เล่ม 1 ตอนที่ 195 เป็นกษัตริย์กลับไม่มีความเมตตา

ราชินีพลิกสวรรค์

“แผนการของเจ้า ปู่ไม่เคยเป็นกังวลเลย” ลู่วั่งชวนทั้งเอ็นดูทั้งปลื้มใจ 

 

 

เขาเดินมาข้างหน้า ยกมือขึ้นมาตบเบาๆ ที่ไหล่ของหลานชายคนโตสองที “เจี้ยเอ๋อร์ ปู่เสียลูกชายและลูกสะใภ้ไปแล้ว เพื่อตระกูลลู่ เพื่อปู่ หรือว่าเพื่อเด็กผู้หญิงคนนั้น เจ้าต้องรักษาสุขภาพของตัวเองให้ดี ปู่จะหาวิธีช่วยเจ้าแน่นอน!” 

 

 

“ขอบคุณมากขอรับท่านปู่ หลานทราบแล้วขอรับ” ลู่เจี้ยพยักหน้ามองต่ำ สีหน้ายังคงเย็นชา 

 

 

ลู่วั่งชวนจากไป เขารู้ว่าลู่เจี้ยรักสงบ ก็เลยไม่ค่อยมารบกวน หลายปีมานี้ เขาที่เป็นนายท่านแห่งตระกูลลู่ กล่าวคือกำลังบำเพ็ญเพื่อเข้าสู่ขั้นหลิงจง 

 

 

แต่ใครจะรู้ว่าเขาเป็นหลิงจงตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว หลายปีมานี้ก็ไม่ได้บำเพ็ญ แต่ว่าทัศนาจรอยู่ด้านนอก หาวิธีที่ดีมารักษาลู่เจี้ย 

 

 

ในที่สุดเขาก็มีหวัง ผู้มีฝีมือในการรักษาขั้นหลิงหวังอาจจะสามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตเขาได้! 

 

 

ถ้าหากครั้งนี้ไม่ใช่วิกฤตของตระกูลลู่ เขาจะไปหาหลิงหวังด้วยตัวเอง แต่ว่าทุกวันนี้ เขาไม่ได้รับจดหมายของหลานชาย ก็เลยจำเป็นต้องรีบกลับมาช่วยหลานชาย เรื่องของการตามหาคน ทำได้เพียงส่งต่อให้ผู้อาวุโสอีกสองท่านในตระกูล 

 

 

ในจวน เงียบลงอีกครั้ง 

 

 

ลู่เจี้ยหยิบหยกที่สวยงามออกมาจากเสื้อ หยกนี้ถูกแกะสลักอย่างงดงามมาก เขาใช้เนี่ยนลี่เป็นมีดเพื่อแกะสลักมันออกมา 

 

 

โอ้ย ลู่เจี้ยกำหยกไว้ในมือแน่น ทันใดนั้นก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บ 

 

 

พลังที่ทำร้ายร่างกายของเขานั้น เหมือนดังพายุอย่างไรอย่างนั้น กระทบกับร่างกายของเขา ถูกหยกในมือของเขาดูดไปหมด ขั้นตอนนี้เป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก 

 

 

ลู่เจี้ยอดทนเอาไว้อย่างแน่วแน่ ไม่ได้ส่งเสียงร้องอะไรออกมา เขาหลับตาหยี เหงื่อท่วมเต็มตัวไปหมด สีผิวซีดเซียวจนเป็นสีขาว กระดูกทั้งตัวมีเสียงสั่นดังออกมา 

 

 

ถ้าหากว่ามีคนอยู่ข้างๆ แล้วมีความใส่ใจพอ ก็จะเห็นผมขาวท่ามกลางผมดำของเขา นี่เป็นสภาวะการหมดไปของอายุขัยอย่างรวดเร็ว 

 

 

…… 

 

 

