ทว่าความหวังของเล่อเหยาเหยากลับสูญเปล่า

เห็นเพียงซือมู่หานหลังได้ยินคำพูดของเธอ พลันส่ายหน้าพร้อมเอ่ยว่า

“ซินเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าหญิงชั่วผู้นี้ทำสิ่งใดกับเจ้า”

“นางทำอันใดข้าหรือ”

เมื่อเห็นซือมู่หานกัดฟันกรอด และภายในดวงตาหงส์ดูโหดเหี้ยมลึกลับ เล่อเหยาเหยาจึงขมวดคิ้วแน่นขึ้น

ก่อนมองบนพื้น เห็นเหนียนซูหลานใช้สายตาถลึงตามองเธออย่างโกรธแค้น

เห็นเพียงบนใบหน้าเหนียนซูหลาน เวลานี้มีรอยฝ่ามือสีแดงประทับอยู่ แก้มด้านขวาแดงบวมเป่ง

มุมปากถูกตบจนเสียหาย เลือดสีแดงสดนั้นไหลซึมออกมาจากมุมปาก เมื่อรวมเข้ากับสายตาโกรธแค้นของเธอ ดูราวกับวิญญาณพยาบาทที่น่าหวาดกลัวตนหนึ่ง

เมื่อเห็นเหนียนซูหลานเช่นนี้ ในใจเล่อเหยาเหยาคล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงรู้สึกไม่สบายใจ

หรือว่าเธอคิดจะ…

“ใช่ ข้าอยากให้เจ้าตาย!”

เสียง ‘ตูม’ ดังขึ้น ก่อนเล่อเหยาเหยาจะรู้สึกเพียงภายในสมองถูกฟ้าผ่าลงมาจนขาวโพลน

แม้บางครั้งเธอจะไม่ชื่นชอบบางคน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าตนจะถูกคนเกลียดชังจนอยากให้ตาย

เพียงเพื่อชายคนเดียว เหนียนซูหลานกลับคิดสังหารเธอ!

สำหรับข้อมูลนี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาตะลึงไม่หยุด

ส่วนซือมู่หานด้านข้าง เวลานี้เอ่ยขึ้นต่อว่า

“หญิงชั่วผู้นี้ ซื้อตัวมือสังหาร คิดอยากสังหารเจ้า ทว่านางกลับไม่รู้ว่ามือสังหารนั้น คือคนในลัทธินอกรีตของพวกเรา ฮึ ช่างเป็นหญิงที่โง่เขลาจริงๆ!”

“อะไรนะ ลัทธินอกรีตหรือ”

หลังได้ยินคำพูดของซือมู่หาน เหนียนซูหลานบนพื้นดวงตาพลันเบิกกว้าง ความโอหังที่มีถูกแทนที่ด้วยความตื่นตระหนก

เพราะเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบเจ็ดปี แม้จะใจดำอำมหิต แต่สำหรับคำว่าลัทธินอกรีต ยังคงหวาดกลัวอย่างยิ่ง

และเมื่อครู่เหนียนซูหลานยังไม่รู้ว่าถูกผู้ใดจับตัวมา

เดิมทีคิดว่าเป็นพวกลักพาตัวเรียกค่าไถ่ จนกระทั่งเธอพบกับเล่อเหยาเหยา และได้ยินคำพูดของซือมู่หาน ร่างกายอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกตะลึง

ทว่าหลังตกตะลึง มองซือมู่หานนั่งอยู่ข้างกายเล่อเหยาเหยาอีกครั้ง ก่อนจะได้ยินชายสองคนเมื่อครู่ที่เอ่ยเรียกเขา ในใจเหนียนซูหลานหวั่นไหว พลันฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงยื่นมือชี้ไปยังเล่อเหยาเหยา ก่อนเอ่ยอย่างตกตะลึงและชั่วร้ายว่า

“เจ้ามันหญิงชั่วช้า ไม่เพียงล่อลวงพี่อวี๋ เจ้ารู้ชัดว่าพี่อวี๋และลัทธินอกรีตอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ เจ้ากลับอยู่ร่วมกับเจ้าลัทธินอกรีต เจ้าทำเช่นนี้ คิดทำร้ายพี่อวี๋หรือ!”

“ข้า ข้าไม่ได้เป็นเช่นที่เจ้าคิด”

เมื่อถูกเหนียนซูหลายเอ่ยถึงเช่นนี้ เล่อเหยาเหยาคิดอธิบาย แต่เห็นชัดว่าเหนียนซูหลานไม่คิดฟังคำอธิบายของเธอ ยังคงด่าทอเธอด้วยคำพูดโหดร้ายอยู่ตรงนั้น

“หญิงชั่วช้าเช่นเจ้า ข้าควรสังหารเจ้าด้วยมือตนเอง ก่อนตัดมือและแขนเจ้าออกมา!”

