ความหวาดกลัวและความวิตกกังวลเกิดขึ้นอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไร รุ่งสางนี้ทุกคนต่างก็ต้องเก็บข้าวของเปลี่ยนเป็นเดินทางทางบก จากนั้นก็ไปรวมตัวกับเหยาเหยียนอี้ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางทางน้ำหรือทางบก ทุกคนเดินทางพร้อมกันก็สบายใจแล้ว
คืนนั้นหลังจากเหยาเยี่ยนอวี่ล้างหน้าเสร็จก็นอนหลับสนิท
รุ่งสางในวันที่สอง เหยาเยี่ยนอวี่ตื่นขึ้นมา นางผลักหน้าต่างมองไปด้านนอก บังเอิญเห็นเว่ยจางพิงอยู่บนดาดฟ้าแล้วงีบหลับ ตำแหน่งนั้นของเขาแค่เงยหน้าขึ้นก็มองเห็นหน้าต่างห้องโดยสารที่นางนอนแล้ว
เนื่องด้วยริมแม่น้ำมีน้ำค้างตกลงมามาก ร่างที่สวมใส่ชุดคลุมยาวสีนิลเปียกชุ่มด้วยน้ำค้าง ผมดำตรงขมับคล้ายหมึกดำร่วงหล่นลงบนหน้าผาก แววตาเย็นเฉียบจึงถูกบดบังรูปลักษณ์หน้าตาที่เย็นชาก็ดูอ่อนโยนขึ้นมามาก ที่แท้บุรุษที่เยือกเย็นทระนงตัวเช่นนั้น ใบหน้าตอนนอนก็แลดูอ่อนโยนอยู่บ้าง
เหยาเยี่ยนอวี่ยืนมองตรงหน้าต่างสักพัก สุดท้ายก็อดคิดอะไรในใจได้ นางหันไปดึงเสื้อคลุมสีมะเขือม่วงของตนพลางเดินลงไปชั้นล่างด้วยฝีเท้าแผ่วเบาแล้วแอบเดินไปข้างกายเขาพร้อมเอาเสื้อคลุมบนร่างเขา
ตอนที่เสื้อกำลังคลุมบนร่างของเว่ยจางเขาก็ตื่นขึ้นมาทันที เขายังไม่ลืมตาก็ยื่นมือออกมาจับข้อมือของเหยาเยี่ยนอวี่ได้อย่างแม่นยำก่อนแล้ว พร้อมยังดึงนางเข้าไปในอ้อมกอด
“ฮือ…” เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกจับตรงแขนจึงร้องด้วยเสียงทุ้มต่ำ นางพยายามไม่ขัดขืนเพื่อที่จะทำให้ความเจ็บปวดของตนลดน้อยลงที่สุด
ตอนนี้เว่ยจางถึงจะลืมตามองนางแต่คล้ายกับว่าสมองของเขายังไม่ได้สติ แค่มองเหยาเยี่ยนอวี่ไปปราดเดียวแล้วค่อยๆ หลับตาลงอีกครั้ง จากนั้นก็กอดนางไว้ในอ้อมกอดแล้วหลับไปต่อ
“จุ๊!” เหยาเยี่ยนอวี่อดเปรยไม่ได้ หากสภาพของตนในตอนนี้ถูกหนิงฮูหยินน้อยและคนอื่นมาเห็นเข้า ไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำอย่างไรดี ดังนั้นจึงบิดลำตัวเบาๆ แล้วดึงแขนออกเพื่อที่จะดึงมือของใครบางคนออกจากเอวคอดของตน
“อย่าขยับสิ” เสียงของแม่ทัพเว่ยทุ้มต่ำและเคล้าด้วยน้ำเสียงแหบพร่าสะลึมสะลือยิ่งนัก
