ที่เฉิงหั่วเห็นศักยภาพในตัวถังชิงนั้นเป็นเพราะถังชิงมีความรู้ในด้านคอมพิวเตอร์บนโลกใบนี้อย่างถ่องแท้ ซึ่งพอจะเรียกได้ว่าเป็นมือฉกาจคนหนึ่ง
ทั้งคฤหาสน์นี้เธอกลัวแค่เฉิงหั่วคนเดียว
ถ้าให้เธอแฮ็กคอมพิวเตอร์ของเฉิงหั่ว เธอไม่เอาด้วยแน่นอน
เธอไม่ได้รู้สึกกลัวคนอื่นในคฤหาสน์แต่อย่างใด และเนื่องจากเมื่อตอนบ่ายเธอไม่รู้สถานะของฉินหร่านคนนั้นอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สอบถามเกี่ยวกับที่พักของเธอแล้ว พอตกกลางคืนไม่มีใครอยู่ เธอก็เริ่มแฮ็กเข้าไปในห้องทั้งสองที่ถูกล็อกไว้
แต่ทว่ายังไม่ทันได้แฮ็กพอร์ตไร้สายของฉินหร่าน จู่ๆ หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเธอก็กลายเป็นสีดำ
ถังชิงอึ้งไปสักพัก จากนั้นกดแป้นพิมพ์อีกครั้งและพิมพ์โค้ดชุดหนึ่ง
ไฟแสดงสถานะของคอมพิวเตอร์ยังคงสว่างอยู่ แต่หน้าจอไม่ตอบสนอง ในฐานะที่เป็นแฮ็กเกอร์ ถังชิงย่อมรู้สถานการณ์ดีว่าตอนนี้คอมพิวเตอร์ของเธอโดนคนแฮ็กกลับแล้ว!
อีกฝ่ายจะต้องมีฝีมือมากกว่าเธอมากแน่ๆ ถึงสามารถทำให้คอมพิวเตอร์ของเธอไร้การตอบสนอง
ถังชิงเอนหลังพิงเก้าอี้ เหงื่อท่วมไปทั้งแผ่นหลัง
จะใช่เฉิงหั่วหรือเปล่า?
แต่ก็ไม่น่าใช่ เพราะแม้แต่เฉิงหั่วก็ไม่สามารถแฮ็กคอมพิวเตอร์ของเธอจนไร้การตอบสนองแบบนี้ได้
ขณะที่ถังชิงกำลังอกสั่นขวัญแขวน อีกฝ่ายก็ถอนตัวกลับทันทีและไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ อีกต่อไป
ถังชิงกดแป้นพิมพ์ด้วยความงุนงง ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นใครกันแน่?
วันนี้เฉิงหั่วพูดถึงคนของแมทธิว?
อีกด้านหนึ่ง ลู่จ้าวอิ่งก็เล่นเกมจบไปหนึ่งเกมแล้ว
ยังถามเร่งคนที่อยู่อีกด้านว่า “ฉินหร่าน เสร็จหรือยัง?”
“เสร็จแล้ว อย่าเร่ง” ฉินหร่านปรับตำแหน่งการค้นหา ในที่สุดตำแหน่งของห้องก็ปรากฏขึ้น——
ห้องนอนแขกบนชั้นสามของตึกด้านหลัง…
เป็นแฮกเกอร์สาวคนนั้นที่เฉิงหั่วพากลับมาวันนี้?
ฉินหร่านหรี่ตา
ลู่จ้าวอิ่งยังคงเร่งเธอ ฉินหร่านจึงค่อยๆ คุมตัวละครในเกมเข้าร่วมทีมกับลู่จ้าวอิ่ง ขณะที่เข้าคิวเธอก็เขียนแผนการฝึกซ้อมให้เฉิงมู่ไปด้วย
**
อีกด้านหนึ่ง เฉิงหั่วยังไม่ได้กลับไปยังห้องของตัวเอง แต่อยู่กับเฉิงสุ่ยและกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อรายงานสถานการณ์ในครั้งนี้
“สมาชิกของสมาคมแฮกเกอร์ค่อนข้างลึกลับ” เฉิงหั่วลากเก้าอี้มานั่ง “สร้างปัญหา ไม่ค่อยทำตามคำสั่ง ถังชิงประวัติขาวสะอาดก็จริง แต่เธอมีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่งคืออวดดี”
เฉิงสุ่ยรินน้ำให้เขาหนึ่งแก้วพลางพยักหน้าเห็นด้วย “ดูก็รู้แล้ว”
คนวัยประมาณยี่สิบที่ประสบความสำเร็จด้านคอมพิวเตอร์แบบนี้ การอวดดีนั้นก็ถือว่าพอเข้าใจได้
“คอยจับตาดูไปสักพัก” เฉิงสุ่ยดื่มน้ำ จากนั้นก็วางแก้ว “รอการประเมินเดือนหน้าค่อยว่ากัน”
“ฉันก็คิดแบบนี้เหมือนกัน” เฉิงหั่วพยักหน้า ขณะถือถ้วยชาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “คนของหน่วยจัดซื้อบอกฉันว่าประมูลหุ่นยนต์ซีรีส์EAได้แล้ว ตอนนี้อยู่ไหนล่ะ?”
