ฮ่อหยุนเฉิงก้าวขายาวขึ้นเฮลิคอปเตอร์
เครื่องบินบินโฉบอยู่ที่ระดับความสูงต่ำ ฮ่อหยุนเฉิงมองลงไปด้วยกล้องส่องทางไกล ในสายตามีแต่พื้นที่สีขาว
มีแต่หิมะอยู่ทุกหนทุกแห่ง หิมะสีขาวก็ปกคลุมทุกสิ่งจนเขามองไม่เห็นอะไรเลย
“บินให้ช้าลงหน่อย” ฮ่อหยุนเฉิงสั่งอย่างเย็นชา เขาจะพลาดเบาะแสอะไรไม่ได้ทั้งนั้น!
เฮลิคอปเตอร์หมุนวนไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า และสิ่งที่เขาเห็นนั้นมีแต่หิมะสีขาว นอกจากหิมะแล้วก็ยังมีแต่หิมะ
“พี่เฉิง เราค้นหาตั้งหลายรอบแล้ว แต่เหมือนเราจะไม่เจออะไรเลยนะ” ถังรั่วอิงที่นั่งข้างฮ่อหยุนเฉิงแสร้งทำเป็นถือกล้องส่องทางไหลเพื่อค้นหาร่องรอยของซูฉิง
ถังรั่วอิงแอบดีใจ ทุกอย่างบนภูเขาถูกปกคลุมด้วยหิมะหนาทึบ มองไม่เห็นแม้แต่สัตว์ตัวเล็กตัวน้อย นับประสากับคนที่ตัวใหญ่อย่างซูฉิง
ซูฉิงต้องถูกหิมะฝังแน่!
“ตามหาต่อไป!” เสียงที่เย็นชาและเข้มงวดของฮ่อหยุนเฉิงดังขึ้น
จะหาไม่เจอได้ยังไง!
ซูฉิงต้องอยู่แน่ เธอต้องรอให้เขาช่วยอยู่ตรงไหนสักแห่งแน่นอน!
เมื่อเห็นเวลาผ่านไปทุกนาที แต่กลับไม่เจออะไร คิ้วของฮ่อหยุนเฉิงก็ขมวดจนเป็นปม
แบบนี้ไม่ดีแน่ หาอะไรไม่เจอเลย มีแต่เสียเวลาเปล่าๆ
บางทีอยู่บนฟ้าอาจจะมองไม่ได้ชัด ถึงได้มองไม่เห็นร่องรอยของซูฉิง
หากเข้าไปค้นหาในภูเขา ไม่แน่อาจพบเบาะแสอะไรก็ได้
“หลินเหยียนเหิง เอาร่มชูชีพมา” ฮ่อหยุนเฉิงกล่าวด้วยท่าทีไร้อารมณ์
หลินเหยียนเฟิงตกใจ “ท่านประธาน…”
หัวใจของถังรั่วอิงเต้นผิดจังหวะไป เธอรีบพูดขัดจังหวะหลินเหยียนเฟิงและถามว่า “พี่เฉิงจะเอาร่มชูชีพไปทำไมน่ะ?”
