ตอนที่ 254 ผ่านเขตอุทกภัยวัชพืชพิษช่วยชีวิต (3)

หมอหญิงจ้าวดวงใจ

ผู้เฒ่าลิ่วรู้สึกรื่นเริงยินดีจนมิอาจหุบยิ้มและเกือบจะเป็นอัมพาตอีกครั้ง

นอนหลับสบายมาหนึ่งคืนทำให้ผู้คนที่รู้สึกเหนื่อยหน่ายกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง รถม้าทั้งสองขบวนรวมกันทั้งสิ้นสี่สิบคัน เมื่อขับเคลื่อนตามกันบนถนนใหญ่ทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายจนคันด้านหน้าไม่เห็นคันด้านหลัง ส่วนคันด้านหลังก็ไม่เห็นคันด้านหน้าเช่นกัน

อากาศอบอ้าวจวนตายเช่นนี้ เหล่าคนขับรถม้าต่างเอาผ้าซับหยาดเหงื่อบนหน้าผากที่ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย

เหล่าสตรีในรถม้าต่างเอาผ้าซับเหงื่อและเอาพัดพัดเหมือนกัน

มีเพียงเว่ยจางและทหารยอดฝีมือสี่สิบกว่านายของเขาที่ไม่แสดงท่าทีอะไร ยังคงขี่อยู่บนหลังม้าด้วยหลังตรง ทำให้กลายเป็นทิวทัศน์อย่างหนึ่งที่อยู่ใต้แสงแดดอันร้อนระอุนี้

เหยาเยี่ยนอวี่กลัวว่าทุกคนจะเป็นหวัดแดดจึงเอาชาสมุนไพรฮั่วเซียงออกมาแบ่งให้ทุกคนใส่ในถุงน้ำของตนเอง

จนถึงตอนเที่ยง เหยาเยี่ยนอวี่เสนอความเห็นให้ทุกคนพักผ่อนใต้ต้นไม้กลางป่าพงไพร หากตอนกลางคืนมีแสงจันทร์ทุกคนยังพึ่งพาแสงจันทราในการเดินทางกลางดึกหลังจากนั้นได้ ทุกคนต่างเห็นด้วย อย่างไรการเดินทางตอนกลางวันที่ต้องตากแดดร้อนระอุ ไม่ว่าจะคนหรือม้าล้วนไม่อาจรับไหว

พวกเขาเดินทางอย่างราบรื่นไปสามวันเศษ บนถนนใหญ่เริ่มมีชาวบ้านลี้ภัยปรากฏ คนพวกนี้ยังไม่ถือว่าสวมใส่เสื้อผ้ามอมแมมและหลุดรุ่ย ทว่าสีหน้าต่างซีดเซียว แค่มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน เหตุเพราะเห็นขบวนรถม้ามีทหารรักษาการณ์ติดตามมาด้วยแม้นแววตาเคล้าด้วยความสิ้นหวังและหิวกระหายทว่าก็ยังคงมีสติไม่มีใครคิดจะก่อโจรกรรม

เว่ยจางรู้สึกประหม่านัก ทว่ายังคงสั่งการให้ทุกคนระมัดระวังตัวให้ดี

เหยาเยี่ยนอวี่ทนดูไม่ไหวจึงดึงแขนเสื้อของเหยาเหยียนอี้พลางเอ่ยถาม “ให้เสบียงพวกเขากินหน่อยได้ไหม”

เหยาเหยียนอี้หันไปมองเว่ยจาง เว่ยจางขมวดคิ้ว “ไม่ได้ หากให้ไปแล้วพวกเขาจะตามพวกเราไปตลอด อีกอย่าง คนยิ่งอยู่ยิ่งมากสุดท้ายก็อาจจะเกิดการปล้นกันได้”

“เหตุใดศาลาว่าการถึงไม่สนใจไยดีอะไรเลย” เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้วถอนหายใจ

เว่ยจางใช้สายตาอันเย็นชากวาดมองชาวบ้านลี้ภัยข้างถนนแล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “เรื่องนี้ไปถึงข้างหน้าก็จะรู้ความเอง”

ยิ่งเดินไปด้านหน้าก็ได้เจอกับชาวบ้านลี้ภัยมากขึ้นเรื่อยๆ

เขตตอนใต้นี้เป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ หลังจากที่ทำนบทางใต้ของแม่น้ำจินแตก ชาวบ้านเหล่านี้ทำได้เพียงอพยพไปยังเขตตอนใต้

ว่าไปนี่ก็คงเป็นสิ่งที่นักปกครองตั้งใจกระทำขึ้นผ่านแม่น้ำจิน ขึ้นเหนือไปอีกไม่ถึงสองร้อยลี้ก็คือเมืองหลวงอวิ๋นแล้ว หากทำนบทางเหนือของแม่น้ำจินเสียหาย ทั้งเมืองอวิ๋นอาจจะเสี่ยงอันตรายอย่างมาก ดังนั้นต่อให้จะเกิดเรื่องใดขึ้น ทำนบทางเหนือของแม่น้ำจินก็ห้ามพังทลายเด็ดขาด