เหยาเยี่ยนอวี่กลัวว่าหากดื้อดึงต่อไปอาจจะทำให้ใครบางคนโมโหที่ต้องตื่นนอน ดังนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงโน้มน้าว “เจ้าปล่อยข้าลุกขึ้นก่อน แล้วเจ้าค่อยหลับต่อ”
“ไม่มีใครเห็นหรอก” มือของแม่ทัพเว่ยกระชับแน่นขึ้น “หนาว ให้ข้ากอดสักพักเถอะ”
รู้สึกว่าเจ้าจะเห็นข้าเป็นถุงร้อนนะ? คุณหนูเหยาถลึงตามองคนใครบางคน จากนั้นตั้งสติฟังเสียงเคลื่อนไหวโดยรอบอย่างใจจดใจจ่อ
ป่าพงไพรตรงชายฝั่งมีเสียงนกร้อง เหล่าสตรีในห้องโดยสารต่างก็หลับสนิท แม้กระทั่งทหารสองนายที่อยู่ในห้องโดยสารอีกด้านก็ต่างหายใจลากยาวอยู่ในฝัน ในตอนนี้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดโดยรอบนอกจากนกน้อยโบยบินบนฟ้าและปลาที่แหวกว่ายในน้ำ แล้วยังมีตัวเอง ส่วนสิ่งมีชีวิตอื่นก็ยังไม่ตื่นนอนกัน
การเดินทางดุจพระพาย ส่วนเจ้าและข้าก็เป็นเพียงสิ่งเล็กๆ ท่ามกลางพระพาย อาจเป็นเพียงทรายเม็ดหนึ่ง น้ำค้างหนึ่งหยด หรือเป็นหญ้าหนึ่งใบที่ปลิวไสว มีเพียงศาลาพักม้าเท่านั้นที่ให้เจ้าและข้าอาศัยอยู่
หัวใจของมนุษย์อ่อนโยนในยามแน่วแน่ และเข้มแข็งในยามจมอยู่ในความอ่อนแอ
ก็ได้ เหยาเยี่ยนอวี่ค่อยๆ ปล่อยตัวให้สบายแล้วเอียงศีรษะพิงบนไหล่เว่ยจางพร้อมทั้งหลับตาลง อ้อมกอดของเขาเคล้าด้วยความเร่าร้อน ร่างของเขาส่งกลิ่นน้ำค้างอ่อนๆ เช้าตรู่ที่แสนเงียบสงัดทำให้พวกเราจมดิ่งในความเงียบงันนี้…
จริงๆ ก็ไม่ได้เงียบสงัดนานเกินไป ตอนที่เหยาเยี่ยนอวี่กำลังเหม่อลอย จู่ๆ แขนตรงคอดเอวกระชับแน่นแล้วตนก็ถูกอุ้มขึ้น
“อื้ม?” คุณหนูเหยาถลึงตาพร่ามัวขึ้น “เจ้าตื่นแล้วหรือ”
“มีคนมา” เว่ยจางดึงเสื้อคลุมคนในอ้อมกอดไว้พลางมองผมยาวสลวยที่กระจัดกระจายและแววตาอันน่าหลงใหลของนางพร้อมกระแอมกระไอด้วยเสียงต่ำแล้วพูดด้วยเสียงแหบ “เจ้าเข้าไปก่อนเถอะ”
เหยาเยี่ยนอวี่ทำใจให้สงบแล้วตั้งใจรับฟัง ด้านหลังป่าพงไพรบนชายฝั่งมีเสียงรถม้าและเสียงพูดคุยเล่นกันส่งมา จึงรู้ว่ารถม้าที่เช่าเมื่อคืนมาถึงที่หมายแล้ว ดังนั้นจึงกระชับผ้าคลุมบนตัวให้แน่นพลางเหยียดกายลุกขึ้นแล้วเข้าไปในห้องโดยสาร
เหล่าสตรีที่อยู่บนเรือทยอยกันตื่นนอน ทุกคนพลันล้างหน้าแต่งกายแล้วเก็บสัมภาระของตนเอง