“ยังรอคิวตรวจสอบ พรุ่งนี้เช้าจะมีคนส่งมาให้นายวิจัย” เฉิงสุ่ยได้รับแจ้งเกี่ยวกับหุ่นยนต์มาแล้ว
เฉิงหั่วกระตือรือร้นอยากจะลองเล็กน้อย ตอนที่เขากำลังจะถามว่างานวิจัยอยู่ไหน โทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาก็ดังขึ้น
เป็นโทรศัพท์จากพนักงานฝ่ายเทคนิคของคฤหาสน์ เฉิงหั่วขมวดคิ้ว “มีอะไร?”
เสียงจากอีกด้านดูจริงจังและร้อนใจ “คุณเฉิงหั่ว มีคนโจมตีระบบภายในของเรา”
“นายแน่ใจนะ?” เฉิงหั่วลุกจากเก้าอี้พลางขมวดคิ้ว “ค่อยๆ พูด ฉันจะรีบไป”
เขาหยิบเสื้อนอกเตรียมจะออกไป
เฉิงสุ่ยยันพนักแขนลุกขึ้นยืนและถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น
“ระบบภายในคฤหาสน์มีปัญหา ถูกคนโจมตี ฉันจะไปดูสักหน่อย” เฉิงหั่วสวมเสื้อนอกและรีบเดินออกไป
ไฟร์วอลล์ที่เขาติดตั้งในคฤหาสน์นี้ได้มาจากประธานสมาคมแฮกเกอร์ น้อยมากที่บุคคลภายนอกจะสามารถโจมตีระบบได้สำเร็จ
มีเพียงบอสใหญ่ไม่กี่คนที่สามารถโจมตีระบบของพวกเขาได้ ใครบ้างที่มีสิทธิ์จะโจมตีระบบของคฤหาสน์นี้? เฉิงหั่วรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
บวกกับวันนี้เฉิงสุ่ยพูดถึงแมทธิว สีหน้าเขาดูเข้มขึ้น
เฉิงสุ่ยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเฉิงหั่ว เขาก็เข้าใจได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องธรรมดา ดังนั้นเขาจึงหยิบเสื้อนอกและออกไปกับเฉิงหั่วด้วย
“เกิดอะไรขึ้น?” เขาถาม
ขณะที่พวกเขาเดินไปที่หน่วยข่าวกรอง เฉิงหั่วก็อธิบายเรื่องทั้งหมดให้เฉิงสุ่ยฟัง
หน่วยข่าวกรองแยกออกไปอยู่ที่หอคอย ชั้นหนึ่งมีคอมพิวเตอร์อยู่ประมาณสิบกว่าเครื่อง ขณะนี้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องมีโค้ดขึ้นมาเป็นแถวๆ
เมื่อหัวหน้าหน่วยข่าวกรองเห็นเฉิงหั่วมาแล้ว เขาจึงรีบลุกขึ้นยืนแล้วหลีกทางให้
เฉิงหั่วกดคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบพอร์ต
ตามความรู้ความเข้าใจของเขา คนที่สามารถเจาะไฟร์วอลล์ได้จะต้องเป็นบุคคลระดับขั้นสุดยอด เป็นบอสใหญ่ในวงการนักแฮ็กเกอร์อย่างแน่นอน เขาคิดว่าคงต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการต่อกรกับคนคนนี้
แต่ยังไม่ทันออกแรงทำอะไร อีกฝ่ายก็ถูกเขารุกกลับอย่างง่ายดาย…
เฉิงหั่วที่เป็นคนสุขุมมาโดยตลอด ตอนนี้ถึงกับงุนงงเล็กน้อย
เขาถือโอกาสนี้ทำการตรวจสอบต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ ไม่นานก็จับได้ว่าวงจรห้องของถังชิงมีร่องรอยการแฮ็กห้องฉินหร่านกับเฉิงเจวี้ยน
เฉิงหั่วหรี่ตาโดยไม่รู้ตัว มือของเขาหยุดที่แป้นพิมพ์สีดำ “แปลกแฮะ…”
“มีอะไร?” เฉิงสุ่ยนั่งอยู่ตรงข้ามเขาโดยไม่ได้เข้าไปรบกวนเขา พอเห็นเฉิงหั่วนิ่งไปก็หันไปมอง “สถานการณ์ผิดปกติ?”
