EP.225 แผนการสำเร็จ
“การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น!”
ฉินจิ้นลุกพร้อมสะบัดเสื้อคลุมมังกรและกล่าวอย่างสง่างาม “เฟิงจี้สิง หลินมู่อวี่ หวังว่าพวกเจ้าจะต่อสู้อย่างยุติธรรม ทั้งสองต่างก็เป็นผู้มีพรสวรรค์ของจักรวรรดิ เช่นนั้นต้องระมัดระวังอย่าให้บาดเจ็บ เข้าใจไหม?”
เฟิงจี้สิงและหลินมู่อวี่ที่ยืนบนลานประลองพลันทำความเคารพเฉกเช่นทหารต่อองค์จักรพรรดิ ขณะที่กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
แท้จริงแล้วทั้งคู่เข้าใจดีว่าทุกคนที่นี่ต่างก็เป็นจอมยุทธ์และไม่ต้องการจะพ่ายแพ้ ในเมื่อได้ยืนอยู่บนลานประลองจนถึงรอบสุดท้าย พวกเขาก็อยากจะสู้ให้เต็มที่!
เฟิงจี้สิงจำเป็นต้องชนะในการประลองยุทธ์เพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งในฐานะผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์
หลินมู่อวี่เองก็ต้องการชนะเพื่อพิสูจน์คุณค่าตนเองในผืนแผ่นดินนี้ ดังนั้นจึงไม่มีทางยอมแพ้ พวกเขาคงไม่เดิมพันกับพลังทั้งหมดอย่างที่ฉินเหลยทำ หลินมู่อวี่และเฟิงจี้สิงต่างก็เป็นอัจฉริยะและยังเป็นดั่งพี่น้องร่วมสาบาน ทั้งคู่ไม่มีทางจะใช้กระบวนท่าสังหารกับอีกฝ่ายเด็ดขาด
…
‘ชิ้ง!’
หลินมู่อวี่ชักกระบี่วิญญาณมังกรออกจากฝัก ขณะที่ภาพมายามังกรปรากฏขึ้นรอบใบดาบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์จิตวิญญาณอสูรระดับปราชญ์ จากนั้นก็ถือกระบี่ในท่าทางเยี่ยงนักดาบ
เฟิงจี้สิงค่อยๆ ชักดาบสะบั้นวาโยออกมาพร้อมพูดทั้งรอยยิ้ม “อาอวี่ เจ้าได้เปรียบด้วยศาสตราวุธชิ้นนี้…กระบี่วิญญาณมังกรเป็นอาวุธระดับปราชญ์ ส่วนดาบสะบั้นวาโยของข้าเป็นเพียงระดับนิลชั้นต้นเท่านั้น แค่เรื่องอาวุธข้าก็แพ้เจ้าแล้ว…”
หลินมู่อวี่จึงตอบกลับ “พี่เฟิงคงต้องยอมรับความพ่ายแพ้นี้ แล้วข้าจะช่วยหลอมดาบสะบั้นวาโยใหม่หลังจบการประลองยุทธ์ และยกระดับจิตวิญญาณดาบสะบั้นวาโยให้ถึงระดับปราชญ์ ทว่าพี่เฟิงห้ามบอกใครเด็ดขาด มิเช่นนั้นข้าจะต้องเดือดร้อนเป็นแน่”
เฟิงจี้สิงหัวเราะเบาๆ “เจ้าเด็กนี่ ข้ารู้แล้วว่าเจ้าเชี่ยวชาญด้านการหลอมอาวุธ เอาล่ะ ข้าสัญญา ตราบใดที่เจ้าสามารถหลอมดาบสะบั้นวาโยใหม่ให้เป็นระดับปราชญ์ได้ เช่นนั้นพี่เฟิงก็ไม่สนใจหากจะพ่ายแพ้ในการประลองยุทธ์ครานี้ มาเถิดอาอวี่ เราจะต่อสู้ให้เต็มที่ อย่ากังวลถึงสิ่งใดอีกเลย”
“ขอรับ!”