“ฉันจะลงไปหาซูฉิง” ดวงตาของฮ่อหยุนเฉิงหรี่ลงเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงมั่นคง
“ไม่ได้ มันอันตรายเกินไป!” ดวงตาของถังรั่วอิงฉายแววความกังวล เธอเอื้อมมือออกไปจับมืออีกคนไว้แน่น “พี่เฉิงอย่าไปเลยนะ”
“ฉันต้องไป” ฮ่อหยุนเฉิงพูดอย่างเฉยเมย
“ถังถัง ฉันรู้ว่าเธอเป็นห่วงฉัน แต่ไม่มีใครเปลี่ยนสิ่งที่ฉันตัดสินใจไปแล้วได้” ฮ่อหยุนเฉิงดันอีกคนออกไปด้วยท่าทางเคร่งขรึม
เมื่อเห็นว่าดวงตาของถังรั่วอิงหรี่ลง ฮ่อหยุนเฉิงจึงกล่าวเสริม “ไม่ต้องหัวนะถังถัง ฉันสัญญาว่าจะไม่เป็นอะไร”
“ประธานฮ่อ คุณจะโดดร่มลงไปหาซูฉิงจริงเหรอคะ?” เมื่อเห็นการกระทำอันรวดเร็วของฮ่อหยุนเฉิงในการปลดร่มชูชีพ ยวี๋น่าก็เอ่ยถามอย่างใจสั่น
“ใช่” ฮ่อหยุนเฉิงตอบโดยไม่ลังเล
“ฉันจะไปกับคุณด้วยค่ะ” ยวี๋น่าก้าวไปข้างหน้าและพูดกับหลินเหยียนเฟิง “ผู้ช่วยหลินหยิบร่มชูชีพให้ฉันด้วยค่ะ”
“นี่…” หลินเหยียนเฟิงเหลือบมองฮ่อหยุนเฉิงอย่างลังเล
ฮ่อหยุนเฉิงขมวดคิ้ว “มันอันตรายมากนะครับคุณยวี๋”
“ฉันไม่กลัวอันตราย ตราบใดที่ฉันสามารถหาซูฉิงเจอ” ยวี๋น่ามองอย่างหนักแน่น “ประธานฮ่อ ฉันเองก็กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของซูฉิงเช่นเดียวกับคุณ คุณน่าจะเข้าใจความรู้สึกของฉันนะคะ”
ฮ่อหยุนเฉิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
ยวี๋น่าเป็นใครกัน?
เธอเป็นผู้รับผิดชอบลีโอสตูดิโอที่มีชื่อเสียง
ทำไมเธอถึงเป็นห่วงซูฉิงมากขนาดนี้?
ไม่ต้องสงสัยเลย ยวี๋น่าและซูฉิงมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด แต่ยวี๋น่ายอมเสี่ยงอันตรายเพื่อซูฉิง มิตรภาพนี้ไม่ได้ธรรมดาแน่
ซูฉิง…มีอะไรอีกที่เขายังไม่รู้?
นี่ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้ ฮ่อหยุนเฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็ระวังตัวด้วยนะครับ”
เมื่อมองไปที่หลินเหยียนเหิงอีกครั้ง เขากล่าวว่า “เอาร่มชูชีพไปให้คุณยวี๋ด้วย”
“ครับท่านประธาน” หลินเหยียนเฟิงตกลงทันที
ถังรั่วอิงมองลงไปที่หน้าต่าง “พี่เฉิงจะกระโดดร่มจริงๆเหรอ?”
“ใช่” ท่าทีของฮ่อหยุนเฉิงนิ่งขึ้น
ในขณะนั้นเองที่ลมเริ่มอ่อนลง และพายุหิมะก็มีแนวโน้มที่จะหยุด
หลินเหยียนเฟิงส่งร่มชูชีพให้ยวี๋น่า และพูดกับฮ่อหยุนเฉิงว่า “ท่านประธานครับ พายุหิมะกำลังจะหยุดแล้วครับ
ถึงตอนนั้นเราสามารถลงจอดได้เลย อีกทั้งถ้าพายุหิมะหยุด ทีมกู้ภัยและคนที่เราพามาก็สามารถเข้าไปในป่าเพื่อทำการค้นหาได้โดยตรง”
“ฉันจะลงไปก่อน พวกนายรอพายุหิมะหยุดแล้วค่อยตามมา!” ฮ่อหยุนเฉิงอดใจรอไม่ไหวแล้ว
เขาต้องลงไปทันที ซูฉิงรอไม่ไหวแล้ว!
ถ้าเขาลงไปหาซูฉิงเร็ว ซูฉิงก็จะมีโอกาสรอดมากขึ้น
สิ้นเสียง ฮ่อหยุนเฉิงก็หันหลังและกระโดดออกจากห้องโดยสารก่อนจะกางร่มชูชีพ
ยวี๋น่ากระโดดตามฮ่อหยุนเฉิงไป
“พี่เฉิง พี่ต้องระวังตัวด้วยนะ!” ถังรั่วอิงจับมือแน่นและตะโกน
เธอมองไปที่ด้านหลังของฮ่อหยุนเฉิงที่กระโดดลงไปอย่างแน่งแน่ หัวใจของเธอก็ดิ่งลงทีละน้อย
ซูฉิงสำคัญกับฮ่อหยุนเฉิงขนาดไหนกันแน่?