เหยาเยี่ยนอวี่มวยผมเดี่ยวพร้อมแต่งกายเป็นบุรุษออกไปทักทายเหล่าคนขับรถม้า เฝิงหมัวมัวและหมัวมัวคนสนิทของหนิงฮูหยินน้อยไปเจรจาราคาเช่ารถม้ากับคนเหล่านั้น เว่ยจางและทหารคนสนิทของเขาพาคนขับรถม้าไปขนข้าวของบนเรืออีกลำ
หีบเล็กหีบใหญ่ถูกขนออกมาแล้วกำลังจัดวางหีบตามลายน้ำที่ทำเครื่องหมายแยกหมวดหมู่ของหีบ หลังจากที่ให้จินหวนและเฝิงหมัวมัวตรวจสอบดูแล้วถึงจะวางหีบบนรถม้าตามหมวดหมู่
คนขับรถม้าเหล่านี้ก็ถือว่าเฉลียวฉลาดอยู่บ้าง เมื่อคืนเมื่อได้ยินเหยาเยี่ยนอวี่พูดว่ารถม้าที่ไม่มีหลังคาจะได้ถูกกว่ารถม้าที่มีหลังคา กลับไปทุกคนต่างก็ไปใส่หลังคารถม้าจนครบครัน แม้นจะดูธรรมดาทว่าก็ยังบังฝนบังลม เฝิงหมัวมัวไปตรวจดูสภาพรถม้า บอกว่ารถม้าที่ไปใส่หลังคามากะทันหันนี้แค่เก็บกวาดอีกนิดหน่อยสภาพก็พอให้คนโดยสารได้
ส่วนรถม้าสามคันของเศรษฐีผู้เฒ่าลิ่วถูกชุ่ยเวย จินหวน และคนอื่นๆ ตกแต่งภายในด้วยความประณีต หนิงฮูหยินน้อยและเหยาเยี่ยนอวี่ใช้รถคันคนละคัน เครื่องนุ่งห่มที่พวกนางใช้อยู่ประจำก็ถูกขนเข้าไป ในรถม้าที่ตกแต่งภายนั้นสะดวกสบายอย่างยิ่ง
รถม้าอีกคันก็ถูกหนิงฮูหยินน้อยสั่งให้คนเก็บกวาดและจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อยจะได้ให้เหยาเหยียนอี้ เว่ยจาง และถังเซียวอี้นอนพักกัน
ยุ่งเช่นนี้มาหนึ่งวัน พอถึงตอนบ่าย ข้าวของในเรือใหญ่ทั้งสองลำก็ถูกขนออกมาจนเรือเกือบว่าง หนิงฮูหยินน้อยสั่งให้คนขับเรือขับกลับไปเจียงหนิง จากนั้นขึ้นรถด้วยจิตใจที่กระวนกระวาย
เกิดเป็นสตรีที่ถูกตระกูลขุนนางเลี้ยงดูมาจนเติบโตป่านนี้ นี่ถือเป็นครั้งแรกที่หนิงฮูหยินต้องผ่านประสบการณ์เช่นนี้ แม้นนางก็แกล้งทำเป็นเข้มแข็ง ทว่าก็มีอีกหลายเรื่องที่นางก็ไปไม่ถูก หากเทียบกันแล้ว เหยาเยี่ยนอวี่ก็ถือว่านิ่งสงบกว่านางมาก เหยาเยี่ยนอวี่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นแบบบุรุษแทน ดวงหน้าเรียวเล็กนี้เหมือนเหล่าบุรุษที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัวและสร้างครอบครัว แม้นจะดูไม่ค่อยเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ทว่าอย่างน้อยก็เทียบได้กับครึ่งหนึ่งของเหยาเหยียนอี้แล้ว
เว่ยจางเงยหน้ามองนางตลอดเวลา ในดวงตามีประกายยิ้มจางๆ ที่กำลังแสดงความรื่นเริงยินดี คนๆ นั้นคือว่าที่ภรรยาของเขา ช่างดียิ่งนัก!