“แปลกมาก” เฉิงหั่วมองที่จุดสีแดงที่แสดงบนหน้าคอมพิวเตอร์ เขาชี้ไปที่จุดสีแดงแล้วมองเฉิงสุ่ย “อีกฝ่ายเป็นถึงบอสใหญ่ ฉันไม่พบร่องรอยแม้แต่นิดเดียว…แต่ว่า เขาไม่ได้แตะต้องข้อมูลอะไรของเราเลย คล้ายกับว่า…”
เขาอยากจะทำให้พวกเขาพบตัวถังชิง
เฉิงสุ่ยฟังจบก็เงียบไป “ถังชิงคนนี้ ลองสังเกตไปสักพัก นายดูข้อมูลคุณหนูฉินกับนายท่านดีๆ ซิ”
ในฐานะแฮ็กเกอร์ที่สืบค้นข้อมูลของคนอื่น เฉิงสุ่ยไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องปกติหรือไม่ ถังชิงเองก็ไม่ได้แตะต้องข้อมูลของคฤหาสน์ แต่ทันทีที่เธอมาสืบข้อมูลของฉินหร่านและเฉิงเจวี้ยน ก็ทำลายความรู้สึกดีๆ ของเฉิงสุ่ยไปแล้ว
**
เช้าวันรุ่งขึ้น
ฉินหร่านตื่นขึ้นมาทานอาหารเช้าเสร็จก็ลงไปชั้นล่าง
เวลาเจ็ดโมง ไม่เช้าไม่สายจนเกินไป
เฉิงมู่ได้มารออยู่หน้าประตูใหญ่เรียบร้อยแล้ว
“คุณหนูฉิน ทำไมผมถึงไม่เจอเสี่ยวซือล่ะ?” เฉิงมู่กวาดตามองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นซือลี่หมิงแม้แต่เงา
เขาคิดว่ายังคงเป็นเขาและซือลี่หมิงที่เป็นคนพาฉินหร่านออกไปวันนี้
ในห้องโถง ฉินหร่านไม่ได้สวมเสื้อขนเป็ด เธอสวมแค่เสื้อสเวตเตอร์โดยมีเสื้อกันลมอยู่ด้านนอก
“เขายังมาไม่ถึง” ฉินหร่านยังถือเอกสารชุดหนึ่งอยู่ในมือ เธอยื่นเอกสารให้เฉิงมู่แล้วบอกว่า “ตามฉันมา”
เธอพาเฉิงมู่ไปยังห้องฝึกซ้อมขนาดเล็กของเฉิงเจวี้ยน
“นี่คือเครื่องเซนเซอร์ทดสอบพลังหมัด” ฉินหร่านหยุดอยู่หน้าเครื่องมือทดสอบพลังหมัด เธอถอดเสื้อตัวนอกโยนไปกองกับพื้นพร้อมกับอธิบายอุปกรณ์ให้เฉิงมู่ฟังไปด้วย
มิเตอร์ของเครื่องมือทดสอบพลังหมัดประกอบไปด้วยห้าแถว
แถวแรกคือสรุปสถิติสูงสุด : 910
แถวที่สองคือสถิติสูงสุดของเครื่อง : 0
แถวที่สามคือสถิติหมัดแรกของเครื่อง : 0
แถวที่สี่คือสถิติหมัดที่สองของเครื่อง : 0
แถวที่ห้าคือสถิติหมัดที่สามของเครื่อง : 0
แถวแรกน่าจะเป็นสถิติสูงสุดของคนทั้งคฤหาสน์นี้ ถัดไปอีกสี่แถว…เฉิงเจวี้ยนน่าจะยังไม่เคยใช้เครื่องนี้มาก่อน
เฉิงมู่พยักหน้า เขาคิดว่าฉินหร่านจะพาเขาออกไป เขาจึงยังสวมเสื้อคลุมสีดำ
แต่พอได้ยินที่ฉินหร่านบอก เขาก็ถอดเสื้อคลุมยืนอยู่หน้าเครื่องมือทดสอบพลังหมัด
เขาขยับตัวก่อนแล้วกำหมัดขวา หลังมือมีเอ็นปูด เบิกตาทั้งสองข้าง
“ปัง” มือขวาของเฉิงมู่ต่อยไปที่เครื่องอย่างแรงเหมือนภาพติดตา!
