อวิ๋นเจี่ยวและชายแก่ต่างผงะ หมายความว่าอย่างไร
“อะไรคือสร้างมาร”
“ปีศาจต่างจากมาร เทพและมนุษย์ วิธีการพัฒนาพลังของพวกเขาคือการกลืนกินเผ่าพันธุ์เดียวกัน” ตี๋ไฮ่สูดลมหายใจเข้า ก่อนจะอธิบาย “เนื่องจากโลกปีศาจถูกผนึก ปีศาจที่เล็ดรอดออกมาได้มีจำนวนน้อย อีกทั้งบางส่วนที่รอดออกมายังถูกผนึกไว้ในอื่นผนึกปีศาจ แต่อวี๋ซีไม่ได้อยากจะช่วยปีศาจเหล่านั้นออกมา เพียงแค่คิดจะกลืนกินปีศาจเหล่านั้น เพื่อพัฒนาพละกำลังของตนเอง ทำให้ตนเองกลายเป็นปีศาจที่แม้จริงเท่านั้น”
“นางทำสำเร็จ?” ชายแก่ถาม
“ไม่!” ตี๋ไฮ่ส่ายหัว “ตอนที่นางเปิดแท่นผนึกปีศาจออก อาจารย์ก็สัมผัสได้แล้ว ท่านออกมากำจัดเหล่าปีศาจทั้งหมดที่ถูกผนึกเอาไว้ อวี๋ซีจึงกลืนกินไปได้เพียงตัวสองตัวเท่านั้น”
“จากนั้นล่ะ?”
“จากนั้น…” สีหน้าของตี๋ไฮ่ดำทะมึนราวกับก้นหม้อ เขากัดฟันพูด
“จากนั้นนางก็ชอบอาจารย์เข้า! ยังบอกว่าจะเลิกเป็นปีศาจเพื่อท่าน อีกทั้งยังยอมทำลายวิญญาณปีศาจของตนเอง ขอแค่เพียงได้อยู่ข้างอาจารย์ นอกจากนี้ยังจะยกเลิกสัญญาแต่งงานกับข้า ข้าไม่ดีกับนางหรือ ข้าทำอะไรผิดต่อนสง ข้าไม่สนใจที่นางหลอกข้า ยอมรับบทลงโทษด้วยกันกับนาง แต่นางกลับรังเกียจว่าข้าหน้าตาอัปลักษณ์! ข้าอัปลักษณ์ตรงไหน?! พวกเจ้ารู้หรือไม่ หลังจากถูกอาจารย์ปฏิเสธ นางยังฉวยโอกาสลักพาตัวอาจารย์เข้าไปในถ้ำปีศาจ สามวันสามคืนไม่ได้ออกมา ช่าง…ช่าง…ช่างร้ายกาจ!”
ตี๋ไฮ่ยิ่งพูดยิ่งอารมณ์เสีย เหลือเพียงแค่ตำหนิอวี๋ซีเป็นหญิงทราม
อวิ๋นเจี่ยว: “…”
ชายแก่: “…”
จะว่าไป เขาไม่ได้แค้นที่อีกฝ่ายพังแท่นผนึกปีศาจ แต่แค้นที่นางไปรักคนอื่นมากกว่า! เขาก็แค่อกหักธรรมดาเท่านั้น! แต่ผ่านไปหมื่นปียังเดินออกมาไม่ได้ เขาได้รับผลกระทบมากแค่ไหนกัน!
“คือ…อาจารย์อาตี๋ ข้าขอถามท่านหน่อย ที่ท่านตามหาคนมานานเช่นนี้ ตกลงว่าเพื่ออาจารย์ปู่หรือว่าเพื่อคนรักของท่าน”
ตี๋ไฮ่ที่กำลังพูดอยู่นั้นชะงักงัน ก่อนจะพูดขึ้น “ข้าทำเพื่อสรรพสิ่งใต้หล้า! ปีศาจก็คือปีศาจ หากให้นางออกจากผนึก คงจะ…คงจะเป็นการทำร้ายผู้คน ข้า…ป้องกันเรื่องที่ยังไม่เกิด!”