ฟ้าก็เริ่มมืดมัวลงแล้ว เว่ยจางนำขบวนรถม้าไปถึงเมืองเถาฮวาป้าแล้วสั่งให้ทหารคนสนิทหนึ่งนายไปรอเหยาเหยียนอี้ตรงถนนใหญ่ เดิมทีเหยาเยี่ยนอวี่อยากเหมาโรงเตี๊ยมที่พอพักค้างแรมได้ในเมืองแห่งนี้ทั้งหมด ทว่านึกไม่ถึงว่าเศรษฐีผู้เฒ่าลิ่วกลับส่งคนมาเชิญบอกว่าเขาเก็บกวาดเรือนในจวนไว้แล้ว แล้วยังเตรียมงานเลี้ยงสุราอีกด้วย หากไม่รังเกียจจึงอยากจะเชิญทั้งครอบครัวคุณชายเหยาให้เกียรติไปพักค้างแรมในจวนซอมซ่อของตนด้วย
เหยาเยี่ยนอวี่คิดๆ ดูแล้ว ก็ไม่อยากจะให้หนิงฮูหยินน้อยและเหยาชุ่ยฮั่นทนกับความลำบากจึงตอบตกลงไปด้วยความเต็มใจ ภายในใจกำลังคิดว่า มากสุดก็แค่ส่งมอบยาเม็ดบำรุงร่างกายให้ผู้เฒ่าก็ได้ แล้วรับรองว่าเขายังมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกหลายปี
ยามโพล้เพล้ขบวนรถม้าของเหยาเหยียนอี้ก็มาถึงเสียที
ไม่เจอหน้ากันแค่สองสามวัน คุณชายรองเหยาที่อ่อนโยนและสง่าผ่าเผยก็แปดเปื้อนฝุ่นไปทั่วร่างกาย ชุดสีเขียวเปรอะเปื้อนขี้โคลน มีเพียงแววตาเท่านั้นที่ยังแวววับ ท่าทางของเขายังคงกระปรี้กระเปร่าเหมือนเคย หลังจากหนิงฮูหยินน้อยเห็นจึงอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้วเกือบจะเข้าไปกอดสามีพลางร้องไห้เสียงดัง
“ร้องไห้ไปไย นอกจากตัวเปื้อนและดูเหนื่อยล้าหน่อย ทุกอย่างยังคงดีเหมือนปกติ” เหยาเหยียนอี้จับไหล่ของหนิงฮูหยินน้อยอย่างปลอบโยน “มีน้ำอุ่นไหม ข้าใคร่จะอาบน้ำ!”
“มี มี!” หนิงฮูหยินน้อยพลันพยักหน้า
ผู้เฒ่าลิ่วเป็นเศรษฐีดั่งที่คาด ของใช้ในจวนครบครันทุกอย่าง จินหวนและเสวี่ยเหลียนปรนนิบัติรับใช้อาบน้ำให้สบายตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดสะอาด คุณชายรองเหยาถึงจะกลับมาอ่อนโยนดั่งหยกรูปงามอีกครั้ง
มีฐานันดรศักดิ์ของเหยาเหยียนอี้ที่เป็นถึงรองเจ้ากรมป่าไม้ขุนนางขั้นที่ห้าในราชสำนัก ผู้เฒ่าลิ่วก็ดูพินอบพิเทามากกว่าเดิม
เหยาเหยียนอี้ก็เป็นคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมอยู่แล้ว ไม่เพียงแต่กล่าวคำพูดที่ซาบซึ้งในน้ำใจแล้วยังดึงฮ่องเต้ผู้สูงส่งเข้ามาเกี่ยวข้อง บอกว่าความจงรักภักดีของผู้เฒ่าลิ่วที่มีต่อฮ่องเต้ตนต้องไปรายงานถึงพระกรรณของฮ่องเต้แน่นอน หากฮ่องเต้ทรงพอพระทัยอาจจะมอบบำเหน็จแก่เขาก็เป็นได้