ตอนที่ 257

เสน่ห์คมดาบ

“ข้าขอโทษคุณหนูอ้าวชวางด้วย การแสดงออกของข้าไม่ถูกต้อง ถ้าทำให้เจ้าไม่สบายใจ ข้าก็ขอโทษด้วย เราเลือกเส้นทางนี้ด้วยตัวเอง เราจะไม่เสียใจกับมัน และเราไม่ได้ตั้งใจที่จะตำหนิเจ้า ในทางตรงกันข้าม เราขอขอบคุณเจ้าด้วยซ้ำ ขอบคุณที่ชี้ทางให้เราเห็นแบบนี้” ชาร์ลอตต์อธิบายทันทีเมื่อเห็นชีอ้าวชวางอารมณ์เสีย 

 

 

เหอะๆ คนๆ นี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ชีอ้าวชวางยิ้มเล็กน้อยและส่ายหัวเบาๆ และไม่สนใจเรื่องนี้อีกต่อไป 

 

 

มาริลินมองกลุ่มคนที่ได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มอย่างมากแล้วระงับความตื่นเต้นในใจไว้ พร้อมหันไปมองชีอ้าวชวางและพูดเบาๆ “ถ้าเช่นนั้น คุณหนูอ้าวชวาง เราควรทำอย่างไรกันต่อไปล่ะ?” น้ำเสียงของนางดูมีความเคารพและความซาบซึ้ง ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้ นางคงจะถูกจับกลับไปที่สถานดูแลแล้ว จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะมีโอกาสพลิกสถานการณ์? 

 

 

“เดิมทีหลังจากที่พวกเพรสไบทีเรียนจับเจ้าไปแล้วจะทำอะไร?” ชีอ้าวชวางถามเรียบๆ 

 

 

“ฟังคำตัดสิน หลังจากถูกตัดสินก็จะถูกคุมขัง จากนั้นก็จะเลือกเทพีแห่งแสงคนใหม่และจัดพิธีแต่งตั้ง” ดวงตาของมาริลินเป็นประกายด้วยความลึกล้ำที่มองไม่เห็น 

 

 

“โอ้ เช่นนั้นเร็วๆ นี้เทพีแห่งแสงคนต่อไปก็ถูกเลือกแล้วสิ?” ชีอ้าวชวางถามอย่างติดตลกและก็ได้เห็นความลึกล้ำที่วาบผ่านดวงตาของมาริลิน 

 

 

“ใช่” มาริลินกัดฟันและพูดช้าๆ “เทพีแห่งแสงองค์ต่อไปเกี่ยวข้องกับพวกเพรสไบทีเรียนหลายคน ดังนั้นพวกเขาจึงสนับสนุนนางอย่างเปิดเผย และนางก็เปิดเผยตัวเองต่อสาธารณะแล้วว่าเป็นเทพีแห่งแสงทั้งที่ยังไม่มีพิธีใดๆ เลย” 

 

 

ชีอ้าวชวางยิ้มเยาะอย่างดูถูก ไม่แปลกใจที่มาริลินจะมีความไม่สมดุลทางจิตใจ อีกฝ่ายมีแรงผลักดันอยู่เบื้องหลังและได้เรียกตัวเองอย่างเปิดเผยว่าเทพีแห่งแสงก่อนที่ตัวนางจะถูกปลดออกจากตำแหน่งเสียอีก นี่เป็นสิ่งที่ทำให้อึดอัดจริงๆ 

 

 

“จะแยกตัวตนเทพีแห่งแสงของเจ้าได้อย่างไร?” จู่ๆ ชีอ้าวชวางก็นึกถึงคำถามสำคัญ เหตุใดพวกเพรสไบทีเรียนจึงทำทุกวิถีทางเพื่อจับมาริลิน ตามความแข็งแกร่งและศักดิ์ศรีของพวกเขา พวกเขาเพิกเฉยต่อสถานการณ์นี้ได้ด้วยซ้ำ เริ่มที่ให้คนภายในของพวกเขาได้รับตำแหน่งเทพีแห่งแสง แล้วค่อยมาจัดการมาริลิน ดูจากสิ่งนี้ เทพีแห่งแสงน่าจะมีตราอะไรบางอย่างที่เหมือนกันตราของจักรพรรดิจีนโบราณ ดังนั้นพวกเพรสไบทีเรียนจึงต้องมาจับตัวของมาริลินเพื่อเอาตรานั้นก่อนแล้วจึงจะแต่งตั้งคนภายในที่พวกเขาเลือกให้ขึ้นรับตำแหน่งเทพีแห่งแสงได้อย่างราบรื่น 

 

 

