ตอนที่ 165 ตบหน้า
“ทว่าคนรุ่นหลังมิใช่เกอเอ๋อ แต่เป็นหลี่ซื่อผู้โง่เขลาคนนี้ ! อิงเฉิงรับเจ้าเข้าจวนถือเป็นหายนะของจวนโหว ! ”
คำกล่าวพวกนี้ไร้ความปรานี หลี่ซื่อจึงหน้าซีดร่างกายก็สั่นมิหยุด
ปากนางสั่นระริก ขณะอ้าปากกำลังกล่าวแก้ตัว ฮูหยินผู้เฒ่าก็มิเปิดโอกาสให้ได้กล่าวออกมา “หลี่ซื่อตั้งใจใส่ร้ายเกอเอ๋อ โชคดีที่นางเป็นเด็กฉลาดจึงทำให้แผนทำร้ายนางมิสำเร็จ แต่เจ้ามีใจคิดร้ายเยี่ยงนี้ แล้วข้าจักปล่อยไปโดยง่ายได้เยี่ยงไร”
ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวเสียงดังลั่น “เด็ก ๆ ตบปากนาง ข้าจักให้หลี่ซื่อหลาบจำและหากนางทำผิดซ้ำสองอีก ข้ามิมีทางมอบโทษสถานเบาให้นาง ! ”
เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าออกคำสั่ง สาวใช้และโมโม่ก็มิสนนักพรตจอมปลอมบนพื้นอีก เพราะแต่ละคนเข้ามาล้อมตัวหลี่ซื่อเอาไว้
ในเวลาปกติหลี่ซื่อดูสง่างาม ในบางครั้งก็พ่ายแพ้ต่ออันหลิงเกอ แต่นางก็เป็นผู้ดูแลจวนโหวแห่งนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าบ่าวก็ยังพอมีความน่าเกรงขามมากทีเดียว
แต่มิว่านางสง่างามหรือน่าเกรงขามมากแค่ไหน เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าออกคำสั่งลงโทษแล้ว นางก็ต้องยอมรับแต่โดยดี
อึดใจต่อมาโมโม่รูปร่างกำยำนางหนึ่งก็มายืนอยู่เบื้องหน้าหลี่ซื่อ ริมฝีปากคลี่ยิ้มแต่มันเป็นรอยยิ้มที่เย็นชา
นางยังมิได้เก็บรอยยิ้มมุมปาก มือข้างหนึ่งก็ง้างขึ้นสูงแล้วฟาดมาที่ใบหน้าหลี่ซื่ออย่างแรง
หลี่ซื่อโดนตบจนหน้าหัน ร่างกายเคลื่อนไหวไปตามแรงตบจนเกือบล้มลงกับพื้นก็ว่าได้
ความอับอายเช่นนั้นทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าและโมโม่ผู้นั้นยกยิ้มที่มุมปาก “ต้องขออภัยฮูหยินรองด้วย เนื่องจากฮูหยินผู้เฒ่าออกคำสั่ง ผู้น้อยจึงต้องทำตามคำสั่ง หากเป็นการดูหมิ่นท่าน ขออย่าเก็บมาใส่ใจเลยเจ้าค่ะ”
หลี่ซื่อยกมือกุมข้างแก้ม ดวงตาแดงก่ำแต่มิรู้ว่าเพราะโกรธหรืออับอายกันแน่
นางดูแลจวนโหวมาหลายสิบปีจนจวนโหวกลายเป็นโลกของนางไปแล้ว ทว่าเพราะอันหลิงเกอเข้ามาขวางอีเอ๋อทุกทาง และยังเตือนอีเอ๋อของนางบ่อยครั้งว่าเป็นแค่บุตรีอนุภรรยาชั้นต่ำ นางจึงอยากกำจัดอันหลิงเกอให้พ้นทาง แต่แล้วก็ต้องมาพ่ายแพ้เสียเอง
คราวก่อนฮูหยินผู้เฒ่าลงโทษโดยให้นางคุกเข่าที่โถงบรรพบุรุษก็ยังถือว่าไว้หน้านางอยู่บ้าง
แต่คราวนี้แม้แต่น้ำใจเล็กน้อยยังมิให้ มินึกถึงความทุ่มเทที่นางมีให้จวนโหวตลอดหลายปีที่ผ่านมา แถมยังสั่งให้คนใช้ตบปากนางต่อหน้าคนมากมายถึงเพียงนี้ นี่เป็นการฉีกหน้าแล้วใช้เท้าเหยียบนางซ้ำ !
