เล่ม 1 ตอนที่ 213 ตีแสกหน้า

สลับชะตา ชายามือสังหาร

จักรพรรดิจันทร์ประจิมได้ฟังซือหม่าโยวเย่ว์พูดเช่นนี้ จึงเริ่มหลั่งเหงื่อเยียบเย็น ถ้าหากเจ้าไก่ฟ้าโมโหขึ้นมา คืนนี้พวกเขาคงเสียมากกว่าได้แน่แล้ว

“นายท่านโปรดระงับโทสะ ข้าจะจัดการนางเดี๋ยวนี้!”

พอพูดจบเขาก็หมุนกายแล้วหยิบเอากระบี่เล่มหนึ่งแทงเข้าทะลุหัวใจของฉินโม่ในทันที

ฉินโม่เพิ่งจะนั่งลงไป เมื่อได้ยินวาจาประโยคนั้นของสัตว์อสูรเหนือเทพก็ตกตะลึงไปเสียแล้ว ยังไม่ทันได้สติกลับมาก็ถูกแทง จึงเงยหน้าขึ้นมองจักรพรรดิจันทร์ประจิมอย่างไม่อยากเชื่อ

“ฝ่าบาท…”

นางตะโกนอย่างอ่อนแอประโยคหนึ่ง ก่อนที่ร่างกายจะค่อยๆ ล้มลงไปด้านข้าง แล้วไร้ซึ่งความเคลื่อนไหวไปในที่สุด

พวกซือหม่าโยวเย่ว์มุมปากกระตุก คนผู้นี้สังหารคนร่วมเรียงเคียงหมอนตนได้อย่างไม่ไว้น้ำใจเลยสักนิดเดียว!

แต่ไม่ว่าใครก็คงได้แต่เลือกทางนี้เท่านั้น เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็แกร่งกล้าเกินไป

“เช่นนี้พอใช้ได้หรือไม่” จักรพรรดิจันทร์ประจิมหันมาถามอย่างระมัดระวัง

“อ้อ เจ้าไก่ฟ้าชองพวกเราบอกว่าตั้งแต่ออกมาก็ยังไม่เคยพบเห็นเรื่องพรรค์นี้มาก่อนเลย จึงไม่ค่อยพอใจสักเท่าใดนัก” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ก่อนหน้านี้มีองค์หญิงที่ต้องการสังหารพวกเรา วันนี้เพิ่งถูกบุกโจมตียามราตรียังไม่พอ แต่ยังถูกด่าว่าเป็นประชากรชั้นต่ำอีก นี่เป็นการดูหมิ่นอย่างรุนแรงสำหรับสัตว์อสูรเหนือเทพตนหนึ่งเลยนะพ่ะย่ะค่ะ!”

“ถ้าหากเป็นไปได้ ขอให้นายท่านโปรดอนุญาตให้ราชสำนักของข้าชดเชยให้กับความขุ่นเคืองใจของท่านด้วยเถิด!” ดีร้ายอย่างไรองค์จักรพรรดิจันทร์ประจิมก็เป็นคนที่มีชีวิตอยู่มานานปีถึงเพียงนี้แล้ว เหตุใดจึงฟังความหมายของซือหม่าโยวเย่ว์ไม่ออก แต่ก็สิ้นไร้หนทาง จึงทำได้เพียงแค่เอาอกเอาใจพวกเขาอย่างสุดกำลังเท่านั้น มิฉะนั้นเมื่อใดที่สัตว์อสูรเหนือเทพลงมือแล้ว เกรงว่าคงจะมิได้สูญเสียเพียงเท่านี้แน่

ดังนั้นจักรพรรดิจันทร์ประจิมจึงใช้เวลาทั้งคืนอยู่ที่โถงรับแขกของพวกซือหม่าโยวเย่ว์ แต่พวกเขาคุยอะไรกันนั้น คนนอกมิอาจล่วงรู้ได้เลย พวกเขารู้เพียงแค่ว่าวันรุ่งขึ้นที่จักรพรรดิจันทร์ประจิมออกมานั้น สีหน้าดูไม่สู้ดีนัก

