อวิ๋นเจี่ยวเข้าใจสาเหตุที่ตี๋ไฮ่รีบร้อนตามหาอาจารย์ปู่แล้ว โดยรวมแล้วคือเขาถูกคนรักเก่าหลอกลวง และคนรักเก่าของเขาถูกอาจารย์ปู่ผนึก ตอนนี้ถึงกำหนดเวลาที่จะออกจากผนึก ส่วนสถานที่ของผนึกมีเพียงอาจารย์ปู่เท่านั้นที่รู้ นอกจากนี้อีกฝ่ายราวกับมีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนกับอาจารย์ปู่ด้วย
อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกหงุดหงิดอย่างไร้สาเหตุ ไม่ใช่ว่านางไม่เชื่อใจอาจารย์ปู่ เพียงแต่เรื่องที่เขาถูกกึ่งปีศาจจับไปนั้นน่าเหลือเชื่ออย่างมาก อีกทั้งยังสามวันสามคืน
“ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น กึ่งปีศาจนั้นทำอะไร”
เยี่ยยวนผงะ ทันใดนั้นความน้อยใจในดวงตายิ่งเพิ่มพูน เขาไม่มีท่าทีอยากปิดบัง น้ำเสียงที่พูดนั้นยังคงเต็มไปด้วยอารมณ์ฟ้อง “นางขังข้าไว้ในถ้ำ”
อวิ๋นเจี่ยวปากกระตุก ก่อนที่ไฟโกรธจะปะทุขึ้นมา “…จาก นั้น ล่ะ”
(╰_╯)
“นางบอกว่าอยากคุยเรื่องชีวิต”
เปรี๊ยะ นางรู้สึกระหว่างหน้าผากมีบางอย่างระเบิดออก ก่อนที่จะผลักคนตรงหน้าออก “ดังนั้นท่านคุยกับนางสามวัน?”
เยี่ยยวนใจเต้นระรัว ก่อนจะส่ายหัว “ข้าเปล่า!” หากเขาตอบว่าใช่ ชีวิตในอนาคตของตนเองคงจะไม่ราบรื่นนัก เขาอธิบายอย่างจริงจัง “ตอนนั้นข้าตื่นขึ้นมา จากนั้นจึงผนึกนางเอาไว้”
“เดี๋ยว!” อวิ๋นเจี่ยวสงบลง “ตอนนั้นท่านหลับ?”
“อืม” เขาพยักหน้า พร้อมกับพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เดิมทีข้าคิดจะหลับ แต่ถูกนางปลุกให้ตื่นขึ้นมา”
“ดังนั้น…ท่านจึงอยู่ในถ้ำปีศาจถึงสามวัน?” หรือกึ่งปีศาจนั้นจะฉวยโอกาสตอนที่เขาหลับอยู่ สุดท้ายเป็นการปลุกให้เขาตื่นขึ้นมา?
“อืม” สายตาของเยี่ยยวนยิ่งเต็มไปด้วยความน้อยใจ ก่อนจะกอดอีกฝ่ายแน่น “กึ่งปีศาจนั้นบอกว่าอยากดู…จากนั้นก็ฉีกเสื้อผ้าของข้า ดึงมาถึงตรงนี้” พูดจบยังดึงปกเสื้อของตนเองออกราวสองนิ้ว
“…” แค่นี้ก็เรียกดึง? ท่านกำลังล้อเล่น!
“ข้าไม่ชอบผู้หญิง ดังนั้นจึงผนึกนางเอาไว้” เขายังคงฟ้องด้วยท่าทางจริงจัง จากนั้นเหมือนนึกบางอย่างขึ้นได้ ดวงตาของเขาลุกเป็นประกาย “แต่หากเป็นเจ้า หากศิษย์หลานอยากดูข้าไม่โกรธ เจ้า…อยากดูหรือไม่” พูดจบ ยังไม่รอนางตอบสนอง เขาดึงมือของนางขึ้นมาเข้าใกล้หน้าอกของตนเอง
อวิ๋นเจี่ยวตัวแข็งทื่อไปในทันที
กระทั่งมือของอีกฝ่ายพามือของนางเลื่อนต่ำลงไปเรื่อยๆ …นางถึงจะดึงสติกลับมาได้
เฮ้ย! นางกำลังทำอะไร?!
ไม่ใช่ อาจารย์ปู่กำลังทำอะไร?!
ไม่ใช่ พวกเขาทั้งสองกำลังทำอะไร?!
(゚Д゚≡゚Д゚)
นางเอื้อมมืออีกข้างออกไปจับมือของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ยับยั้งการกระทำของใครบางคนเอาไว้ “อาจารย์ปู่ หากท่านทำต่อข้า ข้าจะแจ้งความแล้ว!”
“อืม!” เยี่ยยวนผงะ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความฉงน ราวกับไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นไม่เหมาะสม เขาเอียงคอพูด “ไม่ชอบหรือ ข้าเห็นหญิงสาวคนอื่นเจอข้าล้วนอยากทำเช่นนี้ เหตุใดเจ้าจึงไม่ชอบ”
“หุบปาก อย่าพูด!” อย่าพูดเรื่องแบบนี้ด้วยสีหน้าจริงจัง!
“เหตุใด” เขาฉงนมากยิ่งขึ้น “หรือดึงน้อยไป? ข้า…”
“ไม่ได้!” อวิ๋นเจี่ยวไม่รู้เอาแรงมาจากไหน นางชักมือของตนเองกลับไป พร้อมกับดึงเสื้อบนหน้าอกของเขากลับเข้ามา
“ทำไม”
“ไม่มีเหตุผล!”