ผ่านวันนี้ไปนางจักยังมีความน่าเกรงขามในสายตาบ่าวพวกนี้ได้อีกหรือ ?
ใบหน้าของหลี่ซื่อบูดเบี้ยวด้วยความเกลียดชัง แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท
ภายในใจของหลี่ซื่อได้แต่นึกแค้นฮูหยินผู้เฒ่าที่ช่วยอันหลิงเกอตลอดแล้วยังตบหน้านางอีก นางต้องทำให้หญิงชราหนังเหนียวเสียใจต่อการกระทำครั้งนี้แน่นอน !
เวลานี้ในอกของหลี่ซื่อร้อนรุ่มด้วยไฟแค้น แต่ในดวงตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
“เรื่องในวันนี้ข้าเป็นคนผิดเองเจ้าค่ะ ท่านแม่สั่งสอนข้าถูกต้องแล้ว ข้าจักจำใส่ใจเอาไว้และมิมีทางทำผิดซ้ำสองแน่นอนเจ้าค่ะ”
หลี่ซื่อกล่าวพร้อมก้มหน้าเช็ดน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้าเผยให้เห็นใบหน้าบวมแดงชัดเจน
ฮูหยินผู้เฒ่าหลับตา มิคิดมองหญิงชั่วผู้นี้แม้แต่น้อย นางเดินออกจากเรือนของอันหลิงเกอ
พอหลี่ซื่อเห็นเยี่ยงนั้นก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมพร้อมเดินตามฮูหยินผู้เฒ่ามาจนถึงหน้าเรือนชิงเฟิง “ข้ารู้สึกผิดแล้ว ท่านแม่ให้อภัยเถิดเจ้าค่ะ หากท่านมิให้อภัย ข้าจักคุกเข่าอยู่ที่หน้าเรือนมิลุกไปไหน รอท่านอภัยแล้ว ข้าถึงจักลุกขึ้นเจ้าค่ะ”
หลี่ซื่อคุกเข่าและทำท่าราวกับตั้งใจคุกเข่าเป็นเวลานานจริง ๆ
ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกรำคาญใจ คิ้วทั้งสองข้างขมวดมุ่น “หลี่ซื่อได้รับความเชื่อใจจากอิงเฉิงในฐานะอนุภรรยาคนหนึ่ง ได้ดูแลจวนโหวแห่งนี้ ข้าก็มิคิดเข้าไปยุ่งเกี่ยว ทว่าต่อหน้าเจ้าทำตัวดีมีเมตตา แต่ในใจคิดกำจัดเกอเอ๋อ คิดหาวิธีทำร้ายนาง ดังนั้นข้ามิปล่อยเจ้าไปโดยง่ายหรอก”
ฮูหยินผู้เฒ่ากวาดสายตามองหลี่ซื่อครู่หนึ่ง แววตาเต็มไปด้วยความรังเกียจและดูถูก “เจ้าอยากคุกเข่าอยู่ที่นี่ก็ทำไปเถิด เจียวโมโม่จงดูนางเอาไว้ หากผู้ใดมาเห็นหลี่ซื่อคุกเข่าอยู่ตรงนี้ เจ้าก็บอกคนผู้นั้นไปว่าเหตุใดนางถึงต้องคุกเข่า”
“ฮูหยินผู้เฒ่าวางใจได้เจ้าค่ะ บ่าวจักจับตามองฮูหยินรองอย่างดี” ใบหน้าขาวอวบของเจียวโมโม่เปื้อนด้วยรอยยิ้มพร้อมพยักหน้าตอบรับฮูหยินผู้เฒ่าอย่างจริงจัง
เดิมทีหลี่ซื่อคิดใช้การคุกเข่าเพื่อบีบให้ฮูหยินผู้เฒ่ายุติเรื่องในวันนี้
นางวางแผนเป็นอย่างดีคือหากคุกเข่าอยู่หน้าเรือนชิงเฟิง เวลาผู้อื่นมาเห็นก็จักเข้าใจผิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าใจแคบปล่อยผู้เยาว์กว่าไปมิได้ หลังจากนั้นฮูหยินผู้เฒ่าก็ต้องสนใจชื่อเสียงจนทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องเล็ก
คาดมิถึงว่าเรื่องนี้จักทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธยิ่งกว่าและตัดสินใจลงโทษนางจริง ๆ
ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งให้เจียวโมโม่เฝ้าหลี่ซื่อไว้เพราะกลัวหลี่ซื่อแอบเกียจคร้าน หลี่ซื่อบอกว่าจักคุกเข่าอยู่ตรงนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าจึงให้เฝ้าเพื่อดูว่าอีกฝ่ายใจกล้าได้เยี่ยงที่กล่าวหรือไม่ อีกด้านหนึ่งถ้ามีคนมาเห็นหลี่ซื่อคุกเข่าอยู่ที่หน้าเรือน เจียวโมโม่ก็จักเล่าต้นสายปลายเหตุอย่างชัดเจนจนมิต้องกลัวว่าจักมีคนเข้าใจผิด
อันหลิงเกอที่ตามมาด้วยก็รู้สึกชื่นชมฮูหยินผู้เฒ่า เวลาสู้กับอสรพิษหลี่ซื่อต้องทำให้หมดหนทางจนกล่าวอันใดมิออกเยี่ยงนี้
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าให้เจียวโมโม่ หลังจากนั้นก็เผยใบหน้าเหนื่อยล้าออกมา
“เจียวโมโม่ เจ้าอยู่ดูหลี่ซื่อที่นี่ ส่วนคนอื่นก็แยกย้ายได้”
เดิมทีนางออกจากเรือนเพราะนกกระเรียนมงกุฎแดง แต่หลังจากวุ่นวายพักใหญ่ ท้ายที่สุดกลับกลายเป็นเรื่องตลกฉากหนึ่ง
นางอายุมิใช่น้อยแล้ว ภายในวันเดียวต้องเจอเรื่องดีใจ เสียใจ กังวลและโกรธติด ๆ กันเยี่ยงนี้จึงทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมาก
เว่ยซื่อที่คอยดูแลข้างกายมาพักหนึ่งจนฮูหยินผู้เฒ่าไว้วางใจให้เรียกท่านแม่ เมื่อเห็นท่าทีของฮูหยินผู้เฒ่าก็รู้ทันทีว่าจิตใจของอีกฝ่ายกำลังย่ำแย่
พอตามฮูหยินผู้เฒ่ากลับเข้าเรือนชิงเฟิง นางก็เริ่มชงชาด้วยความระมัดระวัง หลังจากนั้นก็ยกไปให้ฮูหยินผู้เฒ่า
“ท่านแม่เจ้าคะ ท่านเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว มาลองจิบชาที่ข้าเพิ่งคิดค้นขึ้นมาใหม่ดีหรือไม่ ? ชานี้ผสมดอกบัวและดอกโบตั๋นเข้าด้วยกัน ช่วยขจัดความเหนื่อยล้าได้ดีทีเดียวเจ้าค่ะ”
เว่ยซื่อกล่าวพร้อมคลี่ยิ้มออกมา เมื่อได้ฟังก็ทำให้ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าดูผ่อนคลายขึ้นมากแต่ก็ยังดูเหนื่อยล้าอยู่ดี “ถ้าตอนนั้นข้ามิได้พาลูกรองกับลูกสามกลับเรือนบรรพบุรุษ ในจวนก็คงมิเกิดเหตุการณ์เยี่ยงนี้ขึ้น”
หากตอนนั้นนางอยู่ในจวนโหว เมื่อฮูหยินใหญ่อันเสียชีวิต นางคงหาภริยาเอกคนใหม่ให้อันอิงเฉิงทันที หรือแม้ฮูหยินใหญ่คนใหม่มีฐานะต่ำกว่าหน่อยก็มิมีทางเป็นนายหญิงที่ชอบสร้างแต่ปัญหาเยี่ยงหลี่ซื่อ และการให้หลี่ซื่อเป็นผู้ดูแลจวนโหวเยี่ยงนี้ก็ถือว่าเสียหน้าจวนโหวอย่างแท้จริง !
หลี่ซื่อทำให้จวนโหวเต็มไปด้วยความวุ่นวายและมีน้องสาวอยู่ในตำแหน่งกุ้ยเฟยอีก ทำให้นางมิอาจลงโทษสถานหนักกับหลี่ซื่อได้ ช่างเป็นความโชคร้ายของจวนโหว !
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด ถ้ามิได้เป็นเพราะเห็นแก่ฐานะของหลี่กุ้ยเฟย ตัวหลี่ซื่อเองจักต้องโดนนางไล่ออกจากจวนโหวไปนานแล้ว ต้องไปใช้ชีวิตที่เหลือในชนบทอย่างแน่นอน