“มันคือสิ่งนี้” มาริลินทำสัญญาณมือที่หน้าผากของนางแล้วคริสตัลเจ็ดสีเล็กๆ ก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นที่หน้าผากของนาง 

 

 

ชีอ้าวชวางมองมันอย่างสงบ คริสตัลเจ็ดสีเล็กๆ นั้นฝังอยู่บนหน้าผากของมาริลินราวกับว่ามันเกิดขึ้นอยู่แล้วตามธรรมชาติ 

 

 

“นี่คือสัญลักษณ์ของสถานะเทพีแห่งแสง พวกเขาต้องการเรียกคืนสิ่งนี้ หากไม่มีสิ่งนี้พวกเขาก็จัดพิธีไม่ได้ เพราะสิ่งนี้เป็นสมบัติที่ดูดซับพลังแห่งศรัทธา” มาริลินไม่ได้ปกปิดมันไว้ นางเป็นคนฉลาด และนางรู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าไม่ได้โง่ ในเมื่อจะทำงานร่วมกันก็ต้องแสดงน้ำใจ อีกทั้งของสิ่งนี้แม้ว่าชีอ้าวชวางจะเอาไปได้ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะมันจะดูดซับพลังความศรัทธาแห่งแสง 

 

 

ชีอ้าวชวางพยักหน้าเข้าใจ แบบนี้แสดงว่าแม้ว่าตนเองจะไม่ไปหาคนของเพรสไบทีเรียน คนจากเพรสไบทีเรียนก็จะมาหามาริลินและพวกเขาเอง! 

 

 

พอเห็นชีอ้าวชวางพยักหน้า มาริลินก็ผ่อนคลายและซ่อนคริสตัลเจ็ดสีไว้ที่หน้าผากอีกครั้ง ในความคิดของนาง หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าดูเหมือนจะคิดวิธีได้แล้ว 

 

 

“พวกเพรสไบทีเรียนกำลังไล่ล่าเจ้าอยู่อย่างลับๆ ใช่หรือไม่? ผู้คนในโลกเทพเจ้าทั้งหมดยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเจ้าใช่หรือไม่?” ชีอ้าวชวางถามอย่างสบายๆ 

 

 

มาริลินอึ้งและพยักหน้า “ใช่ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีนัก เพรสไบทีเรียนจะไม่ประกาศเรื่องนี้ต่อสาธารณะ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าจึงเดินไปในสถานที่เหล่านี้ได้อย่างปลอดภัย” 

 

 

“เช่นนั้นก็ดีเลย” ปากของชีอ้าวชวางเกิดรอยยิ้มที่แปลกประหลาดขึ้น “มายความว่าในโลกนี้นอกจากเพรสไบทีเรียนและคนของเขาแล้ว เจ้าคือเทพีแห่งแสงที่แท้จริงในใจของทุกคน!” 

 

 

“อืม…ใช่” มาริลินสับสน นางไม่ค่อยเข้าใจว่าชีอ้าวชวางต้องการจะทำอะไร 

 

 

ชีอ้าวชวางยิ้มแต่ก็ไม่ได้คลายความสงสัยของมาริลินในทันทีแล้วถาม “ตอนนี้เทพเจ้าแห่งความมืดอยู่ที่ไหน เทพเจ้าแห่งคำสั่งน่ะ?” 

 

 

ใบหน้าของมาริลินเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางมองไปที่ชีอ้าวชวางด้วยความประหลาดใจและลังเล “คุณหนูอ้าวชวาง เจ้าจะไปหาซิสทัลทำไม?” 

 

 

“อ้อ ผู้ชายคนนั้นชื่อซิสทัลหรือ?” ชีอ้าวชวางแสยะยิ้ม 

 

 

“อืม” เมื่อฟังน้ำเสียงของชีอ้าวชวาง มาริลีนก็มองการแสดงออกของชีอ้าวชวางอีกครั้ง นางไม่เข้าใจว่าทำไมชีอ้าวชวางถึงถามหาซิสทัลที่เป็นเทพเจ้าแห่งความมืด หากไปยุ่งกับเขาตอนนี้คงไม่ดีนัก ตั้งแต่กลายเป็นเทพเจ้าแห่งคำสั่ง อิทธิพลของเขาที่มีต่อมนุษย์ก็เพิ่มมากขึ้นและพลังของเขาก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เพรสไบทีเรียนกำลังเตรียมพร้อมสำหรับสงครามศักดิ์สิทธิ์และไม่มีเวลาไปสนใจเขาเลย แต่หากสงครามศักดิ์สิทธิ์สิ้นสุดลง เขาจะต้องเดือดร้อนแน่นอน 

 

 

“ไม่ทราบว่าคุณหนูอ้าวชวางถามหาเขาทำไมหรือ?” มาริลินถามอย่างลังเล 

 

