หลังตื่นนอนก็มีสายเข้าจากสุ่ยเซียน
“เชี่ยนเอ๋อ พรุ่งนี้ฉันบินกลับนะ จะฝากซื้ออะไรไหม?”
“ซื้อน้ำมันหอมระเหยให้ฉันยัง?”
“จองไว้แล้ว เดี๋ยวให้คนไปเอา”
“มีน้ำมันตัวหนึ่งไม่เอาแล้ว เดี๋ยวเธอจดชื่อไว้นะ ส่วนตัวอื่นเอาหมด แล้วก็…”
เสี่ยวเชี่ยนกวาดตามองเพดานสีชมพูแล้วถอนหายใจ
“ฝากซื้อหนังสือตกแต่งบ้านสักสองเล่มสิ”
“ฉันหาบริษัทออกแบบให้เธอก็ได้”
บ้านของเสี่ยวเชี่ยนแต่ละที่ล้วนจ้างบริษัทออกแบบตกแต่งมาทำ ครั้งนี้เสี่ยวเชี่ยนไม่อยาก
“ฉันจะออกแบบเอง เธอซื้อหนังสือมาให้ก็พอ”
เสี่ยวเชี่ยนจะลงมือเอง เธอต้องการแก้ตั้งแต่พื้นฐานเลย
ถึงบ้านนี้จะทุเรศถึงขีดสุด แต่แต่ละจุดล้วนเกิดจากการหาเวลาว่างของเขามานั่งทำ เสี่ยวเชี่ยนไม่อยากให้พื้นที่ส่วนตัวที่เป็นของเธอและเขามีคนอื่นเข้ามาแทรก ต่อให้เป็นดีไซเนอร์ก็ไม่ได้
เธอคุยเล่นกับสุ่ยเซียนสักพัก เสี่ยวเชี่ยนฟังออกว่าน้ำเสียงของสุ่ยเซียนดูแปลกๆ คล้ายกับจิตตก เดิมคิดจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คิดๆดูแล้วคุยผ่านโทรศัพท์ไม่สะดวก พรุ่งนี้เจอกันก็รู้แล้ว
หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ เดิมเสี่ยวเชี่ยนจะกลับบ้านไปดูเวยเวย แต่ระหว่างที่ขับรถผ่านโรงพยาบาลกลางเธอก็เห็นเย่เสียวอวี่จึงเบี่ยงรถเข้าไปแล้วบีบแตรเรียก
“เหม่ยเหวย เธอเองเหรอ…” เย่เสียวอวี่ชะโงกหน้าที่ซีดเซียวมาดู เธอไม่ได้แต่งหน้าซะด้วย
คนที่เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำเสพติดการแต่งหน้าถึงกับหน้าสดออกมาข้างนอก ก็แสดงว่าตอนนี้สภาพจิตใจเธอกำลังย่ำแย่มาก ทั้งเนื้อทั้งตัวอยู่ในสภาพที่ไม่โอเค
“มาเยี่ยมพ่อเหรอ?”
ต่อให้เย่ต้าเชียนจะเลวร้ายแค่ไหนแต่ถึงอย่างไรก็เป็นพ่อของเย่เสียวอวี่ พ่อแท้ๆเกิดเรื่องแบบนี้เย่เสียวอวี่ควรจะไปเยี่ยมตั้งแต่รู้เรื่อง แต่เมื่อวานเธอเฝ้าน้องสาวทั้งคืน ระหว่างพ่อกับน้องสาวเธอเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น ถึงน้องสาวเธอจะไม่ได้เล่าเรื่องที่พ่อเธอทำไม่ดีด้วยให้ฟังเลยก็ตาม แต่เธอก็พอจะเดาได้บ้าง
สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะมาเยี่ยม ขับรถมาถึงแล้วแต่ไม่อยากลงไป ถึงขนาดเกิดความขัดแย้งขึ้นในใจ คิดอยู่แค่เรื่องเดียวว่าถ้าเย่ต้าเชียนไม่ใช่พ่อเธอก็คงดี เธอนั่งคิดหนักอยู่ในรถ แล้วเสี่ยวเชี่ยนก็มาเห็นเข้าพอดี
“เมื่อวานฉันนอนเป็นเพื่อนเวยเวย เวยเวยไม่ฝันร้ายกลางดึก แต่ฉันนอนไม่หลับ” ตอนนี้สมองของเย่เสียวอวี่เบลอไปหมด
“แม่เธอไม่ได้โทรไปฟ้องเรื่องของฉันเหรอ?”
“โทรแล้ว…”
เมื่อวานหลังจากที่พ่อเธอเกิดเรื่อง แม่ก็โทรมาหาเธอสองครั้ง ครั้งแรกตอนที่หมาเพิ่งกัดไข่บอกให้เธอรีบไป เดิมเย่เสียวอวี่ก็อยากไปดู แต่พอนึกถึงเวยเวยที่ชอบตื่นมาร้องไห้กลางดึกเธอจึงไม่ได้ออกไป
หลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนตามตำรวจไปให้ปากคำแล้ว แม่ก็โทรมาร้องไห้คร่ำครวญกับเธออีก บอกว่าเสี่ยวเชี่ยนรังแก รวมหัวกับตำรวจกลั่นแกล้ง
“เกลียดฉันมากกว่าเดิมไหม? ในสมุดโน้ตของเธอคงจะเขียนเพิ่มลงไปว่า ‘ความชั่วร้ายของฉัน’ สินะ?”