เฟิงจี้สิงส่งเสียงคำราม ก่อนที่หมาป่าเพลิงสายฟ้าสีม่วงจะคำรามก้องพร้อมประกายอสนีปกคลุมใบดาบ ทันใดนั้น! ก็ตวัดดาบโจมตีอย่างรุนแรง…พายุทะเลทรายคลั่ง!
หลินมู่อวี่คุ้นเคยกับท่านี้ดีจึงถอยออกมาพร้อมเรียกกำแพงน้ำเต้าสีทองอร่ามตระการตาออกมาทันที กระบี่วิญญาณมังกรสั่นเล็กน้อยราวกับกำลังต้อนรับการโจมตีสายฟ้าสีม่วงที่กำลังเข้ามา
‘เปรี้ยง!’
เกิดประกายไฟกระจายทั่วทิศ ไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบจากการปะทะเมื่อครู่ ทั้งสองต่างก็ถูกกระแทกถอยหลัง
เฟิงจี้สิงแอบตกใจ ไม่คิดเลยว่าหลินมู่อวี่จะพัฒนาฝีมือได้เร็วถึงเพียงนี้ เมื่อครั้งที่พบกัน ณ ป่าล่ามังกรครั้งแรก เฟิ้งจี้สิงสามารถบดขยี้หลินมู่อวี่ได้อย่างง่ายดาย เจ้าเด็กนี่มีพรสวรรค์ที่หาได้ยากในรอบร้อยปีอย่างแท้จริง! เมื่อคิดได้เช่นนั้นเฟิงจี้สิงก็พลันรู้สึกตื่นเต้น การสามารถต่อสู้กับอัจฉริยะในรอบร้อยปีเช่นนี้…ถือได้ว่าเป็นสวรรค์ประทานพรสำหรับจอมยุทธ์เลยมิใช่หรือ?
“เพลิง!”
เฟิงจี้สิงก้มศีรษะลงก่อนที่หมาป่าเพลิงสายฟ้าม่วงบนไหล่จะพ่นเปลวเพลิงสีแดงฉานออกมา นี่คือหนึ่งในความสามารถของวิญญาณยุทธ์!
หลินมู่อวี่ไม่คิดดูถูกเปลวเพลิงนี้จึงเรียกปราการเกล็ดมังกรขึ้นมาเสริมทันที! ก่อนที่กำแพงน้ำเต้าทองจะต้านรับเปลวเพลิงที่ลุกโชนอย่างรุนแรง เฟิงจี้สิงมีพลังยุทธ์ที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นวิญญาณยุทธ์ของเขาจึงแข็งแกร่งมาก!
ขณะที่กำแพงน้ำเต้ากำลังต้านรับการโจมตี เฟิงจี้สิงก็พุ่งผ่านเปลวไฟเข้าไปทันที! ใบดาบถูกล้อมรอบไปด้วยทรายสีแดงเพลิงก่อนจะปะทะกับกำแพงน้ำเต้าอย่างรุนแรง!
ทรายอัคนีหลอมทอง!
‘เปรี้ยง!’ กำแพงน้ำเต้าถูกผ่าครึ่งทันที การโจมตีของเฟิงจี้สิงทรงพลังมาก ทว่าหลินมู่อวี่ก็ไม่ยอมแพ้ เขาพลันใช้ฝีเท้าดาวตกวิ่งผ่านเฟิงจี้สิงไปอย่างรวดเร็ว กระบี่วิญญาณมังกรคำรามก้องขณะที่หลินมู่อวี่ตวัดกระบี่เข้าที่หลังเฟิงจี้สิงถึงสามครั้ง!
“ยอดเยี่ยมมาก…”
เฟิงจี้สิงตกตะลึง ไม่คาดคิดว่าทักษะการเคลื่อนไหวของหลินมู่อวี่จะรวดเร็วถึงเพียงนี้ เฟิงจี้สิงวิ่งได้ค่อนข้างเร็ว ทว่าก็เทียบกับความเร็วนี้ไม่ได้เลย!
