ตอนที่ 221 แฮ็กเกอร์

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ฉินหร่านก้มหน้าดูที่อยู่

 

 

ซึ่งเป็นที่อยู่ของคฤหาสน์ในรัฐ M

 

 

ทางด้านกู้ซีฉือยังไม่ได้ตอบกลับ เธอจึงยกเลิกข้อความ

 

 

ตอนที่ขึ้นรถ เธอขมวดคิ้วเหลือบมองเฉิงมู่

 

 

หรือว่าเป็นเพราะอยู่กับเฉิงมู่นานไปหน่อย ไอคิวของเธอถึงได้ผิดเพี้ยนไปด้วย?

 

 

เมื่อเฉิงมู่เห็นว่าฉินหร่านกำลังมองเขา ก็อดเกาหัวไม่ได้ “คุณหนูฉิน เราจะกลับไปไหม?”

 

 

เขาคิดว่าฉินหร่านจะให้เขากลับไปที่สนามประลองอีกครั้ง

 

 

ฉินหร่านขึ้นรถ ขณะรอซือลี่หมิงเปิดแอร์ เธอก็ถอดเสื้อโค้ตวางข้างๆ อย่างส่งๆ พอได้ยินที่เฉิงมู่พูดก็ตอบว่า “ไม่กลับ”

 

 

ซือลี่หมิงคิดได้สักพักก็บอกว่า “ที่คฤหาสน์มีสนามฝึกในร่ม สถานที่ไม่ได้ใหญ่มาก ปกติพวกหัวหน้าจะใช้กัน ผมเองก็ไม่เคยไป คุณเฉิงสุ่ยน่าจะรู้”

 

 

ฉินหร่านพยักหน้าเพื่อเป็นสัญญาณว่าเข้าใจแล้ว

 

 

ทางด้านกู้ซีฉือยังคงอยู่ในห้องทดลองขององค์กรการแพทย์

 

 

เขาสวมเสื้อกาวน์ขององค์กรการแพทย์ที่ทางองค์กรได้จัดเตรียมไว้ ซึ่งเสื้อกาวน์ขององค์กรการแพทย์นั้นจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนกับชุดตะกั่วป้องกันรังสีอย่างหนาที่ศัลยแพทย์ทั่วไปสวมใส่เวลาทำการผ่าตัด เนื่องจากภายในเสื้อกาวน์ที่ทำแล็บวิจัยของกู้ซีฉือนั้นมีสารบางอย่างที่ช่วยป้องกันรังสีอยู่แล้ว

 

 

แต่แค่ราคาสูงมาก เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากบอสใหญ่ไดม่อนท่านนั้น

 

 

ดังนั้นมันจึงถูกใช้ภายในองค์กรทางการแพทย์เท่านั้น จะไม่ให้ชุดอุปกรณ์ดังกล่าวแก่นักศึกษาแต่ละคนที่มาเรียน

 

 

“อาจารย์ ยาเร่งการสมานแผลโดยการกระตุ้นเซลล์ให้เกิดใหม่ที่พวกคุณทำการวิจัยออกมาครั้งล่าสุดยังมีอยู่ไหม?” กู้ซีฉือหยิบขวดยาและกระปุกยาออกมาจากชั้นวางยาเป็นกองๆ จากนั้นก็หันไปถามชายแก่ 

 

 

เขาหยิบตัวอย่างมาสองสามขวด บางตัวยาที่อวดอ้างสรรพคุณก็หยิบมาแค่ขวดเดียวเพื่อเป็นตัวอย่าง

 

 

พอชายแก่หันไปก็เห็นยาทดลองที่กู้ซีฉือถือไว้ในมือ กระตุกมุมปาก “เจ้าศิษย์เลว แกหยิบยาวิจัยของฉันซี้ซั้วอีกแล้วนะ!”

 

 

คราวก่อนก็ทีหนึ่ง ปล้นยาในห้องทดลองของเขาเกือบหมด!

 

 

ตอนนี้เอาอีกแล้วเหรอ ? !

 

 

“ให้คนทดลองฟรีๆ ผมจะให้คนบันทึกผลให้อาจารย์เอง” กู้ซีฉือยื่นกองยาส่งให้เจียงตงเยี่ย จากนั้นก็หันไปหาชายแก่ “ถ้าไม่มีบอสใหญ่ไดม่อน อาจารย์จะวิจัยยาออกมาได้ขนาดนี้เหรอ?”