เจียงหลีตามลู่จ้านอยู่ มาถึงหน้าจวนที่ตั้งอยู่เดี่ยวๆ 

 

 

ยังไม่เข้าไป ก็ได้ยินเสียงการฝึกฝนทักษะการต่อสู้ดังมากจากด้านใน 

 

 

ลู่จ้านมองนาง แล้วก็ถอยออกมาลำพัง ภายใต้ความสงสัยของเจียงหลี ดันประตูแล้วเดินเข้าไป ก็เห็นร่างคนที่สูงใหญ่คนหนึ่ง 

 

 

“พี่ใหญ่!” เมื่อมองเห็นใบหน้านั้นชัดแล้ว เจียงหลีพูดด้วยความดีใจ 

 

 

 นั่นคือใบหน้าของเจียงเฮ่า ไม่ใช่ใบหน้าของจิ่งเยี่ยอีกแล้ว 

 

 

ทันทีที่ได้ยินเสียงของน้องสาว เจียงเฮ่าก็สงวนท่าที แล้วก็วิ่งมาหาน้องสาวด้วยความดีใจเช่นกัน “อาหลี! ในที่สุดเจ้ากลับมา!” 

 

 

“เจ้ามาอยู่นี่ได้อย่างไร” อารมณ์ของเจียงหลีในตอนนี้ยังเป็นอารมณ์ที่ทั้งดีใจและประหลาดใจ 

 

 

ตอนนี้นางเห็นเจียงเฮ่าเป็นพี่ชายแท้ๆ แล้ว 

 

 

หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของเจียงเฮ่า เจียงหลีถึงได้รู้ว่าตอนที่อยู่เป่ยฝาง ลู่เจี้ยหาเจียงเฮ่าเจอจริงๆ และรู้ว่าเขาปลอมเป็นเป็นจิ่งเยี่ยตั้งนานแล้ว รู้ว่าเจียงเฮ่าเป็นพี่ชายของนาง ดังนั้นจึงพาเขากลับมาที่ตระกูลลู่เมืองซูหนาน 

 

 

“เรื่องของตระกูลลู่ ข้ารู้แล้ว อาหลี เจ้ามีแผนอย่างไรบ้าง” 

 

 

สองพี่น้องต่างเล่าเรื่องที่ตัวได้เจอมา เจียงเฮ่าถามนางด้วยสีหน้าเคร่งขรึม 

 

 

เจียงหลียิ้มอย่างเย็นชา “ลู่เจี้ยหาหนทางให้ข้าแล้ว อยากให้ข้าและลู่เซวี่ยนไปจากโฮ่วจิ้น แล้วไปฝึกฝนต่อที่สถาบันไป๋หยวนเมืองซีเฉียน ข้าเดาว่าเขาดูออกว่าข้าจะยังไม่ไปจากตระกูลลู่ตอนนี้ ดังนั้นหลังจากที่เจอกันเมื่อกี้ ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้” 

 

 

“เจ้าวางแผนจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับตระกูลลู่รึ” เจียงเฮ่ารู้ความหมายในคำพูดของนาง 

 

 

เจียงหลีพยักหน้า ไม่มีความลังเลเลยสักนิด 

 

 

แววตาของเจียงเฮ่ามีความสับสนขึ้นมา เขามองนางนานมาก แม้แต่เจียงหลีก็ดูออกมาว่าเขามีอะไรในใจ ในขณะที่กำลังรอ ก็ต่างถามกันว่า “ช่างเถอะ ตระกูลลู่จะเอาชีวิตของฮ่องเต้สารเลวนั่น ข้าก็จะเอาชีวิตเขา ในเมื่อเจ้าตัดสินใจอยู่ที่นี่ต่อ ข้าก็อยู่ต่อด้วย ไปซั่งตูกับตระกูลลู่ด้วย เพื่อแก้แค้นให้กับตระกูลเจียง” 

 

 

“ตระกูลลู่ยกกำลังทหารมารึยัง” ข้อมูลที่เจียงเฮ่าเปิดเผยออกมา ทำให้เจียงหลีล้มเลิกที่จะถามเรื่องอะไรในใจไปชั่วขณะ 

 

 

เจียงเฮ่ายิ้มเล็กน้อย มองนางด้วยสายตาที่รักและเอ็นดู “ตามที่บอก เพียงแค่รอจังหวะอยู่” 

 

 

จังหวะ? 

