ตอนที่ 234 : คำใบ้สามคำ

หวังเย่านั่งลงบนโซฟาแล้วเอาโน๊ตบุ๊คออกมาเปิด

เขาอยู่ในมิติดวงจันทร์กว่า 1 เดือน มันมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นในระหว่างนี้ เมืองบนเกาะแทบถูกทำลายไปจนสิ้นซาก แม้ว่าเมืองเหล่านั้นจะไม่ได้ใหญ่นัก แต่จำนวนประชากรก็ถือว่าเยอะ มันมีประชากรเกือบ 100 ล้านคน แต่พวกนั้นกลับตายไปเกือบหมด ?

เขาตั้งใจจะตรวจสอบข้อมูลด้วยตัวเอง

คำแรกที่เขาค้นหาก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นบนเกาะ เขาพบว่ามันมีการพูดถึงเรื่องนี้กันอย่างร้อนแรง

หวังเย่าตรวจสอบข้อมูลไปเรื่อย ๆ และเริ่มเข้าใจสถานการณ์มากขึ้นกว่าเดิม เป็นอย่างที่ฟ่านฉิงเหมยพูด มีสัตว์อสูรทะเลจำนวนมากเข้าโจมตีฐานของเกาะจนทำให้เกิดแผ่นดินไหวขึ้น ด้วยเหตุนี้แม้ว่าจะมีการใช้อาวุธที่ทันสมัย แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร แผ่นดินไหว 9.5 ริคเตอร์นั้นไม่ใช่เรื่องตลก บ้านเรือนจำนวนมากได้พังทลายลงและมีประชากรตายอีกด้วย…

ด้านล่างข่าวมีคนมาคอมเมนต์ ความเห็นของพวกนั้นแตกต่างกันไป มีทั้งคนที่รู้สึกเศร้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นและมีพวกที่ปากร้ายที่ออกปากยินดีกับเรื่องนี้ ยังไงซะคนบนเกาะนี้ก็เคยบุกโจมตีเมืองหัวเซี่ยและทำเรื่องชั่วร้ายมาก่อน เป็นธรรมดาที่จะทำให้คนของเมืองหัวเซี่ยแค้นเคือง เรื่องที่พวกเขาทำถูกเผยแพร่ตามหนังสือพิมพ์หลายฉบับ

หวังเย่าไม่พูดอะไร เมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้แล้วมันก็ไม่อาจจะกลับไปแก้ไขได้ แต่เมืองหัวเซี่ยควรเรียนรู้จากเรื่องนี้ เพื่อจะไม่ได้เจอผลลัพธ์แบบเดียวกัน และสามารถหาวิธีป้องกันได้

สำหรับการขอความช่วยเหลือจากเกาะนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องกังวล สรุปแล้วคือหวังเย่ายังเป็นแค่คนไม่มีอำนาจ เขายังไม่อาจจะไปยุ่งกับเรื่องใหญ่แบบนี้ได้

ยิ่งไปกว่านั้นเมืองหัวเซี่ยเองก็เห็นแก่ตัวนิด ๆ พวกเขาจะยอมข้ามน้ำข้ามทะเลไปช่วยคนอื่นรึไง ? เดาว่าถึงพวกคนบนเกาะหนีมาที่หัวเซี่ย แต่ชาวหัวเซี่ยก็คงไม่พอใจเท่าไหร่ ยังไงซะนี่ก็คืออาณาเขตของประเทศหัวเซี่ยที่ครั้งหนึ่งคนบนเกาะนั้นเคยโจมตีที่นี่

การรับพวกที่หนีมาก็เท่ากับรับศัตรูในอดีตมาด้วย มันไม่ต่างอะไรกับการซักศึกเข้าบ้าน

เมืองทั้งสามบนเกาะไม่เคยคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถ้าหากเมืองของพวกเขาเกิดหายนะขึ้นมา เกรงว่าก็คงมาในรูปแบบนี้

