“คุณสามารถใช้จดหมายนี้กับเหรียญตราของทริสเต้ เพื่อลดปริมาณแต้มพลังวิญญาณที่จะใช้ตรวจสอบเหตุการณ์ได้”

 

“คุณต้องการจ่าย 10000 แต้มพลังวิญญาณ เพื่อดูเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ในอนาคตหรือไม่?”

 

กู่ฉิงซานตกตะลึง

 

ก่อนหน้านี้เพื่อที่จะตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกี่ยวของทางประวัติศาสตร์ของเหรียญตราทริสเต้ เขาจำเป็นต้องจ่ายถึง 100000 แต้มพลังวิญญาณ

 

แต่ตอนนี้ พอได้เพิ่มจดหมายของเสี่ยวเหมี่ยวเข้าไปแล้ว มันกลับสามารถลดการจ่ายแต้มพลังวิญญาณลงอย่างมหาศาล จนเหลือเพียง 10000เท่านั้น!

 

ดูเหมือนว่าเสี่ยวเหมียวจะคิดไม่ผิดจริงๆ เรื่องที่ว่าเผ่ามารกำลังจะปรากฏตัวขึ้นในเร็วๆนี้

 

กู่ฉิงซานจึงไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะจ่าย 10000 แต้มพลังวิญญาณ

 

ตอนนี้วิกฤตได้เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือข้อมูลข่าวสาร

 

เห็นแค่เพียงบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม อีกสองบรรทัดแสงตัวอักษรเด้งเตือนขึ้นมา

 

“คุณได้แลกเปลี่ยนแต้มพลังวิญญาณกับพงศาวดารวันสิ้นโลกเพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว”

 

“รายละเอียดข้อมูลเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์จะถูกนำมาจากพาดหัวข่าวในชีวิตก่อนหน้า”

 

โปรดรอสักครู่-

 

กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ทำไมมันถึงเป็นพาดหัวข่าวด้วย? ในเมื่อมันเป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้น ถ้าอย่างงั้นคุณก็น่าจะสามารถบอกฉันตรงๆเลยก็ได้นี่”

 

ติ๊ง!

 

ระบบตอบกลับ “เนื่องจากไม่มีประสบการณ์เป็นการส่วนตัว ระบบจึงไม่สามารถรู้ต้นตอของเหตุการณ์และผลกระทบที่จะตามมาได้ ระบบทำได้เพียงนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ให้กับคุณเท่านั้น”

 

พร้อมด้วยคำอธิบายนี้ ระบบก็ได้นำเสนอภาพหนังสือพิมพ์ของสมาคมผู้พิทักษ์หอสูงขึ้นบนหน้าต่าง

 

มองไปยังวันที่ มันคือหน้าหนังสือพิมพ์ของวันพรุ่งนี้ …

 

อ้างอิงตามตรรกะแล้ว เหตุการณ์ก็น่าจะสมควรเกิดขึ้นในระหว่างวันนี้ถึงพรุ่งนี้

 

พงศาวดารวันสิ้นโลก สามารถแยกเฉพาะเหตุการณ์โด่งดังที่มีชื่อเสียง โดยไม่มีข้อมูลลับใดๆปิดซ่อน

 

พอได้มองไปยังพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ กู่ฉิงซานก็ต้องส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้

 

มีเพียงประกาศสองบรรทัดของหอสูงปรากฏอยู่ในสายตา

 

“ระบบของราชามาร ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งแล้ว”

 

“เกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online : ‘เชื้อไฟ’ กำลังจะปะทุขึ้นในอัลเบอัส!”