เครื่องส่งเสียงติ้ง
แถวที่สองกับแถวที่สามปรากฏค่าพลังหมัด——652
เฉิงมู่ “…”
มันแย่กว่าสถิติสูงสุดตั้งสองร้อยกว่าและไม่มีสถิติอื่นมาเปรียบเทียบ
เกือบจะห่างกันถึงสามร้อยแล้วแน่ะ…
ฉินหร่านกระแอม “ต่อยให้มากกว่านี้”
หมัดเดียวบอกอะไรไม่ได้
โทรศัพท์ในกระเป๋าของเธอดังขึ้น เธอหยิบมาดูก็พบว่าเป็นข้อความของซือลี่หมิง เขาถามเธอว่าอยู่ไหน
ฉินหร่านจึงส่งที่อยู่ชั้นหนึ่งให้เขา
**
ซือลี่หมิงสวมเสื้อผ้าแล้วเดินไปที่คฤหาสน์
ระหว่างทางได้พบกับเฉิงสุ่ยและหัวหน้าเข้าพอดี
เขาหยุดทักทายเสร็จก็สาวเท้าเดินไปหาฉินหร่าน
“ซือลี่หมิงก็ไม่ไปสนามฝึกเหรอ? เดือนหน้าจะประเมินแล้วนะ” หัวหน้าหยวนจำคนดังของหน่วยจัดซื้อก่อนหน้านี้ได้เป็นอย่างดี เขากระซิบถามหัวหน้าโจว
หัวหน้าโจวตอบไปว่า “หน้าที่หลักของเขาคือต้องอยู่กับคุณหนูฉินมั้ง”
“งั้นก็น่าเสียดาย” หัวหน้าหยวนส่ายหน้า
ไม่ไกลมากนัก คนรับใช้หยิบห่อของยื่นให้เฉิงสุ่ย
เดิมทีเฉิงสุ่ยคิดจะวางไว้ส่งๆ ทว่าสายตากลับเหลือบไปเห็นโลโก้อวิ๋นกวงกรุ๊ป
เขาที่มีท่าทีสงบเสงี่ยมมาตลอดเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “คนของอวิ๋นกวง?”
อวิ๋นกวงกรุ๊ปเป็นหนึ่งในห้ายักษ์ใหญ่ของทวีปเอเชีย
ไม่ว่าบุคคลเบื้องหลังหรือพนักงานล้วนแล้วแต่ทำตัวลึกลับ และไม่มีการติดต่อทางธุรกิจใดๆ กับคฤหาสน์ของพวกเขาเลย
ตอนแรกเฉิงหั่วยังคิดหลายวิธีที่จะเข้าร่วมอวิ๋นกวงกรุ๊ปแต่ก็ไม่สำเร็จ แล้วทำไมถึงส่งของมาที่นี่ได้ล่ะ?
“อวิ๋นกวง? บริษัทที่สร้างหุ่นยนต์EAน่ะเหรอ? ฉันยังสงสัยอยู่เลยว่าคนที่เขียนโปรแกรมหุ่นยนต์EAจะต้องเป็นบอสใหญ่ที่ฉันรู้จักแน่ๆ” เฉิงหั่วมีความสนใจเกี่ยวกับบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภายใต้การบริหารของอวิ๋นกวงกรุ๊ปเป็นพิเศษ เมื่อได้ยินเฉิงสุ่ยพูดถึงอวิ๋นกวง เขาที่ยังสะลึมสะลือก็สมองตื่นขึ้นมาทันที รับห่อของมาจากเฉิงสุ่ยแล้วพลิกดู “ทำไมพวกเขาส่งมาให้พวกเรา…”
ขณะที่กำลังจะดูด้านหน้าก็พบว่าเป็นชื่อฉินหร่าน