“…” เอาเถอะ ถือว่าท่านมีเหตุผล! อย่าหน้าแดงได้หรือ
อวิ๋นเจียวและชายแก่สบตากัน ก่อนจะถอนหายใจออกมา “อาจารย์อาตี๋ ตอนนี้ท่านรู้แล้วว่านางอยู่หุบเขาเว่ยหยวน ต่อไปท่านจะทำอย่างไร”
ตี๋ไฮ่ผงะ สีหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้น เขาหลับตาลงสูดลมหายใจเข้าลีกๆ ก่อนจะพูด “ข้ารู้ว่าพวกเจ้ากังวลเรื่องอะไร วางใจเถอะ หากผนึกไม่พังทลาย ข้าจะเพิ่มความแข็งแกร่งของผนึก หากนางออกจากผนึก…ข้าจะจัดการนางเอง”
ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรอีก พวกเขาออกเดินทางไปยังหุบเขาเว่ยหยวน
หับเขาเว่ยหยวนที่อาจารย์ปู่พูดนั้นอยู่ในหุบเขาลึกบริเวณทางใต้ ด้านในมีสัตว์มีพิษจำนวนมากดังนั้นจึงไม่มีผู้คนผ่านไปมา
เนื่องจากการคมนาคมทที่สะดวกของเสวียนเหมิน วันนั้นตอนบ่ายพวกเขาก็มาถึงจุดหมายปลายทาง
อวิ๋นเจี่ยวยื่นมือออกไปสัมผัส ก่อนจะพยักหน้า “บริเวณใกล้เคียงมีร่องรอยการเคลื่อนไหวของข้ายพลัง เพียงแต่ไม่สามารถรู้ตำแหน่งที่แม่นยำได้”
ตี๋ไฮ่กระชับมือที่วางอยู่ข้างกายแน่น ก่อนจะเดินขี้นหน้าพินิจสักพัก จากนั้นท่องคาถาบางอย่าง
นาทีถัดมากลุ่มต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้าสั่นไหว ก่อนจะเผยลักษณะของหุบเขาออกมา
เขาเรียกดาบออกมาก่อนจะขี่ขึ้นไป “นี่คือภาพลวงตา คงจะเป็นบริเวณนี้ เข้าไปดูหน่อย”
อวิ๋นเจี่ยวและชายแก่หยิบยันต์ตัวเบาออกมา ก่อนจะบินตามไป พวกเธอพลางสัมผัสทิศทางของข่ายพลัง พลางมุ่งลงไปบังส่วนลึกของหุบเขาภายในหุบเขานี้มีต้นไม้หนาแน่น ราวกับไม่มีคนอาศัยเป็นเวลานาน ไม่มีแม้กระทั่งสถานที่ให้ยืน
แต่ที่น่าประหลาดคือ ยิ่งเข้าไปลึกมากเท่าใด บริเวณรอบข้างยิ่งกว้างขวางมากขึ้น วัชพืชน้อยลง อีกทั้งยังปรากฏเส้นทางคดเคี้ยวขนสดเล็ก ทั้งสามคนต่างรู้สึกประหลาดใจ ตามหลักแล้วหทกมีการขัดขวางจากภาพลวงตาด้านนอก สถานที่แห่งนี้ควรจะไม่มีคนเหยียบย่ำมากนานนับหมื่นปี อีกทั้งบริเวณใกล้เคียงไม่มีร่องรอยของสัตว์ร้าย อย่างนั้นทางเล็กนี้มาจากไหนกัน
ทั้งสามคนรู้สึกระแวงขึ้นมา พวกเขาลดตัวลงมาจากกลางอากาศ ก่อนจะเดอนมุ่งหน้าไปตามทางเล็กนั้น สิ่งที่น่าแปลกคือยิ่งพวกเขาเดินลึกเข้าไป การเคลื่อนไหวของข่ายพลังยิ่งเล็กลงจนแทบจะสลายหายไป ส่วนทางเดินตรงหน้ากลับชัดเจนมากขึ้น เดินมาไม่ถึงชั่วครู่ ทางเดินนั้นก็กว้างราวสามคนเดินแล้ว
ภายในใจของทั้งสามคนยิ่งฉงน พวกเขาเดินต่ออีกสักพัก บริเวณตรงหน้าสว่างไสวมากขึ้น ต้นไม้ที่หนาแน่นหายไป กลายเป็นพื้นดินราบเรียบ บนพื้นดินเรียบนั้นมีบ้านไม้หลังเล็กที่สวยงามอยู่หลังหนึ่ง รอบด้านของต้นไม้ล้อมรอบไปด้วยรั้ว ด้านบนเต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิด
ทางเดินใต้เท้าของพวกเขามุ่งหน้าไปยังบ้านไม้หลังนั้น ระหว่างทางยังมีดอกฉาฮวาสูงต่ำตลอดทาง เห็นได้ชัดว่ามีการจัดแต่งไว้อย่างตั้งใจ ทั้งสามคนต่างผงะ สงสัยว่าตนเองนั้นเดินผิดทาง แต่ทันใดนั้น พวกเขาได้ยินเสียงประตูไม้เปิดออก พร้อมกับเสียงหญิงสาวที่อ่อนโยนดังขึ้น
“ทำไมวิ่งออกไปอีกแล้ว บอกแล้วว่าไม่…” หญิงสาวหน้าตาสวยงามปรากฏอยู่หน้าประตู นางสวมขุดสีเขียว ลักษณะเหมือนอายุยี่สิบต้นๆ ผมยาวม้วนเป็นก้อนกลมอยู่ด้านหลัง หน้าตาอ่อนโยน
เดินผิดทางจริงด้วย อวิ๋นเจี่ยวและชายแก่กำลังจะพูดออกมา หากแต่ได้ยินเสียงของตี๋ไฮ่พูดแทรกขึ้น “เสี่ยวซี!”
เอ๊ะ?