อากาศอบอ้าวมาสองวัน ท้ายที่สุดฝนตกลงมาเสียที ท่อระบายน้ำทั้งสองข้างของถนนใหญ่ขังด้วยน้ำเต็มไปหมด

มองออกไปเห็นพืชพันธุ์สองสามชนิดในท้องทุ่งถูกน้ำท่วมยืนต้นตายทั้งใบสีเขียวแกมเหลือง

เหยาเยี่ยนอวี่นอนบนรถม้าแล้วมองคนขับรถม้าสวมผ้ากันฝนพลางยกแส้ตีม้าพร้อมกับตวาดไม่หยุด ด้านหน้ามีแผ่นหลังอันสง่าผ่าเผยของเว่ยจาง ส่วนด้านหลังก็มีเสียงหัวเราะอย่างร่าเริงของถังเซียวอี้ คุณหนูเหยาอดถอนหายใจไม่ได้…นี่มันการเดินทางอะไรกันเนี่ย!

หลังจากฝนตกกระหน่ำ ถนนทั้งสองข้างเริ่มมีซากศพ เหนือศีรษะมีอีกาโบยบินไปมา บนพื้นราบก็เห็นป่าหมาที่สกปรกมอมแมม

ชาติปางก่อนเหยาเยี่ยนอวี่ฝึกผ่าตัดศพในห้องทดลองไปไม่น้อย แม้กระทั่งยังเคยนอนค้างแรมกับศพเหล่านั้นในห้องทดลอง ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นกับตาว่าหมาป่ากำลังคาบศพ หมาป่าดุร้ายกำลังคาบซากศพของเด็กอายุสิบกว่าขวบแล้ววิ่งเข้าไปในป่ากันดาร คุณหนูเหยาสีหน้าซีดเซียวไปทันที เกือบจะอาเจียนอาหารเมื่อคืน

ในวันนี้ยัยหนูน้อยเหยาชุ่ยฮั่นเป็นคนแรกที่ท้องเสียจึงพิงอยู่กลางอ้อมกอดของแม่นมแล้วร้องไห้ฮือๆ พร้อมโวยวายว่าปวดท้อง

เหยาเยี่ยนอวี่จับชีพจรนางแล้วสั่งให้คนเอายาสมุนไพรต้มในน้ำ หลังจากที่รอให้หายร้อนก็ค่อยผสมน้ำผึ้งให้นางดื่ม เหตุเพราะในยาสมุนไพรมีฮั่วเซียง รสชาติไม่ค่อยดี ยัยหนูน้อยร้องไห้โวยวาย ต่อให้เกลี้ยกล่อมอย่างไรก็ไม่ยอมดื่ม

หนิงฮูหยินน้อยรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาทันที น้ำตาหลั่งไหลลงมาไม่หยุด เหยาเหยียนอี้เห็นแล้วอยากจะโมโห แม้กระทั่งยังรู้สึกเสียใจที่พาบุตรีและภรรยาขึ้นเหนือในครั้งนี้

เหยาเยี่ยนอวี่เห็นยัยหนูน้อยไม่ดื่มยาแค่ส่งสายตาให้แม่นมปิดตาของยัยหนูน้อยไว้แล้วเอาเข็มเงินฝังเข็มให้นาง

หลังจากฝังเข็ม ยัยหนูน้อยก็ไม่ได้ปวดท้องอีก เหยาเยี่ยนอวี่ทั้งเกลี้ยกล่อมทั้งเล้าโลมให้ยัยหนูน้อยดื่มยาต้มสมุนไพร ทั้งยังกำชับให้แม่นมอย่าให้นางดื่มน้ำด้านนอกไปเรื่อยเปื่อย แล้วยังสั่งให้ทุกคนต้มยาของตนเอง ต้องใช้น้ำต้มจนเดือดไปสักพักถึงจะดับไฟ ทางที่ดีที่สุดก็ให้ทุกคนดื่มชาสมุนไพร ไม่เช่นนั้นหากทุกคนต่างก็ท้องเสียท้องร่วงกันขึ้นมา แน่นอนถึงเวลาก็อย่าคิดว่าจะได้เดินทางไปไหนอีกเลย

ทุกคนรับคำอย่างพร้อมเพรียง ต่างต้องระวังเรื่องอาหารการกินเพื่อเอาตัวรอดด้วยตัวเอง

ทหารรักษาการณ์ เหล่าสตรี และคนขับรถม้า รวมๆ กันก็มีร้อยกว่าคน ภายใต้การกำชับของเหยาเยี่ยนอวี่ มีเพียงสิบกว่าคนเท่านั้นที่ป่วย ยังดีที่อาการไม่ได้ร้ายแรงอะไร หลังจากฝังเข็มแล้วเพิ่มปริมาณชาสมุนไพร อดทนกับความทรมานของการเจ็บไข้ได้ป่วยนี้ไปสองวันก็ดีขึ้นแล้ว