 

 

เจียงหลีหรี่ตาทั้งสองข้าง เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ 

 

 

…… 

 

 

ในขณะเดียวกัน เหล่าเทียนเจียวที่ถูกกำหนดให้ตายในแผนการร้ายของลู่อ๋องที่ซั่งตู ทันใดนั้นก็ปรากฏตัวขึ้น 

 

 

เมื่อชาวเมืองซั่งตูเห็นเหล่าเทียนเจียวมากมายกลับมา แม้อยากจะปิดบังอาการแต่ก็ปิดบังไม่ได้ ล้วนแต่พากันตกใจไม่หยุด 

 

 

“ไหนบอกว่าพวกเขาตายหมดแล้วไม่ใช่รึ” 

 

 

“นั่นน่ะสิ! ไหนบอกว่าตายด้วยน้ำมือของลู่อ๋องและต้าฉินไปแล้ว” 

 

 

“เช่นนั้นแล้วตอนนี้นี่มันอะไรกัน หรือว่าวิญญาณกลับบ้านเกิดรึ” 

 

 

“ถุย! เจ้าเจอผีตอนกลางวันแสกๆ เนี่ยนะ!” 

 

 

“ถ้าหากว่าพวกเขายังไม่ตาย เช่นนั้นไปไหนมา” 

 

 

“ไม่ใช่สิ พวกเขาไปไหนมาไม่สำคัญ ที่สำคัญที่สุดคือบทลงโทษที่ลู่อ๋องทำผิดในพระราชโองการของฮ่องเต้คือ…” 

 

 

ประชาชนที่พูดต่อๆ กันมา ในตอนที่สังเกตเห็นความผิดปกติ ต่างพากันปิดปากเงียบสนิท 

 

 

เพียงแต่คงจะเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว เพราะว่าการที่เหล่าเทียนเจียวที่กลับมาทำให้เกิดเสียงดังสะท้าน ยังคงเปิดท้องฟ้าของยุคโฮ่วจิ้น 

 

 

ในพระราชวัง มู่เจิ้งเฟิงตกใจแล้วลุกขึ้น “อะไร เหล่าเทียนเจียวกลับมาแล้วรึ” 

 

 

“ใช่พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท พวกเขาเหมือนกับร่วงลงมาจากฟ้า ทันใดนั้นก็ปรากฏตัวที่ซั่งตู กระหม่อมอยากจะจัดการขัดขวางไว้ แต่ก็สายเกินไป” แม่ทัพจิ่วเฉิงของซั่งตู คุกเข่าลงกับพื้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล 

 

 

ตูม! 

 

 

ชั่วพริบตาเดียวร่างของมู่เจิ่งเฟิงก็ไปหล่นลงนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร เขามองท้องฟ้าที่แจ่มใสด้านนอก แววตาเคร่งขรึมน่ากลัว “ตระกูลลู่ พวกเจ้าต้องการจะสู้กับข้าจนถึงที่สุดจริงๆ รึ” 

 

 

เสียงที่เย็นชา ทำให้แม่ทัพจิ่วเฉิงก้มหัวลงต่ำเข้าไปอีก 

 

 

“ไปจับกุมพวกเทียนเจียวเหล่านี้โทษฐานเป็นกบฏ” ทันใดนั้นมู่เจิ้งเฟิงก็ออกคำสั่ง 

 

 

“หา?” แม่ทัพจิ่วเฉิงเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ มองฮ่องเต้ผู้สูงส่ง 