ฝีเท้าดาวตกมีชื่อที่บอกเป็นนัยแล้วว่ามันเร็วถึงเพียงไหน เป็นเรื่องธรรมดาที่เฟิงจี้สิงจะไม่สามารถเทียบชั้นได้
เฟิงจี้สิงพลันยกดาบสะบั้นวาโยขึ้นป้องกันทันที ขณะเดียวกันหลินมู่อวี่ก็เรียกเถาวัลย์น้ำเต้า มันเลื้อยขึ้นมาพันธนการดาบสะบั้นวาโยอย่างรวดเร็วพร้อมดึงขึ้นไปด้วย
“อะไรน่ะ?!”
เฟิงจี้งตกตะลึง ขณะที่ดาบสะบั้นวาโยกำลังจะหลุดออกจากมือ เขาก็หันไปเห็นหลินมู่อวี่กำลังยกเท้าขวาขึ้นซึ่งปกคลุมไปด้วยริ้วเพลิงมังกรก่อนจะถีบเข้ามา!
เฟิงจี้สิงไม่ใช่คนขี้ขลาด เขากระโจนออกไปพร้อมดาบทันที ก่อนที่เข่าจะกระแทกกับรองเท้าหลินมู่อวี่พอดี ‘เปรี้ยง!’ เฟิงจี้สิงบิดดาบสะบั้นวาโยด้วยความชำนาญเฉือนเถาวัลย์น้ำเต้าขาดครึ่ง! เป็นการหลบหลีกการโจมตีของหลินมู่อวี่อย่างสวยงาม
หลินมู่อวี่แอบชื่นชมการพลิกแพลงสถานการณ์ของเฟิงจี้สิง ขณะเดียวกันเฟิงจี้สิงกระชับดาบไว้แน่นก่อนจะถูกปกคลุมไปด้วยลมใบดาบ จากนั้นก็เกิดพายุโหมกระหน่ำล้อมรอบขณะที่ใช้เพลงดาบเฟิงสิงกระบวนท่าที่สาม!
‘ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง…’
ท้องนภาเต็มไปด้วยใบดาบ หลินมู่อวี่รีบถอยตั้งหลักหลายก้าวก่อนจะเรียกกำแพงน้ำเต้าออกมาป้องกัน จากนั้นก็หลับตาลงปลดปล่อยทักษะชีพจรวิญญาณเพื่อเล็งตำแหน่งของเฟิงจี้สิง ทันใดนั้น! ก็ปล่อยหมัดเสียงปีศาจขึ้นไปบนอากาศอย่างรวดเร็ว!
‘เปรี้ยง!’
หมัดเสียงปีศาจกระแทกกับเกราะปราณยุทธ์ของเฟิงจี้สิงจนเกิดเสียงดังสนั่น ขณะเดียวกันใบดาบหลายสิบเล่มก็พุ่งทะลวงกำแพงน้ำเต้าอย่างรุนแรง!
ด้วยปราณยุทธ์ที่ผลาญไปกับการต่อสู้ หลินมู่อวี่รู้สึกเหมือนไม่สามารถฝืนทนได้อีก สิ่งที่แย่ยิ่งกว่าคือเฟิงจี้สิงปรากฏตัวขึ้นพร้อมสายฟ้าสีม่วงรอบใบดาบท่ามกลางลมกระโชก ท้องฟ้ามืดสลัวราวกับว่าหมาป่าเพลิงสายฟ้าม่วงกลืนกินแสงอาทิตย์ไปจนหมดสิ้น ทันใดนั้น! เฟิงจี้สิงพลันกระโจนขึ้นตวัดดาบอย่างรวดเร็วขณะที่พลังทั้งหมดร่วงหล่นจากฟ้า!
หลินมู่อวี่ต้องป้องกัน!