คนไม่ตรองการณ์ไกล ความยุ่งยาก ก็จะใกล้เข้ามา เพราะเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นในเมืองตัดขวาง พวกเขาจึงขอความช่วยเหลือจากเมืองอื่น ๆ ในขณะเดียวกันเมืองหัวเซี่ยก็ส่งของที่จำเป็นและทำการติดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายให้ด้วย หากเกิดเรื่องที่ไม่อาจจะรับมือได้ พวกเขาจะได้หนีผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายมา

ตอนต้นปี หวังเย่าได้ทำการเปิดประมูลแร่ไฟไป เมื่อของพวกนั้นถูกประมูลไปหมด พวกมันก็ถูกนำไปศึกษาและใช้งานอย่างแพร่หลาย มันถูกใช้เป็นทั้งพลังงาน, เชื้อเพลิง, ไฟภาคสนามและอื่น ๆ ส่วนที่มีประโยชน์ที่สุดคือค่ายกลเคลื่อนย้าย

แม้ว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายจะใช้ส่งคนได้แค่ 100 คนและใช้งานได้แค่ระยะทาง 300 ไมล์ รวมถึงเป็นค่ายกลขนส่งทางเดียว แต่เพราะการวิจัยที่รุดหน้า เมื่อค่ายกลเคลื่อนย้ายถูกสร้างขึ้นมาสำเร็จ หลายกองกำลังจึงเริ่มสั่งซื้อมันโดยไม่สนว่าราคาจะสูงแค่ไหน

อันที่จริงหวังเย่ารู้ถึงบทบาทของแร่ไฟดี แม้ว่าแร่ไฟขั้นต้นจะไม่ควรนำไปประมูลแต่มันก็สามารถสร้างไฟได้ทั้งคืน นอกจากนี้พลังไฟยังแข็งแกร่งอย่างมาก ถึงอย่างนั้นมันก็ขายได้อย่างน้อย 10 เครดิตต่อก้อน

แต่เขาเข้าใจว่าเงินนั้นไม่ได้จำเป็นสำหรับเขามากนัก มันคงดีหากนำมาใช้เพื่อส่วนรวม

“เมืองตัดขวาง ? ที่นั่นมีสัตว์อสูรอยู่เป็นจำนวนมาก และเนื่องจากภูมิประเทศที่ซับซ้อนจึงทำให้มีคนร้ายหลบซ่อนอยู่ที่นั่นมากกว่าที่อื่น ๆ ” หวังเย่าส่ายหน้า ตอนนั้นเองที่เขารู้สึกว่าโลกนี้คงเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงแล้ว

หลังจากที่ค้นหาข่าวได้ไม่นาน หวังเย่าก็ปิดโน๊ตบุ๊คลง แต่ตอนนั้นเขากลับกดโหลดหน้าข่าวใหม่มาโดยไม่รู้ตัวและต้องพบกับข่าวใหญ่

“การประมูลครั้งใหญ่จะจัดขึ้นในวันที่ 10 เดือน 10 โดยหน่วยงานประมูลของเมืองทั้ง 36 เมืองจะส่งของประมูลมาที่เมืองใหญ่นั้นคือเมืองหัวเซี่ย เพื่อเข้าร่วมการประมูล”

เมื่อเห็นข่าวนี้ หวังเย่าก็รู้ได้ทันทีว่าจะต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น ไม่งั้นแล้วจะมีการจัดประมูลระดับชาติได้ยังไง ? สินค้าแต่ละเมืองนั้นพวกเขาก็สามารถหาซื้อได้ในเมืองนั้น ๆ ทำไมต้องเดินทางมาไกลเพื่อมาร่วมงานประมูลที่เมืองหัวเซี่ยด้วย ?