ซือหม่าโยวเย่ว์ผู้นี้ช่างใจจืดใจดำเหลือเกิน! นี่คือเสียงร่ำร้องในใจของจักรพรรดิจันทร์ประจิมในขณะนี้ เมื่อเห็นว่าในลานบ้านยังมีจ้าววิญญาณที่นอนหายใจรวยรินอยู่สองคนจึงเอ่ยว่า “นำตัวพวกเขากลับไปให้หมด! พวกที่ตายไปแล้วก็จัดการให้เรียบร้อยเสีย”

ทหารรับใช้กำลังเตรียมตัวลงมือ เสียงของเจ้าไก่ฟ้าก็ดังมาจากในห้อง “ในเมื่อมากันแล้ว ก็ทิ้งพวกเขาเอาไว้ที่นี่เถิด!”

พอพูดจบ ซากศพห้าร่างและคนใกล้ตายสองคนก็กลายเป็นหมอกโลหิตก่อนจะจางหายไป

จักรพรรดิจันทร์ประจิมและทหารรับใช้ล้วนตาค้าง เกรงว่านี่คงมิใช่สิ่งที่สัตว์อสูรเหนือเทพทั่วไปจะทำได้กระมัง!

“โชคดี! โชคดียิ่งนัก!” จักรพรรดิจันทร์ประจิมตบหน้าอกตัวเอง ถึงแม้ว่าจะสูญเสียสิ่งล้ำค่าไปไม่น้อย แต่อย่างน้อยก็ปลอบประโลมอีกฝ่ายให้สงบลงได้บ้างแล้ว ถ้าหากเจ้าไก่ฟ้าลงมือกับตนเช่นนี้ เกรงว่าตนคงไม่มีเรี่ยวแรงสู้กลับเลยแม้แต่น้อย

ซือหม่าโยวเย่ว์ไปส่งจักรพรรดิจันทร์ประจิมด้วยรอยยิ้ม พอหันมาก็เห็นหลายคนมองเธอด้วยสายตาดูแคลน

“นี่ๆๆ สีหน้าอะไรของพวกเจ้าน่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถลึงตาใส่พวกเขาอย่างไม่พอใจ

“พี่ชาย ท่าทางของท่านเมื่อครู่เหมือนกับโจรปล้นบ้านชิงทรัพย์เลยนะ!” เสี่ยวถูพูดแทนใจทุกคน

“เสี่ยวถู เจ้าพูดผิดแล้วล่ะ!” เป่ยกงถังตบศีรษะเสี่ยวถูเบาๆ

“พูดผิดหรือ” เสี่ยวถูมองเป่ยกงถังอย่างไม่เข้าใจ

เป่ยกงถังชะงักไปครู่ใหญ่แล้วจึงเอ่ยว่า “นางไม่ได้เหมือนโจรหรอก นางคือโจรเลยต่างหาก เข้าใจแล้วหรือไม่”

“ถือว่าเป่ยกงรู้จักข้าดี…อ๊ะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์ยังพูดไม่ทันจบ พอได้ยินคำพูดของเป่ยกงถัง วาจาสุดท้ายจึงติดอยู่ในคอ

แต่เมื่อครู่เธอรีดไถทรัพย์สมบัติของจักรพรรดิจันทร์ประจิมมาไม่น้อยเลยจริงๆ แม้กระทั่งทักษะวิญญาณระดับสีดำก็ยังเอามาได้ถึงสองเล่ม

เพียงไม่นานข้าวของของจักรพรรดิจันทร์ประจิมก็ถูกส่งมา ซือหม่าโยวเย่ว์กวาดตามองแหวนเก็บวัตถุปราดหนึ่ง สมกับที่เป็นอาณาจักรแห่งหนึ่งจริงๆ ส่งทรัพย์สมบัติมากมายเช่นนี้มาอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ ดูเหมือนว่าจะมีมรดกตกทอดกองโตทีเดียว! ไม่เลว ไม่เลว

เจ้าอ้วนชวีมองรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าซือหม่าโยวเย่ว์แล้วจึงจับไหล่เธอเอาไว้พลางเอ่ยว่า “โยวเย่ว์ เจ้ามีข้าวของตั้งมากมายถึงเพียงนั้นแล้ว เหตุใดจึงยังไปหมายตาทรัพย์สินของจักรพรรดิจันทร์ประจิมอีกเล่า”