พลังเจ็ดประทีปปรากฏขึ้นบนแขนของหลินมู่อวี่ก่อนจะประคองกระบี่ด้วยสองมือและกระโจนออกไป ทันใดนั้น! แสงดาวปกคลุมทั่วร่างกาย ขณะที่ใบดาบเปล่งแสงพลังหนึ่งประทีปซึ่งปะทะกับดาบสะบั้นวาโยอย่างรุนแรง!
‘เปรี้ยง!’
เหล่าผู้ชมไม่สามารถมองเห็นร่างของทั้งคู่บนลานประลอง ซึ่งได้ยินเพียงเสียงปะทะกันของปราณยุทธ์ การโจมตีครั้งนี้ก่อเกิดคลื่นกระแทกรุนแรงกระจายไปทั่วลานจนทำให้หลายคนต้องปิดตา
‘วิ้ง วิ้ง…’
ฉินอินยืนตรงหน้าพ่อของนางพร้อมโซ่เทวะสีทองปรากฏขึ้นโดยรอบปิดกั้นสายลมและก้อนกรวดที่ปลิวมา ถังเสี่ยวซีเองก็เรียกจิ้งจอกอัคนีเพื่อสร้างเกราะไฟ ส่วนชวีฉู่เพียงหรี่ตายืนเฉย ก่อนที่ติ่งอัคนีจะปรากฏขึ้นรอบตัว โดยปกติลมและก้อนกรวดเหล่านี้ก็ไม่สามารถทำอันตรายให้เขาได้อยู่แล้ว
ถังเสี่ยวซีกล่าวด้วยรอยยิ้มซุกซน “ผู้บัญชาการเฟิงจี้สิงและมู่มู่เป็นสัตว์ประหลาดชัดๆ ทั้งสองไม่แข็งแกร่งเกินไปหน่อยรึ?”
ชวีฉู่เผยยิ้มจางๆ “เป็นดังที่องค์หญิงถังกล่าว เฟิงจี้สิงและหลินมู่อวี่เป็นอัจฉริยะที่มาเกิดสักครั้งในรอบพันปี นานวันเข้าทั้งสองจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างที่ไม่สามารถจินตนาการได้เลย”
ฉินจิ้นหรี่ตาและเอ่ยถาม “อาวุโสฉู่ เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรกับสองคนนี้หรือ?”
“กระหม่อม?”
ชวีฉู่พลันลูบเคราขาวก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หากให้อาวุโสผู้นี้ออกความเห็นละก็…อนาคตของจักรวรรดิจะเกี่ยวข้องกับทั้งสอง ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ หากให้ทั้งสองรับใช้แผ่นดิน จักรวรรดิฉินจะอยู่รอดปลอดภัย แต่หากว่าไม่ บางทีพวกเขาอาจนำความโกลาหลมาให้พ่ะย่ะค่ะ”
ฉินจิ้นตะลึง “เฟิงจี้สิงภักดีต่อข้าเสมอ เขาจะไม่ก่อกบฏใช่หรือไม่?”
ชวีฉู่หัวเราะ “ฝ่าบาททรงตระหนักเรื่องนี้ดีแล้ว เฟิงจี้สิงและหลินมู่อวี่เป็นดั่งหยกที่ไม่ได้เจียระไน เฟิงจี้สิงเป็นผู้มีความยุติธรรม ส่วนหลินมู่อวี่ก็ซื่อตรง ตราบใดที่ฝ่าบาทมิต่อต้านพวกเขา เช่นนั้นทั้งสองก็ไม่ต่อต้านฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ และอย่างที่กล่าว หากให้ทั้งสองรับใช้ จักรวรรดิฉินคงปกครองแผ่นดินไปได้อีกเป็นพันปี”
ฉินจิ้นแย้มพระโอษฐ์อย่างผ่อนคลายก่อนจะประสานมือ “ขอบคุณท่านอาวุโสฉู่ที่ชี้แนะ”
ชวีฉู่ประสานมือ “ฝ่าบาททรงเคารพอาวุโสผู้นี้เกินไปและไม่จำเป็นต้องอ่อนน้อมกับกระหม่อมเลยพ่ะย่ะค่ะ มิเช่นนั้นกระหม่อมคงมิกล้าชี้แนะสิ่งใดอีก”
ฉินจิ้นแย้มพระโอษฐ์ “ท่านอาวุโสฉู่ถ่อมตนเกินไปแล้ว…จริงสิ หากท่านฉู่ไม่รังเกียจจะอยู่ในตำหนักเจ๋อเทียนเป็นเวลานาน ข้าขอฝากฝังให้ท่านเป็นที่อาจารย์คอยชี้นำการฝึกยุทธ์และคุณธรรมแก่เสี่ยวอินได้หรือไม่?”