 

“เขาทำให้ข้าลำบากและเอาเปรียบข้ามากขนาดนี้ ข้าจะไม่เรียกร้องจากเขาได้อย่างไรล่ะ?” ชีอ้าวชวางยิ้มเจ้าเล่ห์ ตอนนี้เทพเจ้าแห่งความมืดกำลังดีขึ้น และความดีความชอบส่วนใหญ่ก็ต้องเป็นของนางสิ ผู้ชายคนนี้เขาไม่ได้ขอบคุณนางเลยตั้งแต่ต้นจนจบ เขาทำแค่ยกเลิกตราแห่งความมืดของตัวเองและหายตัวไป การไปที่อยู่ของเขาจะต้องได้กำไรแน่นอน! 

 

 

มาริลินอึ้งไปชั่วครู่และตอบสนอง ตอนแองเจลิก้าถูกขับออกจากอำนาจ เทพเจ้าแห่งความมืดก็มีสาวกมากมายในโลกมนุษย์ แล้วเขาก็อ้างตัวว่าเป็นเทพเจ้าแห่งคำสั่ง สิ่งนั้นเป็นผลมาจากหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าหรือ? แม้ว่าพวกเขาจะเคยรู้จักกัน แต่เวลานี้จะไปหาซิสทัลทำไมล่ะ? 

 

 

“คุณหนูอ้าวชวาง เจ้าจะตามหาซิสทัลเพื่อ…” มาริลินไม่เข้าใจ “ถ้าเจ้าต้องการให้ซิสทัลช่วยเรา ข้าเกรงว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้เขากำลังพยายามอย่างหนักเพื่อพัฒนาพลังของตัวเองอยู่” มาริลินฉลาดมากจริงๆ ตอนนี้คุยกับชีอ้าวชวางนางใช้คำว่าเราแทนคำว่าข้าแล้ว 

 

 

“นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าบอกว่าคนในโลกเทพเจ้าบริสุทธิ์เกินไป” ชีอ้าวชวางพูดอย่างไม่แยแส ความบริสุทธิ์ในที่นี้ไม่ได้เป็นการยกย่องพวกเขา คนเหล่านี้ยังไม่เข้าใจในเรื่องนี้ พวกเขามองแต่สีขาวและสีดำ พวกเขาไม่รู้ว่าสีขาวรวมกับสีดำเป็นสีเทา ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ 

 

 

“พวกเจ้าคงล้อมปราบปรามเทพเจ้าแห่งความมืดมานานแล้วสิ? แต่กลับกำจัดเขาไม่ได้เลย” ชีอ้าวชวางพูดถึงข้อเท็จจริงที่ทำให้มาริลินตกใจ 

 

 

“คุณหนูอ้าวชวาง เจ้ารู้ได้อย่างไร?” มาริลินมองหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ ผู้หญิงคนนี้น่าจะอายุไม่เกินสิบแปด เรื่องการต่อสู้ที่ยาวนานของพวกเขากับเทพเจ้าแห่งความมืดนั้นไม่ค่อยมีใครรู้ นางรู้ได้อย่างไร? เทพเจ้าแห่งความมืดบอกกับนางหรือ? เป็นไปไม่ได้หรอก! 

 

 

“มีความมืดจึงจะดับแสงได้ ความมืดและความสว่างเป็นสิ่งที่แยกออกจากกันไม่ได้ มันเป็นเรื่องน่าขันที่เจ้าต้องการกำจัดความมืดอยู่เสมอ แต่เมื่อความมืดถูกกำจัดไปแล้วจะมีแสงสว่างหรือไม่? ทุกสิ่งมีสองด้าน ก็เหมือนกับที่เจ้ามีฝ่ามือและมีหลังมือ ไม่มีศัตรูชั่วนิรันดร์หรอก มีเพียงผลประโยชน์ชั่วนิรันดร์เท่านั้น” ชีอ้าวชวางพูดกับมาริลินด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในเมื่อเพรสโทบีเรียนกำลังจะฆ่าเจ้าและผู้คนในโลกนี้ยอมรับเพียงแค่เจ้าว่าเป็นเทพีแห่งแสง เช่นนั้นเจ้าก็ทำให้ตำแหน่งเทพีแห่งแสงมั่นคงแล้ว” 

 

 

“เจ้าหมายความว่าจะให้ข้าตั้งวิหารแห่งแสงขึ้นมาและร่วมมือกับเทพแห่งความมืดงั้นหรือ?” มาริลินฉลาดมากและเข้าใจได้ทันทีว่าชีอ้าวชวางหมายถึงอะไร 

 

 

“ใช่” ชีอ้าวชวางพยักหน้าอย่างชื่นชมและยิ้ม “คริสตัลที่ดูดซับพลังแห่งศรัทธาอยู่กับเจ้า ก็ถือว่าเจ้าเป็นเทพีแห่งแสงที่แท้จริง ทำไมไม่ย้ายวิหารแห่งแสงไปเมืองอื่นล่ะ?” 