“เอ่อ”

เมื่อได้ยินคำด่าทอที่โหดเหี้ยมของเหนียนซูหลาน ทำให้เล่อเหยาเหยาขมวดคิ้วมุ่น กลับพลันไม่รู้ควรพูดเช่นไรดี

เพราะไม่ว่าตอนนี้เธอพูดสิ่งใด เหนียนซูหลานก็คงไม่เชื่อเธอ

และคำพูดของเธอ ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง

แต่กลับมีบางคนไม่พอใจมากกว่าเธอ

หลังได้ยินเหนียนซูหลานกล่าวหาเล่อเหยาเหยาอย่างโหดร้าย ซือมู่หานขมวดคิ้วมุ่น ทว่าไม่นานก็คลายลง และกล่าวยิ้มๆ ว่า

“ฮ่าๆ ตัดแขนขาออกมาหรือ ฮืม เป็นความคิดที่ไม่เลวจริงๆ”

“หา เจ้าพูดสิ่งใด”

เมื่อได้ยินคำพูดของซือมู่หาน เหนียนซูหลานที่กำลังด่าทอเล่อเหยาเหยาอย่างโหดร้ายกลับตะลึงงัน

เล่อเหยาเหยาที่อยู่ด้านข้าง รู้สึกไม่เข้าใจที่จู่ๆ ซือมู่หานหัวเราะออกมา

แต่ทันใดนั้น ซือมู่หานกลับยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม เพียงส่งสายตาให้แก่ลูกน้องคนหนึ่ง

ลูกน้องผู้นั้นเข้าใจความหมาย จึงพลันหมุนกายจากไป

จากนั้นได้ยินซือมู่หานเอ่ยว่า

“ซินเอ๋อร์ เจ้าเคยได้ยินเรื่องคนสุกร[1]หรือไม่”

“คนสุกรหรือ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของซือมู่หาน เล่อเหยาเหยาขนลุกชันไปทั้งตัว

เพราะคำว่าคนสุกรนี้ เธอย่อมเข้าใจ

คนสุกร คือการทรมานที่เปลี่ยนคนให้กลายเป็นสุกร

โดยการตัดมือตัดเท้า ควักลูกตา เอาทองแดงกรอกหูให้หูหนวก กรอกยาใบ้เข้าปาก ตัดลิ้นเป็นต้น

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาสั่นเทิ้มทั่วร่าง ก่อนคิดในใจว่าซือมู่หานคงไม่ใช่อยากให้เหนียนซูหลาน…

ขณะเล่อเหยาเหยาคิดอย่างหวาดกลัวในใจ เห็นชัดว่าเหนียนซูหลานก็เข้าใจความหมายของคนสุกร

“ไม่ เจ้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้!”

หลังรับรู้ถึงความหมายของซือมู่หาน เหนียนซูหลานตกใจจนใบหน้าซีดขาว ส่ายหน้าพร้อมถอยหลังไม่หยุด

เมื่อเห็นสีหน้าหวาดกลัวของเหนียนซูหลาน และเห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังของเธอล้วงกระบี่ยาวออกมาตามคำสั่งของซือมู่หาน

สายตาเย็นชาโหดเหี้ยมนั้น ทำให้คนกลัวจนตัวสั่น

หลังสั่นเทิ้ม เล่อเหยาเหยาพลันจับมือของซือมู่หาน ก่อนเอ่ยอย่างตกใจว่า

“ไม่ ขอร้องท่าน ปล่อยนางไปเถิด”

“ซินเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงมีเมตตาเช่นนี้ แม้หญิงสาวผู้นี้ต้องการสังหารเจ้า แต่เจ้ากลับยังอ้อนวอนเพื่อนาง”

สำหรับการขอร้องของเล่อเหยาเหยา ซือมู่หานเอ่ยขึ้นอย่างจนใจ

เล่อเหยาเหยาได้ยิน จึงรู้ว่าเหนียนซูหลานต้องการสังหารเธอ โดยหลักแล้วเธอสามารถไม่อ้อนวอนร้องขอ แต่เพราะเธอไม่หวังให้เธอตายจริงๆ

อาจเพราะต่างเป็นหญิงสาวที่มีอายุไล่เลี่ยกัน อาจเพราะเธอเพียงรักจนขาดสติ ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงหวังให้โอกาสเหนียนซูหลานสักครั้ง

“ขอร้องท่านล่ะ”

“เฮ้อ”