แต่ใครก็นึกไม่ถึ งตอนนี้สัตว์บางตัวกลับเริ่มมีปัญหาแล้ว

ตอนแรกทุกคนไม่ได้เอะใจอะไร แต่ตอนนี้ทุกคนล้วนรู้สึกไม่ดีเหตุเพราะสัตว์เกินครึ่งเริ่มท้องร่วง มีลาสองตัวหมดเรี่ยวหมดแรงจนล้มลงบนพื้นทั้งยังอาเจียนเป็นฟองสีขาวออกมา ทำให้เห็นชัดเจนว่าไปต่อไม่ไหวอีก

เหยาเหยียนอี้พลันสั่งให้คนไปขนของสองคันรถนั้นไปกระจายให้รถคันอื่นๆแล้วผูกเกี้ยวว่างให้ติดกับรถม้าขนของคันอื่น

พอเห็นว่าชิ่งโจวยังอีกไกล รถม้าขบวนใหญ่นี้คงไม่อาจเสียเวลาการเดินทางเพราะลาสองตัวนี้ แค่ว่าคนขับรถม้าทั้งสองคันนั้นกลับร้องไห้เหมือนเสียบิดามารดาของตนเองไปแล้วบอกว่าจะเฝ้าลาไว้และจะไม่ยอมไปไหน

“เฮ้อ! ให้ตายเถอะ นี่มันเจอแต่เรื่องซวยอะไรกันเนี่ย!” เหยาเหยียนอี้เรียกทหารคนสนิทมาแล้วเอาเงินให้คนขับรถม้าสองคนถือว่าเป็นการซื้อลาของพวกเขา ให้พวกเขาไม่ต้องลังเลใจและให้รีบขึ้นรถเดินทางต่อ

เหยาเยี่ยนอวี่เห็นว่าพี่รองของนางที่เป็นปัญญาชนยังสบถหยาบออกมาเช่นนั้น ทันใดนั้นสีหน้านางก็เศร้าหมอง ไม่ได้เศร้าหมองเพราะลาสองตัวนี้ แต่เพราะล่อม้าลาวัวหลายสิบตัวพวกนี้ต่างหาก

โชคดีที่คนไปสำรวจเส้นทางข้างหน้าบอกว่าอีกสามลี้จะมีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เว่ยจางบอกให้ทุกคนรีบเดินทาง ตอนกลางคืนจะไปค้างแรมที่หมู่บ้านแห่งนั้น จากนั้นก็หาสัตวแพทย์มารักษาสัตว์พวกนี้

เหยาเยี่ยนอวี่ครุ่นคิดในใจว่า เจ้าก็พูดง่ายเกินไปหรือเปล่า ยาทั่วไปที่มีในหมู่บ้านก็ต้องให้การรักษาผู้คนก่อนแล้วจะถึงตาสัตว์ใช้ยาพวกนั้นได้อย่างไร สัตวแพทย์ก็ไม่ใช่หมอเซียน ไม่มียาแล้วจะรักษาได้อย่างไร ทว่าเวลานี้หากไม่ทำเช่นนี้ เกรงว่ารถม้าอีกหลายสิบคันต้องอยู่ต่อที่นี่แน่นอน

ที่นี่เรียกว่าหมู่บ้านจิน ดูจากสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ตามริมถนนก็ถือว่าเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่เจริญรุ่งเรือง แต่หลังจากที่เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่จึงไม่ได้เจริญรุ่งเรืองเหมือนเช่นเคย สิ่งที่ปะทะเข้าตาคือสถานการณ์ที่ตกอับและย่ำแย่

สิ่งปลูกสร้างบางแห่งก็พังทลายลง ทำให้เครื่องใช้ในเรือนกระจัดกระจายบนถนน และยังมีชาวบ้านที่ยังไม่ได้อพยพไปที่อื่นกำลังเก็บกวาดเรือน มีเด็กที่ไร้บ้านกำลังเก็บของตามทาง ไม่รู้ว่าในปากของพวกเขากำลังกินอะไรอยู่

คนของเว่ยจางเดินนำทาง พวกเขาทำความสะอาดถนนไปด้วย ไม่ง่ายเลยที่จะหาโรงเตี๊ยมที่เปิดประตูไว้ได้หนึ่งแห่งจึงขานเรียกให้เถ้าแก่ออกมาเปิดปประตู

แน่นอนว่ารถม้าทั้งสี่สิบคันคงจะไม่พอจอดในโรงเตี๊ยมอยู่แล้ว เหยาเหยียนอี้จึงใช้ฐานะที่เป็นรองเจ้ากรมป่าไม้ที่ฮ่องเต้พระราชทานของตนมาสั่งให้เถ้าแก่ช่วยทหารของเว่ยจางทำความสะอาดถนนเส้นนี้