 

 

ทันทีที่พูดออกไป ชายแก่ก็พูดไม่ออกไปชั่วขณะ

 

 

เพราะเงินที่บอสใหญ่ไดม่อนโอนมาให้แต่ละครั้งนั้นเป็นเงินจำนวนมหาศาล ซึ่งเป็นเงินสนับสนุนสำหรับพวกลูกศิษย์ของชายแก่และทางองค์กรการแพทย์ยังใจดีแบ่งเงินให้ชายแก่ซื้อเครื่องมือทดลองและวัตถุดิบยาอีกด้วย

 

 

หากไม่มีการสนับสนุนเหล่านี้ ชายแก่ก็ไม่สามารถทำงานวิจัยมากมายเหล่านี้ได้

 

 

“รุ่นพี่แกไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลย” เขาพูดอะไรไม่ออกจึงได้แต่นั่งบ่นพึมพำบนเก้าอี้

 

 

กู้ซีฉือไม่สนใจเขา

 

 

พอชายแก่นึกอะไรขึ้นได้ก็หันไปมองกู้ซีฉือ นั่งตัวตรง พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “พูดถึงรุ่นพี่แก เขาไม่มาแล้วเหรอ?”

 

 

เขาถามประโยคนี้ด้วยความระมัดระวังเล็กน้อย

 

 

อย่างรอคอย

 

 

กู้ซีฉือมาแค่ปล้นห้องทดลองของเขาเท่านั้น แต่ถ้าเป็นเฉิงเจวี้ยน…

 

 

ชายแก่ไม่อยากจะคิดต่อ

 

 

เมื่อได้ยินชายแก่เอ่ยถึงเฉิงเจวี้ยน กู้ซีฉือก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า เขาเห็นฉินหร่านยกเลิกข้อความไปหนึ่งฉบับ

 

 

เขารู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร จึงส่งข้อความไป——

 

 

(พวกเธออยู่ไหน?)

 

 

ทางด้านฉินหร่านตอบกลับมาค่อนข้างไว—— (รัฐ M)

 

 

จากนั้นก็ส่งที่อยู่ซึ่งเป็นฐานที่ตั้งของบริษัทอวิ๋นกวงในรัฐ M เพื่อให้กู้ซีฉือส่งยาไปที่นั่น

 

 

พอกู้ซีฉืออ่านเสร็จก็เบี่ยงตัวมองไปทางชายแก่แล้วยิ้ม “เขาถึงรัฐMแล้ว”

 

 

องค์กรการแพทย์ก็อยู่รัฐ M

 

 

ชายแก่ตกตะลึง

 

 

กู้ซีฉือดูโทรศัพท์อีกครั้ง——

 

 

(ข้อความที่เธอเพิ่งยกเลิกไปคืออะไร? ทำอะไรโง่ๆ ลงไปงั้นเหรอ?)

 

 

ฉินหร่านไม่ได้ว่าอะไร แค่ส่งอีโมจิยิ้มให้เขา

 

 

**

 

 

อีกด้านหนึ่ง ตอนที่ฉินหร่านและคนอื่นๆ กลับมาถึงคฤหาสน์ก็เย็นมากแล้ว

 

 

เฉิงเจวี้ยนยังอยู่ในห้องหนังสือ เอกสารบนโต๊ะถูกปัดออกไป มีคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งตั้งไว้

 

 

เขากำลังดูกล้องวงจรปิด

 

 

ซึ่งเป็นกล้องวงจรปิดบริเวณทางเดินตรงบันได

 

 

รุ่ยจินกับฉินหร่านเดินเฉียดไหล่กันแค่หนึ่งนาที

 

 

แต่ฉินหร่านกลับยืนอยู่หน้าบันไดนานมาก

 

 

ด้านนอก คนรับใช้กำลังเคาะประตู “คุณฉินกลับมาแล้วค่ะ จะขึ้นโต๊ะเลยไหมคะ?”