สำหรับการขอร้องของเล่อเหยาเหยา ซือมู่หานเห็นเช่นนั้นรู้สึกจนใจ แต่ว่าสำหรับการอ้อนวอนของเธอนี้ เขาไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้นจึงเห็นซือมู่หานเอ่ยปากพลางถอนหายใจออกมา

“ตกลง ตามใจเจ้า”

ขณะที่ซือมู่หานเอ่ยประโยคนี้จบ เหนียนซูหลานที่ยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาอ้อนวอนเพื่อเธอ ดวงตากลับหรี่ลง ก่อนกัดฟันกรอดเอ่ยคำรามใส่เล่อเหยาเหยา

“หญิงชั้นต่ำ ไม่ต้องแสร้งทำตัวสงสารข้า เจ้าคิดว่าขอร้องแทนข้า แล้วข้าจะให้อภัยที่เจ้าแย่งพี่อวี๋ของข้าไปหรือ พี่อวี๋เป็นของข้า แต่หญิงต่ำช้าเช่นเจ้ากลับแย่งเขาไป นังหญิงชั้นต่ำ ข้าไม่ให้เจ้าตายดีแน่!”

ครั้งนี้เหนียนซูหลานเสียสติไปแล้ว เพราะความฝันตั้งแต่วัยเยาว์ของเธอคือการแต่งงานกับพี่อวี๋ แต่หลังรอคอยมานานหลายปี ในที่สุดก็ได้พบกับพี่อวี๋ แต่เพราะการปรากฎตัวของหญิงชั้นต่ำผู้นี้ พี่อวี๋จึงไม่ชายตามองเธอแม้หางตา จะไม่ให้เธอเกลียดชังได้เช่นไร!

ดังนั้นตอนนี้แม้เธอต้องการรอด เธอยังต้องพูดความเกลียดชังในใจด่าทอออกมา

และครั้งนี้ เหนียนซูหลานด่าทออย่างไม่น่าฟังยิ่งนัก

ซือมู่หานที่คิดปล่อยเธอไปเมื่อได้ยิน อดหรี่ตาหงส์ลงไม่ได้ แววตาปรากฎความเลือดเย็นออกมา

ก่อนยกมุมปากยิ้มอย่างโหดเหี้ยมออกมา

“เจ้าเป็นคนแส่หาเรื่องเอง เด็กๆ เข้ามา”

หลังเสียงเย็นชาของซือมู่หาน ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังเหนียนซูหลาน ชักกระบี่ยาวออกจากฟัก ก่อนฟันลงไปที่ตัวของเหนียนซูหลาน

เหนียนซูหลานเห็นเช่นนั้น ไม่ได้คิดรอให้คนมาสังหารเธออย่างโง่งม จึงพุ่งตัวออกไปด้านนอกทันที

แต่เหนียนซูหลานเพิ่งพุ่งออกไปที่ประตูได้เพียงก้าวเดียว เงาร่างสีแดงพลันปรากฎขึ้นต่อหน้าเธอ

“ฮ่า ๆ คิดหนีไป คงไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น”

เสียงไพเราะของหญิงสาวผู้หนึ่งดังขึ้น ก่อนตามมาด้วยความเย็นชาสาดส่องทั่วทิศ

เล่อเหยาเหยาที่นั่งอยู่ด้านใน ความจริงยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น เพราะได้ยินเพียงเสียงร้องน่าอนาถใจที่รุนแรงพลันดังขึ้นที่ด้านนอก จึงรีบร้อนออกไปดู

ไม่เห็นคงดีเสียกว่า เพราะเมื่อมองเห็นเหนียนซูหลานที่มีแขนขาไม่ครบสมบูรณ์ ตอนนี้ล้มอยู่กลางกองเลือด

แขนขาของเธอถูกตัดออกมาแล้ว

หญิงสาวชุดแดงที่ยืนอยู่กลางกองเลือด ในมือยังถือกระบี่ยาวเปื้อนเลือดเอาไว้ ก่อนยิ้มอย่างอ่อนช้อย

“เจ้าลัทธิ หลัวชางทำดีหรือไม่”

เสียงอันอ่อนช้อยดังออกมาจากปากของหงหลัวชาง

เห็นเพียงหญิงสาวตรงหน้า รูปโฉมงดงามเย้ายวนใจ จนสุดจะเปรียบ

แต่กระบี่ยาวในมือของหญิงสาว และเหนียนซูหลานที่หายใจรวยรินอยู่บนพื้น ทำให้เธอดุจพญายมที่เดินขึ้นมาจากขุมนรก ทำให้คนที่เห็นต่างขนลุกชัน