ฮ่อหยุนเฉิงยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเธอและเข้าไปในป่าบนภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยพายุหิมะเพียงลำพังเพื่อค้นหา
เธออยากจะตามไป แต่ก็ไม่มีความกล้าที่จะกระโดดจากที่สูงขนาดนั้น…
…
ในถ้ำ
ซูฉิงนั่งบนก้อนหินขนาดใหญ่ ทั้งหิวทั้งกระหายน้ำ
เมื่อมองลงไปที่โทรศัพท์ เธอติดอยู่ที่นี่เป็นเวลา 36 ชั่วโมงแล้ว
ซูฉิงพยายามโทรหายวี๋น่า แต่ตามที่คาดไว้นั้นไม่มีสัญญาณเลย
สร้อยคอที่ปู่ของเธอมอบให้เธอเพื่อขอความช่วยเหลือก็ตกลงไปในทะเลตอนที่เครื่องบินตก
ไม่อย่างนั้นเธอคงใช้สร้อยคอเพื่อขอความช่วยเหลือจากคุณปู่ได้
แต่ตอนนี้ เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากรออยู่ในถ้ำมืด
ซูฉิงกังวลเล็กน้อยว่ายวี๋น่าจะเห็นสัญญาณขอความช่วยเหลือที่เธอทิ้งไว้หรือเปล่า
พายุหิมะหนักแบบนี้ หากผ้าพันคอสีแดงปลิวไปตามพายุหิมะตก คงซวยแน่
ถ้าไม่มีใครสังเกตเห็นสัญญาณขอความช่วยเหลือที่เธอทิ้งเอาไว้…
ซูฉิงขยี้หัวคิ้วก่อนจะหยิบถุงบิสกิตออกมาจากกระเป๋าเป้แล้วกินไปสองสามชิ้น
อาหารเหลือไม่มากแล้ว คงยื้อไว้ไม่ได้หลายวันนัก
ถ้าไม่มีใครมาช่วยเธออีก…เกรงว่าเธอคงต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่
ซูฉิงตัดสินใจที่จะไม่นั่งนิ่งๆ หลังจากกินบิสกิตเพื่อเติมพลังงานแล้วเธอก็เดินไปที่ทางเข้าถ้ำ
หิมะตกหนักจนปิดทางเข้าถ้ำ
ซูฉิงผลักออกอย่างแรง แต่ก็ไร้ผล!
ที่อุณหภูมิต่ำแบบนี้ หิมะได้ควบแน่นเป็นน้ำแข็งแล้ว เธอจึงไม่สามารถไปไหนได้
ซูฉิงยิ้มอย่างขมขื่น
หิมะหนาขนาดนี้ ถ้าจะรอให้ละลาย คงต้องรอฤดูใบไม้ผลิปีหน้าแล้วล่ะ
ตอนนั้นเธอคงยืนหยัดต่อไปไม่ไหว
เมื่อนึกถึง หัวใจของซูฉิงก็หนักอึ้ง เธอทำได้เพียงกลับไปที่ถ้ำและมองไปรอบๆ อีกครั้ง โดยหวังว่าจะพบทางออกอื่น
น่าเสียดายที่ซูฉิงค้นหาถ้ำแล้วก็ไม่พบทางออกอื่น
ตอนนี้เธอทำได้แค่รอ…
หวังว่ายวี๋น่าจะเห็นสัญญาณขอความช่วยเหลือที่เธอทิ้งไว้อย่างเร็วที่สุด
ถ้ายังไม่ถึงวินาทีสุดท้าย เธอก็จะไม่มีวันยอมแพ้
ใบหน้าหล่อเหลาของฮ่อหยุนเฉิงปรากฏขึ้นในหัวอีกครั้งอย่างลึกลับ
“ซูฉิง ไม่ต้องห่วง ฉันจะปกป้องเธอเอง”
“ซูฉิง มีฉันอยู่ทั้งคน เธอจะไม่มีวันเป็นอะไรแน่”
…
คำพูดที่เขาเคยพูดกับเธอนั้นยังคงติดอยู่ในหัวไม่ออกไปไหน
เธอหลับตาลง
ในใจหนักอึ้งและเจ็บปวด
ฮ่อหยุนเฉิง ตอนนี้ฉันตกอยู่ในอันตรายแล้ว นายรู้หรือเปล่า?
นายอยู่ที่ไหน?
นายจะยังปกป้องฉันอยู่ไหม?