ซือหม่าโยวเย่ว์มองเจ้าอ้วนชวีอย่างไม่เห็นด้วยแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ช่างเป็นคนขี้แพ้เสียจริง! เจ้ามิได้เป็นคนหาเลี้ยง เจ้าไม่รู้หรอกว่าค่ากินอยู่มันแพงแค่ไหน พวกเรามีกันหลายคนเช่นนี้ ต้องสิ้นเปลืองตั้งมากมาย ย่อมต้องมีสักวันที่ใช้ของพวกนี้หมด พวกเรามิอาจทำตัวเป็นเสือนอนกิน จำเป็นต้องหาแหล่งทรัพยากร เข้าใจหรือไม่”

เมื่อได้ฟังคำพูดหน้าไม่อายของเธอ ทุกคนก็กระตุกมุมปาก

ข้าวของภายในเจดีย์วิญญาณนั้นเกิดขึ้นใหม่ได้ตลอด นอกจากนี้ยังมีพ่อบ้านที่แกร่งกล้าอยู่ทั้งคนด้วย เพาะปลูกเองได้ ย่อมไม่มีทางที่มันจะหมดสิ้นไปอย่างแน่นอน!

เธอเก็บข้าวของเข้าไปภายในมณีวิญญาณ เจ้าวิญญาณน้อยต้องจัดการได้อยู่แล้ว หลังจากนั้นเธอจึงบิดขี้เกียจแล้วเอ่ยว่า “วันนี้ช่างอากาศดี เหมาะสมกับการนอนเสียจริง พรุ่งนี้หลังจากเข้าร่วมงานวันเกิดของจักรพรรดิจันทร์ประจิมแล้วพวกเราค่อยใช้ค่ายกลนำส่งไปยังอาณาจักรอู๋กลางกัน”

พอพูดจบเธอก็กลับไปยังห้องของตนอย่างอารมณ์ดีเป็นที่สุด

จักรพรรดิจันทร์ประจิมฟังรายงานของทหารรับใช้ด้วยสีหน้าอมทุกข์ เมื่อนึกถึงว่าได้มอบสิ่งของให้พวกซือหม่าโยวเย่ว์ไปมากมายถึงเพียงนั้น หัวใจของเขาก็เจ็บปวดเหลือทน

“ยังดีที่พวกเขาอยู่ถึงแค่พรุ่งนี้ก็ไปแล้ว ไม่รู้ว่าคิดจะทำอะไรกันอีก!” จักรพรรดิจันทร์ประจิมพึมพำเสียงเบาคล้ายกับกลัวว่าเจ้าไก่ฟ้าที่ไม่ได้อยู่ที่นี่จะได้ยินเข้า

“มาแล้ว ไปตรวจตราสิ่งของที่จำเป็นสำหรับงานเลี้ยงในวันพรุ่งนี้สักหน่อยแล้วค่อยประกาศข่าวของสัตว์อสูรเหนือเทพออกไป ให้ผู้คนที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงเหล่านั้นได้เปิดหูเปิดตาว่าอย่าไปยั่วยุผู้ที่ไม่สมควรเข้า!” จักรพรรดิจันทร์ประจิมออกคำสั่ง

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

ทหารรับใช้ออกไป ส่งราชโองการของจักรพรรดิจันทร์ประจิมไปยังขุมอำนาจทุกแห่งที่จะมาเข้าร่วมงานเลี้ยง เตือนพวกเขาว่าห้ามล่วงเกินพวกซือหม่าโยวเย่ว์เป็นอันขาด ถ้าหากใครก็ตามที่ไม่เคารพพวกเขา จะต้องรับผลที่ตามมาอย่างหนักหน่วง

อันที่จริงแล้วไม่จำเป็นต้องให้จักรพรรดิจันทร์ประจิมส่งคนไปพูด เรื่องของสัตว์อสูรเหนือเทพก็แพร่ไปทั่วทั้งเมืองหลวงก่อนแล้ว ก็มีเพียงแค่พวกจ้าววิญญาณไม่กี่คนของฉินโม่ที่เพิ่งออกจากการปลีกวิเวกเท่านั้นที่หน้ามืดตามัวไม่รู้เรื่องรู้ราว บุกเข้าไปให้ผู้อื่นสังหาร