เมื่อได้ยินคำพูดของหงหลัวชาง ซือมู่หานยิ้มอย่างชื่นชม

“เยี่ยม ทำได้ไม่เลว”

เสียงแฝงความชื่นชม คล้ายกับเจ้านายที่เอ่ยชื่นชมบริวาร แต่ภาพนี้ในสายตาของเล่อเหยาเหยา กลับทำให้เธอขนลุกชัน ร่างกายคล้ายตกอยู่ในถ้ำน้ำแข็งที่มิอาจปีนป่ายขึ้นมาได้

ใบหน้านั้นพลันซีดขาว

เมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติของเล่อเหยาเหยา ซือมู่หานที่กำลังชื่นชมหงหลัวชางอยู่พลันใบหน้ายับย่น ก่อนเอ่ยอย่างกังวล ก่อนคิดเข้าไปประคองเล่อเหยาเหยาที่ร่างกายโอนเอียง

แต่มือยังไม่ทันได้สัมผัสเสื้อของเล่อเหยาเหยา กลับเห็นเล่อเหยาเหยาที่ตกใจมึนงงเป็นไก่ตาแตก คล้ายได้รับความกระทบกระเทือนใจอย่างหนัก กรีดร้องตีโพยตีพายขึ้นมา

“ท่านอย่าแตะต้องข้า”

“ซินเอ๋อร์”

สำหรับเสียงกรีดร้องของเล่อเหยาเหยา ทำให้มือที่ยื่นออกไปของซือมู่หานชะงักค้าง ใบหน้าตะลึงงัน เห็นชัดว่าทำอะไรไม่ถูก

ตรงข้ามกลับซือมู่หานที่เต็มไปด้วยความใส่ใจ สายตาที่เล่อเหยาเหยามองเขา กลับราวพบเจอปีศาจ เดินถอยหลังไปไม่หยุด

“อย่ามาใกล้ข้า ท่านเป็นปีศาจ ท่านเป็นปีศาจ!”

“ไม่ ซินเอ๋อร์ ข้าไม่ใช่…”

ซือมู่หานยังอยากอธิบาย แต่เล่อเหยาเหยากลับปิดตาลง ก่อนหมดสติไปเพราะได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจมากเกินไป

ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง

กลางหิมะขาวโพลน พื้นปกคลุมด้วยน้ำแข็ง มีกลุ่มคนและม้ากำลังมุ่งหน้าขึ้นสู่เขาเทพธิดา

และชายที่เป็นผู้นำนั้น แต่งกายด้วยชุดสีดำ ด้านนอกคลุมด้วยเสื้อคลุมสีดำ ทำให้เขายิ่งดูดุดันมากขึ้น

ความดุดันน่าเกรงขามที่ติดตัวมาแต่กำเนิดนั้น ทำให้เขายิ่งดูไม่ธรรมดา

ทว่าบนใบหน้าเด็ดเดี่ยวเย็นชานั้น คิ้วกระบี่กลับขมวดแน่น เต็มไปด้วยความกังวลใจ

ส่วนซิงและเหม่ยที่ตามติดอยู่ด้านหลังชายชุดดำ เมื่อเห็นเช่นนั้นอดเอ่ยปลอบใจไม่ได้ว่า

“ท่านอ๋อง เมื่อรู้แหล่งกบดานของลัทธินอกรีตแล้ว ครั้งนี้พวกเราต้องช่วยพระชายาออกมาได้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

เหม่ยเอ่ยปากขึ้น และซิงที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นมาทันที

“ถูกต้อง ท่านอ๋องอย่าทรงกังวลเลยพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเหม่ยและซิง เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงเม้มริมฝีปากแน่นอยู่ชั่วขณะ และไม่พูดจา

ดวงตาเย็นชาแคบยาวลึกล้ำคู่นั้น เงยขึ้นก่อนมองไปยังยอดเขาสูง ขาวโพลนด้วยหิมะ

สายลมเย็นพัดผ่าน จนชายเสื้อปลิวไสว เส้นผมดำขลับพริ้วไหวอยู่ด้านหลังของเขา ทำให้เขาดูเย็นชามากขึ้น

…………………………………………………………………………………..

[1] คนสุกร (人彘) คือ บทลงโทษในการประหารขุนนางเก่าในราชวงศ์ฮั่น โดยจะทำการตัดมือ ตัดเท้า ควักลูกตา เอาทองแดงกรอกหูให้หูหนวก กรอกยาใบ้เข้าปาก ตัดลิ้น ทำลายเส้นเสียง ลากตัวไปไว้ในสุขา หรือบางรายอาจจะตัดจมูก โกนหัว โกนขนคิ้วและทายาประเภทที่ขนไม่งอกอีกต่อไป