ชวีฉู่ตกตะลึง “ฝ่าบาท เรื่องนั้น…”
ฉินอินรีบกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้ม “ท่านอาวุโสฉู่เคยสอนเสี่ยวซีและอาอวี่ เหตุใดจึงสอนให้เสี่ยวอินบ้างไม่ได้?”
“นั่น…ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ…”
ชวีฉู่กล่าวอย่างเคารพ “อาวุโสผู้นี้จะปฏิบัติตามความประสงค์พ่ะย่ะค่ะ”
“ขอบคุณมากท่านอาวุโสฉู่” ฉินอินมีความสุขขณะที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แท้จริงแล้วไม่มีใครสามารถเข้าใจความคิดของนาง เมื่อใดก็ตามที่สามารถขอชวีฉู่เป็นอาจารย์ได้…เมื่อนั้นนางก็จะไม่ได้เป็นเพียงพี่น้องบุญธรรมกับหลินมู่อวี่ ทว่ายังรวมไปถึงเป็นศิษย์น้องด้วย ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองลึกซึ้งไปอีกขั้น
…
ขณะเดียวกันลานประลองก็ลุกเป็นไฟ เฟิงจี้สิงรวบรวมปราณก่อนที่จะปรากฏร่างโปร่งแสงของหมาป่าเพลิงสายฟ้าสีม่วงบนดาบ เปลวไฟลุกโชติช่วงขณะที่ใช้ ’ดาบหมาป่าเพลิงแผดเผา’ อันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว
หลินมู่อวี่เองก็เพิ่มพลังเพื่อใช้สองประทีป ทันใดนั้น! เขาใช้พายุอัสนีพิโรธและสองประทีประบำปีศาจในการโจมตีเดียว!
‘เปรี้ยง!’
ดาบสะบั้นวาโยและกระบี่วิญญาณมังกรต่างก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทั้งสองประจันหน้ากันอีกครั้ง ทว่าครานี้จู่ๆ เฟิงจี้สิงก็ยิ้ม “อาอวี่เจ้าแพ้แล้ว!”
“ฮะ?!”
หลินมู่อวี่ตะลึง ทันใดนั้นก็มีมือปรากฏขึ้นบนไหล่เฟิงจี้สิง!
มือนั้นคือกรงเล็บขนาดยักษ์ของหมาป่าเพลิงสายฟ้าม่วงที่ก่อตัวจากเปลวไฟและสายฟ้า เป็นอีกหนึ่งทักษะพิเศษของวิญญาณยุทธ์หมาป่าเพลิงสายฟ้าสีม่วง…กรงเล็บพิฆาต!
‘เปรี้ยง!’
กรงเล็บพิฆาตกระแทกไหล่หลินมู่อวี่อย่างรุนแรงจนทำให้ปราณแตกกระจายพร้อมกระเด็นออกไป ทั้งสองปะทะกันบนอากาศ ก่อนที่หลินมู่อวี่จะโดนโจมตีลอยตกจากลาน ซึ่งตามกติกาเมื่อใดที่ออกจากลานประลองถือว่าแพ้
เฟิงจี้สิงยอดเยี่ยมมาก เขาหาโอกาสโจมตีจนถึงวินาทีสุดท้าย คงเตรียมตัวเพื่อศึกนี้มาอย่างดี!
………………………………….