 

 

“ในซั่งตู มีคำพูดติฉินนินทาคำไหนที่ไม่เป็นผลดีกับราชวงศ์ ให้จับตัวผู้ที่พูดทันที แล้วประหารเสียตรงนั้น” มู่เจิ้งเฟิงออกคำสั่งที่โหดร้ายอีกครั้ง 

 

 

เกิดความกลัวขึ้นมาในใจแม่ทัพจิ่วเฉิง รู้สึกเหน็บหนาวในใจ แต่กลับทำได้เพียงรับคำสั่งแล้วถอยออกไป 

 

 

…… 

 

 

เทียนเจียวเพิ่งจะกลับมาถึงเมือง แต่กลับโดนจับตัวไป 

 

 

พอข่าวออกไป ซั่งตูเกิดสถานการณ์คับขัน ทุกคนต่างรู้สึกไม่ปลอดภัย 

 

 

เมื่อหรงจิ่งได้รับข่าวตอนอยู่ในจวน เพียงแต่สาดเหล้าที่อยู่ในแก้วใส่พื้น พูดอย่างมีนัยสำคัญว่า “เริ่มต้นแล้ว โฮ่วจิ้นใกล้ถึงจุดจบแล้ว” 

 

 

…… 

 

 

ที่พูดกันว่าผู้ที่ทำในสิ่งที่ถูกต้องย่อมได้รับการสนับสนุนและการช่วยเหลือจากรอบด้าน ผู้ที่ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องย่อมไม่มีใครช่วยเหลือและสนับสนุน 

 

 

ถึงแม้ราชสำนักจะปิดปากไม่ให้ประชาชนพูด อย่างไรก็ยังคงมีข่าวลือที่แพร่กระจายไปทั่วโฮ่วจิ้น 

 

 

ว่ากันว่าฮ่องเต้แห่งโฮ่วจิ้นหวาดกลัวเบื้องหลังของตระกูลลู่ คิดไม่ถึงว่าจะสมคบคิดกับประเทศศัตรู ฆ่าเทียนเจียวของประเทศตนเองมากมายเพื่อเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน ให้เป็นข้ออ้างในการฆ่าลู่อ๋อง 

 

 

เล่ากันว่าหลังจากลู่อ๋องได้รับโทษตามพระราชโองการ ไม่สะทกสะท้าน ไม่ถกไม่เถียง กลับเมืองอย่างไม่หวาดกลัวสิ่งใด เชื่อว่าฮ่องเต้จะคืนความบริสุทธิ์ให้กับเขา แต่สุดท้ายสิ่งที่ได้คือไม่มีการไต่สวน แต่กลับประหารเลย หลังจากเสียชีวิต ศพก็ถูกเหยียดหยามโดยการถูกนำไปตากแดด 

 

 

เล่ากันว่าในตอนที่เทียนเจียวที่ลู่อ๋องช่วยชีวิตไว้อย่างเต็มที่กลับมาด้วยความยากลำบากมากๆ ยังไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันกับครอบครัวเลยก็โดนจับไปแล้ว เพียงเพื่อจะปิดปาก ลบล้างความผิดของฮ่องเต้ 

 

 

เล่ากันว่า…… 

 

 

ข่าวลือมากมายของกษัตริย์ที่ไร้ซึ่งคุณธรรม ไร้ซึ่งความเมตตา แพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปทั่วทั้งผืนแผ่นดินโฮ่วจิ้นราวกับโรคระบาดอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

ตระกูลลู่ถูกใส่ร้าย! 

 

 

หลังจากผ่านไปเพียงสามวัน กองทัพเป่ยฝางที่ประจำการอยู่ตรงหน้าลู่อ๋อง ก่อนการปฏิวัติ บนธงประจำกองทัพกำกับไว้ว่า “กษัตริย์ไร้ความเมตตา ต้องถูกคนทั้งใต้หล้าประณาม”