 

 

“เมื่อมีความมืดจึงมีแสงสว่าง ความมืดดับแสงได้…” มาริลินพึมพำประโยคนี้และในที่สุดก็เข้าใจความหมายของชีอ้าวชวาง แสงสว่างและความมืดอยู่ร่วมกัน ตราบเท่าที่ทั้งสองอยู่ในความสงบ พวกเขาก็จะคงอยู่ตลอดไป 

 

 

“ก่อนอื่นเลยคือศักดิ์ศรี” ชีอ้าวชวางมองรถม้าและส่ายหัวเบาๆ “เจ้ามีรถม้าที่งดงามเช่นนี้ บนท้องถนนมันเป็นเป้าสายตาเกินไป ตอนนี้เรามาออกเดินทางตามหาเทพเจ้าแห่งความมืดกันเถอะ” 

 

 

ชาร์ลอตต์ฟังการสนทนาระหว่างทั้งสองด้วยสีหน้ากังวล เขาอยากจะขัดจังหวะและพูดอะไรบางอย่าง แต่มาริลินก็จ้องกลับมา ในที่สุดชาร์ลอตต์ก็อยู่ข้างนางอย่างเงียบๆ และหยุดพูด 

 

 

มาริลินมองไปที่รถม้า นางขมวดคิ้วและโบกมือ จากนั้นรถม้าที่งดงามหรูหรากลายเป็นรถม้าธรรมดา มาริลินหันไปด้านข้างและให้ชีอ้าวชวางขึ้นรถก่อน “คุณหนูอ้าวชวาง ขึ้นรถม้าสิ เราจะคุยรายละเอียดกันระหว่างเดินทาง” 

 

 

ชีอ้าวชวางพยักหน้า นางมองชาร์ล็อตต์และพูด “พวกเขาเด่นชัดเช่นนี้ คงจะเป็นการดีหากว่าปลอมตัวได้” 

 

 

หลังจากได้ยินคำพูดของชีอ้าวชวาง พวกของชาร์ลอตต์ก็มองหน้ากันและปกปิดปีกทั้งหมดของพวกเขาโดยไม่ลังเล ปีกของทูตสวรรค์เป็นเกียรติและเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง ดังนั้นจึงไม่มีทูตสวรรค์คนใดที่จะลดเกียรติของเขา แต่ชาร์ลอตต์และคนอื่นๆ ทิ้งศักดิ์ศรีของพวกเขาให้ต่อมาริลินไปแล้ว 

 

 

รถม้าเริ่มเดินทางอีกครั้ง แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ดูโดดเด่นอีกต่อไปแล้ว ตอนที่อยู่บนท้องถนน ชาร์ลอตต์ขับรถม้า ส่วนอีกสามคนตามหลังรถม้าอย่างเงียบๆ 

 

 

ภายในรถม้า ชีอ้าวชวางพิงรถม้าและหลับตา มาริลินมองใบหน้าสงบนิ่งของชีอ้าวชวางและเหมือนว่าต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร 

 

 

“เอ่อ คุณหนูอ้าวชวาง…” ในที่สุดมาริลินก็พูด 

 

 

“หือ?” ชีอ้าวชวางยังไม่ลืมตา แมวล่าสมบัติก็อยู่ในอ้อมกอดของนางเพื่อหาที่นอนสบายๆ อยู่ 

 

 

“คุณหนูอ้าวชวาง ช่วยบอกข้าให้ชัดเจนได้หรือไม่ ข้าตัดสินใจที่จะไปทางนี้ ข้าจะไม่ลังเลและจะไม่มีวันเสียใจ” มาริลินกัดฟันและพูดอย่างหนักแน่น 

 

 

ชีอ้าวชวางลืมตาขึ้นและรอยยิ้มก็ปรากฏ ในที่สุดมาริลินคนนี้ก็ตัดสินใจได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะปล่อยให้นางซึ่งถูกคนพวกนั้นล้างสมองยอมรับและร่วมมือกับเทพเจ้าความมืดได้ในครั้งเดียว เมื่อครู่ชีอ้าวชวางไม่ได้สนใจนาง เมื่อเข้าไปในรถม้าก็แค่รู้สึกถึงความผันผวนทางจิตใจของนางนางลังเล…เรื่องแบบนี้เมื่อลังเล ผลที่ตามมาจะไม่ดีเสมอ มันมักจะจบลงก่อนที่จะเริ่มด้วยซ้ำ