“ข้าต้องการเหตุผล”
“ไม่ ท่านไม่ต้องการ!”
“แต่ว่า…”
“ไม่ได้ก็คือไม่ได้! ใส่เสื้อผ้าให้ดี”
“เจี่ยวเจี่ยว”
“หากท่านเป็นเช่นนี้อีก ข้าจะตีท่านแล้ว!” นางเงยหน้าขึ้น
“…” เยี่ยยวนผงะ ทันใดนั้นบนใบหน้าของเขาแดงก่ำ คนทั้งคนราวกับมะเขือเทศที่ระเบิดออก
นาทีถัดมา อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกเพียงตาลาย คนที่อยู่ตรงหน้าก็หายวาบไปกับตา อีกทั้งยังก่อให้เกิดลมอ่อนๆ พัดพาเอาคนที่อยู่ที่เดิมฉงนใจ
อวิ๋นเจี่ยว “…”
ความเขินอายคืออะไร กว่าจะรู้ตัวก็วิ่งอ้อมโลกไปสามรอบแล้ว?
ทั้งที่เป็นคนที่สามารถลากคนอื่นทำเรื่องไม่ดี แต่ดันเขินอายกับเรื่องที่นางหอมเขา…อาจารย์ปู่เข้าใจอะไรผิดเกี่ยวกับความแตกต่างของชายหญิงหรือไม่
…
เจ้าสำนักสวีใช้เวลาสามวัน สุดท้ายต้องให้ชายแก่ไปช่วยถึงจะแงะตี๋ไฮ่ออกมาจากหลุมด้านนอกตำหนักของสำนักเทียนซือได้ เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้อาจารย์ปู่โกรธจริง เขาไม่ยั้งมือแม้แต่น้อย โชคดีที่ชายแก่มีประสบการณ์ในการแงะคน เขาใช้ยันต์สลายพลังหลายใบถึงจะช่วยคนขึ้นมาได้
ตี๋ไฮ่เองก็คุ้นชินกับเรื่องแบบนี้แล้ว เขาพักผ่อนไม่ถึงหนึ่งวัน ก็สามารถกลับมากระโดดโลดเต้นได้เหมือนเดิม อีกทั้งยังเตรียมตัวเดินทางไปหุบเขาเว่ยหยวน สถานที่ผนึกอวี๋ซี
อวิ๋นเจี่ยวครุ่นคิด เรื่องกึ่งปีศาจไม่ใช่เรื่องเล็ก หลังจากที่เผชิญหน้ากับปีศาจที่แท้จริงในยมโลก พวกนางคงไม่มีทางมีชีวิตรอดกลับมาหากไม่มีอาจารย์ปู่ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกัน นางตัดสินใจพกยันต์อัญเชิญเทพตามชายแก่และตี๋ไฮ่ไป หนึ่งคือพวกนางก็ถือว่ามีประสบการณ์ สองคือเรื่องการผนึกนางค่อนข้างเชี่ยวชาญ
แต่ตี๋ไฮ่ไม่ยินยอม กึ่งปีศาจอันตรายอย่างมาก พวกเขาทั้งสองเป็นคนธรรมดา หากต่อสู้กันขึ้นมา เขาไม่อาจดูแลคนทั้งสองได้
จนกระทั่งอวิ๋นเจี่ยวบอกว่าเรื่องนี้อาจารย์ปู่เป็นคนพูด เขาถึงได้ยินยอมอย่างขัดไม่ได้ ก่อนจะกำชับเรื่องที่ต้องระวังจำนวนมาก
อวิ๋นเจี่ยวถือโอกาสถามเรื่องอวี๋ซีนั้นกับเขา
ก่อนจะรู้ว่า ถึงแม้อวี๋ซีจะเป็นกึ่งปีศาจ แต่นางกลับมีพลังที่แข็งแกร่งกว่าปีศาจ โลกมนุษย์เมื่อหลายหมื่นปีก่อนไม่มีระเบียบเหมือนดั่งทุกวันนี้ เหล่ามารปีศาจบุกรุกโลกมนุษย์บ่อยครั้ง ในนั้นยังรวมไปถึงปีศาจใหญ่ มีบางตัวที่ไม่อาจกำจัดได้ด้วยพลังของพวกเขา ดังนั้นจึงมีการก่อตั้งแท่นผนึกมารบริเวณใกล้ชิงหยาง สำหรับผนึกปีศาจและมารที่มีพลังแข็งแกร่ง
ส่วนอวี๋ซีเข้าใกล้ตี๋ไฮ่ในตอนนั้นก็เพื่อแท่นผนึกปีศาจ นางเป็นลูกผสมระหว่างมนุษย์และปีศาจ หากไม่กระตุ้นพลังปีศาจ ภายนอกนางก็เป็นเพียงคนธรรมดา แม้แต่ตี๋ไฮ่และศิษย์พี่น้องล้วนดูไม่ออก จนกระทั่งนางทำลายแท่นผนึกปีศาจ ปลดปล่อยเหล่ามารและปีศาจออกมา พวกเขาถึงได้รู้ธาตุแท้ของนาง
“เหตุใดนางต้องทำเช่นนี้” อวิ๋นเจี่ยวถาม หากเป็นมารยังพอเข้าใจได้ เพราะมารจำนวนมากมักไร้เดียงสา หากมีญาติพี่น้องที่ถูกกักขัง ก็อาจมีความเป็นไปได้ที่จะช่วยเหลือออกมา แต่ปีศาจไร้ความรู้สึก
ตี๋ไฮ่กัดฟันกรอด สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “นางทำเพื่อสร้างปีศาจ!”