 

 

เฉิงเจวี้ยนที่นั่งบนเก้าอี้ตอบเพียง “อืม” จากนั้นก็ยื่นมือปิดคอมพิวเตอร์แล้วลุกขึ้น

 

 

บนโต๊ะอาหารชั้นหนึ่ง

 

 

ก่อนหน้านี้มีแค่เฉิงสุ่ย ฉินหร่าน เฉิงเจวี้ยน และเฉิงมู่ แต่วันนี้มีเฉิงหั่วเพิ่มเข้ามาอีกคน

 

 

“คฤหาสน์มีสนามฝึกในร่มเล็กๆ ไหม?” ฉินหร่านคีบเนื้อต้มมาหนึ่งชิ้นแล้วมองเฉิงเจวี้ยน

 

 

เฉิงเจวี้ยนกำลังถือตะเกียบ เนื่องจากไม่อยากอาหาร เขาจึงกินไปแค่ไม่กี่คำ “ชั้นหนึ่งมีสนามฝึกของฉันอยู่ คนทั่วไปเข้าไปไม่ได้ ถ้าเธอจะใช้ก็ไปที่นั่น”

 

 

“อือ” ฉินหร่านวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะแล้วพยักหน้า

 

 

หลังจากทั้งหมดทานอาหารเสร็จ เมื่อเฉิงเจวี้ยนเห็นฉินหร่านลุกขึ้น เขาก็หยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะยื่นให้เธอ

 

 

ฉินหร่านรับมาพลางมองเฉินเจวี้ยน “ฉันขอตัวไปดูสนามฝึกก่อน คุณกินเสร็จแล้วก็กลับไปนอนเถอะ”

 

 

เฉิงเจวี้ยนตอบเพียง “อืม” คำเดียว เขาไม่ได้นอนหลับเต็มอิ่มในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา แต่เขาก็วางตะเกียบลงและลุกขึ้นยืน “สนามฝึกอยู่ทางนั้น”

 

 

เฉิงสุ่ยที่คิดจะนำทางฉินหร่านกำลังจะวางตะเกียบลงและค้ำโต๊ะลุกขึ้นยืนกลับไปนั่งลงถือตะเกียบอีกครั้ง

 

 

สนามฝึกทั้งหมดของคฤหาสน์มีอุปกรณ์ครบครัน ยิ่งเป็นสนามฝึกของเฉิงเจวี้ยนก็ยิ่งมีอุปกรณ์พร้อมกว่าที่อื่น

 

 

ที่นี่จำลองมาจากสนามฝึกกลางแจ้งขนาดใหญ่

 

 

“นี่คือเครื่องเซนเซอร์ที่สามารถทดสอบพลังหมัดได้…” เฉิงเจวี้ยนพาเธอเดินชมสนามฝึกขนาดเล็ก พร้อมกับแนะนำให้เธอรู้จักการใช้อุปกรณ์ฝึกหลายอย่าง

 

 

แม้ว่าสนามฝึกแห่งนี้จะเตรียมไว้สำหรับเฉิงเจวี้ยน แต่ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาเขามีเวลาพักอยู่ที่นี่แค่ไม่กี่วัน

 

 

นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามายังสนามฝึกที่นี่ แต่เขาก็รู้จักเครื่องมือในนี้เป็นอย่างดี

 

 

เดิมทีฉินหร่านคิดจะพาเฉิงมู่มาสัมผัสด้วยตัวเองและอยากจะลองใช้เครื่องเซนเซอร์ทดสอบความแข็งแกร่งพวกนี้

 

 

เครื่องเซนเซอร์ทดสอบพลังหมัดมีสถิติสูงสุดอยู่ที่ 910

 

 

แต่เนื่องจากเฉิงเจวี้ยนเป็นคนพาเธอมาที่นี่ ฉินหร่านจึงครุ่นคิดอยู่สักพักก็ไม่ได้ลอง เธอพยักหน้าช้าๆ “ฉันเข้าใจแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาดู เรากลับกันเถอะ”

 

 

เฉิงเจวี้ยนกำลังรอเธอลองใช้ แต่พอเห็นเธอไม่คิดจะลองก็เลิกคิ้วแล้วพูดเบาๆ “ไม่ลองดูล่ะ?”

 

 

“ไม่ละ จะกลับไปเล่นเกม” ฉินหร่านชักสายตากลับแล้วเดินออกไป เมื่อเห็นเฉิงเจวี้ยนไม่ตามมาเธอก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว

 

 

เฉิงเจวี้ยนยังยืนอยู่ที่เดิม เหลือบมองฉินหร่านแล้วยิ้ม “กลับเถอะ”

 

 

**

 

 

บนชั้นสองห้องของฉินหร่าน

 

 

พอฉินหร่านกลับไปถึงห้องและเปิดคอมพิวเตอร์ได้ไม่นาน เฉิงมู่ก็มาเคาะประตูพอดี เขานำกระถางดอกไม้ของหลินซือหรานมาให้ฉินหร่าน

 

 