เขารู้สึกร้อนใจขึ้นมา เขาอยากหาคนที่รู้เรื่องนี้และถามว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่ครุ่นคิดได้ไม่นานเขาก็โทรหาเฉี่ยนเจินเฉียน

หลังจากที่รอได้ไม่นานเฉี่ยนเจินเฉียนก็รับโทรศัพท์ “หวังเย่า มีเรื่องอะไรกัน ?” นี่คือคำพูดแรกของเฉี่ยนเจินเฉียน

หวังเย่ารีบถามขึ้นมาทันที “ลุงเฉี่ยน เกิดอะไรขึ้นกับการประมูลกัน ? มันจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นงั้นหรือ ? ”

เฉี่ยนเจินเฉียนเงียบไปสักพักก่อนจะตอบกลับ “มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น แต่ข่าวนี้ถูกปิดเอาไว้ อย่าว่าแต่คนทั่วไปเลย แม้แต่เจ้าหน้าที่หลายคนก็ยังไม่รู้ นายอยากรู้งั้นหรือ ? ”

“ใช่ ผมอยากรู้ ผมรับปากว่าจะปิดเป็นความลับ” หวังเย่าใจสั่น สัญชาตญาณของเขาถูกต้อง

“ฉันบอกไม่ได้ แต่จะใบ้ให้นายฟังก็แล้วกัน” จากนั้นเสียงของเฉี่ยนเจินเฉียนก็เบาลง “ระดับโลก, สัตว์อสูร , ควบคุม”

หวังเย่าแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมาทันที

ระดับโลก —– หมายถึงมิตินอกระดับ 8-9 ดาว

สัตว์อสูร —– หมายถึงสัตว์อสูรที่อยู่ด้านในที่มีเลเวล 90 รึสูงกว่านั้น

ควบคุม —– พวกสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์มีพลังจิตที่สูง การควบคุมนี้น่าจะหมายถึงการควบคุมสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ

เมื่อนำทุกอย่างมาปะติดปะต่อกันก็จะถอดความได้ว่าสัตว์อสูรพวกนั้นมาจากมิติระดับสูง 8-9 ดาว ได้มายังโลก แล้วมาควบคุมสัตว์อสูรบกและสัตว์อสูรน้ำของโลก เหมือนกับที่สัตว์อสูรในทะเลได้โจมตีเมืองทั้งสามบนเกาะนั้นใช่ไหม ?

หวังเย่าหน้าซีด หากเป็นแบบนั้นจริง ๆ การประมูลครั้งนี้คงไม่ได้หมายความว่าประเทศหัวเซี่ยจะเกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้นรึไง ?

เดี๋ยวนะ แล้วหากมิติพังลงไปล่ะ ?

ทำไมสัตว์อสูรถึงได้เข้ามาในนี้และไม่ใช่แค่ตัวเดียวด้วย ? อย่างไรก็ตาม มนุษย์เองก็แข็งแกร่ง การที่มันกล้าโจมตีมนุษย์นั่นหมายความว่าพวกมันก็แข็งแกร่งพอตัว

“หวังเย่า นายมีธุระอะไรอีกไหม ? ” เฉี่ยนเจินเฉียนถามขึ้นมา

หวังเย่าได้สติกลับมาและตอบกลับ “ลุงเฉี่ยน ลุงมีมิติลับในครอบครองหรือเปล่า ? ”

“ดูนายพูดเข้าสิ ฉันเป็นถึงผู้ตรวจสอบ 4 ดาวจะไม่มีมิติลับได้ยังไง ฉันพอมีมิติลับที่เหมาะแก่การอาศัยอยู่สักสองสามแห่ง ทำไมหรือ ? ”

“ผมเพิ่งพาทหารไปที่มิติดวงจันทร์และได้ไข่สัตว์อสูรด้านในมา ผมอยากยืมมิติลับของลุงในการฟักและเลี้ยงพวกมัน”

หวังเย่าหัวเราะออกมา ผลกำไรในครั้งนี้ถือว่ามากมาย เขาต้องรีบฟักพวกมันออกมา ไม่งั้นแล้วคงยากที่จะไปจัดการกับเรื่องอื่นต่อ

ปล. ดินแดนทั้งหมดนี้แต่ก่อนเป็นประเทศ นั้นคือประเทศหัวเซี่ย แต่พอมีมิติต่าง ๆ ปรากฏขึ้นมา ประเทศก็แตกออกกลายเป็นเมืองต่าง ๆ อาทิเช่น เมืองอรุณ เมืองตัดขวาง และเมืองหลวงของประเทศจึงกลายมาเป็นเมืองหัวเซี่ย