(⊙_⊙)
อะไรกัน
ทันทีที่สิ้นเสียง เห็นเพียงหญิงสาวที่ผลักประตูออกมาหันหน้ากลับมามอง นางตกตะลึงอย่างมาก ดวงตาโต จากนั้นใบหน้าอ่อนโยนนั้นเผยความโกรธออกมา ราวกับมีไฟลุกโชนในทันที นางตะโกนออกมา “ตี๋ไฮ่! เจ้ายังกล้ามาที่นี่” พูดจบ นางก้มตัวลงหยิบบางอย่างขึ้นมา ก่อนจะขว้างมาทางนี้
อวิ๋นเจี่ยวและชายแก่หลบออกไปคนละด้านทันทีเมื่อเห็นสิ่งที่โยนมา แต่ตี๋ไฮ่ที่ยืนอยู่ด้านหน้ากลับยืนอยู่อย่างนั้น
เห็นเพียงแต่สิ่งที่อีกฝ่ายขว้างมานั้น ตกอยู่บนหน้าของเขาอย่างแม่นยำ พร้อมกับทิ้งร่องรอยที่ชัดเจนเอาไว้ ก่อนจะล่วงลงบนพื้น
พวกเขาก้มลงมองถึงได้พบว่าสิ่งนั้นคือรองเท้า ส่วนบนใบหน้าของตี๋ไฮ่มีรอยเท้าเพิ่มขึ้น!
อวิ๋นเจี่ยวและชายแก่ “…” นี่คือการโจมตีของปีศาจ?
หญิงสาวที่อยู่ในบ้านนั้นก้มลงถอดรองเท้าอีกข้าง ก่อนจะเดินเท้าเปล่ามาหาตี๋ไฮ่อย่างโกรธเคือง ก่อนจะยกรองเท้าขึ้นมา “เจ้าคนหลอกลวง เจ้ายังกล้ามาที่นี่? ตอนนั้นเจ้าบอกกับข้าอย่างไร ไม่ทิ้งข้า ต้องเป็นข้าเท่านั้น ล้วนเป็นเรื่องหลอกลวง! เจ้าคนชั่ว ข้าจะฆ่าเจ้า…”
ตี๋ไฮ่ยืนอยู่ที่เดิมอย่างนิ่ง เขาถูกหญิงสาวตบเข้าหลายที จนกระทั่งหน้าแดง ถึงจะดึงสติกลับมาได้ เขาจับมือของหญิงสาวเอาไว้ ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าตะลุง “เจ้าคือเสี่ยวซี! เป็นไปได้อย่างไร…พลังปีศาจของเจ้าล่ะ? เหตุใดข้าจึงสัมผัสพลังปีศาจในตัวเจ้าไม่ได้”
“พลังปีศาจอะไร” อวี๋ซีผงะ ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้ สีหน้าของนางยิ่งโกรธมากขึ้น “นี่คือข้ออ้างที่เจ้าทิ้งข้าหรือ ข้าจะบอกเจ้าตี๋ไฮ่ ไม่จำเป็น! แม้ข้าจะไม่ดีอย่างไร ข้าก็ไม่มีทางรั้งเจ้าไม่ปล่อย! ตั้งแต่นี้ต่อไป พวกเราทั้งสองขาดกัน!”
ตี๋ไฮ่: “…”
สองคน: “…”
เกิดอะไรขึ้น
ไหนบอกว่ากึ่งปีศาจไง
ทั้งสามคนฉงน อวี๋ซีเก็บลงเท้าขึ้นมาเตรียมตัวหันหลังเดินกลับบ้าน ตี๋ไฮ่ตกใจ เขาเอื้อมมือไปรั้งคนเอาไว้ “เสี่ยวซี…”
ในขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง มีเสียงเปิดประตูดังออกมาด้านในบ้านอีกครั้ง พร้อมกับเสียงเด็กส่งออกมา “ท่านแม่ เกิดอะไรขึ้น” เด็กวัยสี่ห้าขวบปรากฏขึ้นด้านหน้าประตู ท่าทางราวกับเพิ่งตื่นนอน อีกทั้งยังขยี้ตาไม่หยุด! เพียงแต่ใบหน้าเล็กนั้นคล้ายคลึงกับคนที่ยืนอยู่ด้านนอกอย่างมาก
คนที่กำลังถกเถียงกันหยุดชะงัก โดยเฉพาะตี๋ไฮ่ เขาเบิกตาโพลง มองไปยังเด็กที่ปรากฏอยูาหน้าประตูอย่างเหลือเชื่อ เด็กคนนี้เรียกนางว่าอะไร ท่านแม่? เขาเป็นลูกของ…
เขามองสลับระหว่างแม่ลูกทั้งสอง ความตกตะลึงบนใบหน้ายิ่งชัดเจน ราวกับลืมการพูดไปชั่วขณะ
“เด็กคนนี้…คงไม่…คงไม่…” เขาพูดติดขัดอยู่อย่างนั้น ก่อนจะเค้นออกมาได้ “คงไม่ใช่ของอาจารย์นะ?!”
อวิ๋นเจี่ยว: “…”
ชายแก่: “…”
อวี๋ซี: “..”
( ̄△ ̄;)
รู้สึกอยากมาไหว้เขาในวันนี้ของปีหน้า!