ดอกไม้นี้ต้องได้รับการดูแลทุกวัน ปกติเฉิงมู่จะไม่เข้ามาในห้องฉินหร่านตอนที่ฉินหร่านกลับมาตอนเย็น

 

 

เขาแค่ย้ายดอกไม้จากโรงอบเอามาให้ฉินหร่าน

 

 

“พรุ่งนี้เจ็ดโมงเช้าลงไปรอฉันที่ชั้นหนึ่ง” ฉินหร่านรับกระถางดอกไม้จากมือเฉิงมู่และพูดอย่างส่งๆ

 

 

เฉิงมู่ตอบ “ครับ” แล้วจากไปอย่างเงียบๆ แทนที่จะกลับไปที่ห้อง เขากลับไปที่สนามฝึกข้างนอก

 

 

ฉินหร่านไม่ได้เตือนเขา หลังจากเห็นเขาไปแล้วก็เดินกลับห้องตัวเอง

 

 

เป็นที่แน่นอนว่าเธอเล่นเกม มีเสียงของลู่จ้าวอิ่งดังมาจากคอมพิวเตอร์เพื่อเรียกเธอเล่นเกม

 

 

ฉินหร่านลากเก้าอี้นั่ง เธอไม่ได้เล่นเกมในทันที แต่เปิดเอกสารชิ้นหนึ่ง “รอแป๊บนึง ขอฉันเขียนอะไรหน่อย”

 

 

“ได้ งั้นฉันเล่นไปก่อนแล้วกัน” ลู่จ้าวอิ่งที่อยู่อีกด้านตอบอย่างไม่เร่งรีบ

 

 

เขาจับเมาส์คลิกและเริ่มจับคู่คู่ต่อสู้ ขณะรอการจับคู่ก็นึกอะไรขึ้นได้ “พวกเธอเที่ยวเขตชานเมืองในรัฐMหรือยัง? เชฟคนนั้นที่เฉิงมู่โพสต์เปิดร้านปิ้งย่างแล้วเหรอ? ฉันเห็นเขาย่างเนื้อแล้วอยากกินขึ้นมาเลย”

 

 

เขาถามไปเรื่อยเปื่อย ฉินหร่านเขียนไปด้วยตอบไปด้วย “เชฟอะไร?”

 

 

เธอมีแอ็คเคาท์ของเฉิงมู่แต่ไม่มีนิสัยชอบติดตามความเคลื่อนไหว

 

 

ดังนั้นเธอจึงยังไม่รู้ว่าเฉิงมู่โพสต์รูปหัวหน้าทหารรับจ้างย่างเนื้อออกไป

 

 

แต่พอได้ยินลู่จ้าวอิ่งพูดถึงเรื่องย่างเนื้อ เธอก็นึกขึ้นมาได้บ้าง

 

 

“ก็ความเคลื่อนไหวเมื่อสองวันก่อนไง ที่พ่อครัวคนนั้นย่างเนื้อให้พวกเธอในป่า”

 

 

ฉินหร่าน “…เขาคงไม่เปิดร้านหรอก”

 

 

ฉินหร่านกำลังทำแผนการฝึกซ้อมให้เฉิงมู่ พอผ่านไปได้สามนาทีเธอก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอหรี่ตาลง เปิดเท็กซ์อิดิเตอร์เพื่อตรวจสอบระบบไร้สายของคฤหาสน์

 

 

มีคนพยายามตรวจสอบข้อมูลของเธอผ่านระบบไร้สาย

 

 

ไม่เพียงแค่ของเธอเท่านั้น ระบบของเฉิงเจวี้ยนก็ถูกคนพยายามแฮ็กด้วยเช่นกัน

 

 

“ใจกล้าไม่เบา…” ฉินหร่านเอนหลังพิงเก้าอี้พลางยื่นมือปิดเอกสารและเปิดเสิร์ชเอนจินโดยตรง

 

 

หน้าเกมคอมพิวเตอร์ถูกย่อเล็กสุดและเปลี่ยนเป็นหน้าจอสีดำตัวอักษรสีขาว

 

 

โค้ดเด้งขึ้นมาเป็นแถวๆ

 

 

ในเวลาเดียวกัน

 

 

สาวผมบลอนด์กำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ในห้องนอนแขกที่อยู่ในคฤหาสน์แถวท้ายๆ ขณะที่เธอกำลังแฮ็กพอร์ตไร้สายของห้องฉินหร่านผ่านเครือข่ายไร้สายได้ไม่นาน จู่ๆ หน้าจอก็ดับสนิท!