ดังนั้นในงานเลี้ยงวันรุ่งขึ้น เมื่อทุกคนเห็นพวกซือหม่าโยวเย่ว์จึงพากันเคารพนอบน้อม เพราะไม่อยากเดินตามรอยกลุ่มโอหัง

งานเลี้ยงส่วนใหญ่ล้วนคล้ายคลึงกันหมด พวกซือหม่าโยวเย่ว์จึงรู้สึกเบื่อหน่าย จึงยุให้เจ้าไก่ฟ้ากลับที่พักตั้งแต่ช่วงบ่าย

มีเจ้าไก่ฟ้าอยู่ ทุกคนจึงไม่กล้าทำตัวยโสโอหังกับพวกเขา ทั้งยังเป็นกังวลด้วยว่าที่พวกเขากลับกันก่อนนั้นเป็นเพราะไปล่วงเกินพวกเขาเข้าหรือไม่

ค่ายกลนำส่งที่มุ่งหน้าไปยังอาณาจักรอู๋กลางจะเปิดใช้ในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นพวกเขาแต่ละคนจึงแยกย้ายกันกลับไปบำเพ็ญ

ทุกคนนึกถึงเรื่องมอบของขวัญให้กับจักรพรรดิจันทร์ประจิมขึ้นมาได้ ซึ่งเรื่องนี้ยกให้ซือหม่าโยวเย่ว์จัดการ

ก่อนกลับห้อง เป่ยกงถังถามเธอว่ามอบสิ่งใดให้จักรพรรดิจันทร์ประจิมเป็นของขวัญ หลังจากได้ฟังแล้วแม้กระทั่งนางเองก็ยังอดหลั่งเหงื่อเยียบเย็นมิได้

พวกเว่ยจือฉีเดินเข้ามาแล้วถามว่า “โยวเย่ว์ส่งของขวัญอะไรให้จักรพรรดิจันทร์ประจิมหรือ”

เป่ยกงถังพูดอย่างเรียบเรื่อย “นางบอกว่านางเลือกสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดจากสิ่งของที่จักรพรรดิจันทร์ประจิมมอบให้กลับไปเป็นของขวัญน่ะ”

“พรืด…”

ทุกคนพากันหัวเราะ เอาของของผู้อื่นส่งกลับไปให้ ถึงแม้ว่าของสิ่งนี้จะสูงค่าเป็นอย่างยิ่ง แต่ส่งกลับไปให้อีกนั้นมิได้เป็นการทำให้ผู้อื่นขายหน้าหรอกหรือ

มีแต่เธอเท่านั้นที่จะทำเรื่องผิดศีลธรรมพรรค์นี้ออกมาได้!

หลังจากงานเลี้ยงเสร็จสิ้นลง จักรพรรดิจันทร์ประจิมก็นึกถึงของขวัญที่พวกซือหม่าโยวเย่ว์ส่งมาให้ขึ้นมาได้ จึงให้ทหารรับใช้ไปหาออกมา อยากจะดูสักหน่อยว่าพวกเขาส่งสิ่งใดมาให้

ตนส่งของมากมายถึงเพียงนั้นไปให้ ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็คงส่งของที่ใช้ได้สักหน่อยมาให้กระมัง

แต่เมื่อเห็นสิ่งของภายในกล่อง จักรพรรดิจันทร์ประจิมก็เสียอาการโดยสิ้นเชิง อยากจะนำของสิ่งนั้นมากระทืบให้แหลกเสีย!

นอกจากนี้ซือหม่าโยวเย่ว์ยังวางแถบกระดาษเอาไว้ในกล่องด้วย ด้านบนเขียนเอาไว้ว่า “ชาวป่าชาวเขาเช่นพวกเราไม่มีสิ่งของล้ำค่าอันใด ทำได้ดีที่สุดเพียงแค่เลือกสิ่งของที่มีมูลค่าสูงที่สุดในตอนนี้ถวายแด่ฝ่าบาทเท่านั้น ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี!”

“เพล้ง!”

ถ้วยน้ำในมือจักรพรรดิจันทร์ประจิมถูกบีบอย่างไร้ปรานีจนแหลกละเอียด

………………………………………