เย่เสียวอวี่มีสมุดโน้ตเล่มเล็กๆที่เอาไว้จดเรื่องเม้าท์ซุบซิบของเสี่ยวเชี่ยน อย่างเช่นวันไหนคุยกับผู้ชายคนไหน วันไหนมีผู้ชายมาหาเสี่ยวเชี่ยนบ้าง—อันที่จริงคนที่ไปบ้านเสี่ยวเชี่ยนนอกจากฉิวฉิวกับเลี่ยวฟู่กุ้ยแล้วก็ไม่มีใคร เสี่ยวเชี่ยนก็ได้แต่ปล่อยให้จดไป
“จดแล้ว เมื่อวานเธอไม่ได้กลับมาอยู่เป็นเพื่อนเวยเวย เมื่อวานตอนนอนเวยเวยยังถามฉันอยู่เลยว่าพี่เหม่ยเหวยไปไหน”
นอกจากเรื่องนี้แล้วเย่เสียวอวี่ก็ไม่ได้จดอะไรอีก
เธอไม่เชื่อในสิ่งที่แม่พูดที่ว่าเสี่ยวเชี่ยนจะสะกดจิตหมาให้ไปกัดพ่อเธอได้ มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ
“เธอเกลียดฉันมากไม่ใช่เหรอ โอกาสดีขนาดนี้ไม่เกลียดฉันตามแม่เธอเลยล่ะ?”
“เกลียดเธอก็ต้องแยกด้วยว่าเรื่องอะไร ถ้าไม่มีหลักฐานชัดเจนฉันก็ไม่อยากเกลียดส่งๆ ว่าไปตามเนื้อผ้า”
อันที่จริงในส่วนลึกของจิตใจเย่เสียวอวี่มีความคิดหนึ่งบอกกับเธอว่า ต่อให้เหม่ยเหวยทำจริง เธอก็ไม่คิดจะเกลียดเหม่ยเหวย ไม่ใช่เพราะเธอชอบเหม่ยเหวย แต่เป็นเพราะช่วงหลายวันมานี้เธอต้องเห็นน้องสาวดิ้นรนด้วยความทุกข์ทรมาน เห็นน้องสาวที่ต้องเป็นทุกข์เพราะพ่อแม่ของเธอแล้ว ตราชั่งที่อยู่ในใจเธอก็เริ่มเอนเอียงไปทางเสี่ยวเชี่ยนกับเวยเวย
“ใช้ได้นี่ เธอก้าวหน้าขึ้นนะ คนที่เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำโดยทั่วไปจะมีการฝืนความคิด แต่ตอนนี้เธอเริ่มเรียนรู้การใช้สมองแยกแยะถูกผิดแล้ว ถึงขนาดที่รู้จักเลี่ยงความคิดที่ทำให้ตัวเองสับสน หาเหตุผลที่ตัวเองรับได้มาหักล้าง ยินดีด้วยนะ ถ้าเธอพัฒนาไปเรื่อยๆ โรคย้ำคิดย้ำทำของเธอก็จะ—”
“หายเหรอ?” เย่เสียวอวี่ถามอย่างมีความหวัง
“เปล่า เธอก็แค่เปลี่ยนจากคนเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำที่ชอบทำตัวให้คนไม่ชอบกลายเป็นไม่ได้ทำให้คนเกลียดเท่าไรแล้ว”
“…ฉันชักจะเกลียดเธอมากขึ้นทุกทีแล้วนะ”
“ไปเยี่ยมพ่อเถอะ ตอนนี้เขาน่าจะกำลังทะเลาะกับแม่เธออยู่ ถ้าเขายังมีแรงอยู่อะนะ จริงสิ เดี๋ยวฉันซื้อผลไม้ฝากไปด้วย เธอเอาไปปอกให้เขากินนะ”
“เธอใจดีขนาดนั้นเลย?” เย่เสียวอวี่กำลังจะเปลี่ยนความคิดมองเสี่ยวเชี่ยนใหม่แล้ว
“ฉันเล่นงานที่เรื่องไม่ใช่ที่คน”
เสี่ยวเชี่ยนลงจากรถ ไปซื้อแตงโมลูกเล็กสองลูกจากร้านผลไม้ข้างทาง แตงชนิดนี้ผลเล็ก
เรื่องยั่วโมโหเย่ต้าเชียนนั้นเธอทำได้ไม่มีเบื่อ เย่ต้าเชียนเพิ่งจะไข่หาย ถ้าเห็นของที่มีลักษณะคล้ายกันจะต้องรู้สึกเหมือนถูกเหยียดหยามแน่
“น้องคนสวย แตงของน้องลูกนึงโลนึง อีกลูกโลกว่า ทั้งหมดสองโลกว่าก็ห้าหยวนจ้า” พ่อค้ายื่นแตงโมให้เสี่ยวเชี่ยน
เสี่ยวเชี่ยนพอได้ยินแตงโมสองโลกว่าก็ยิ้มออกมา พ่อค้าเห็นแล้วก็ตะลึง สวยจัง…
ในใจของคนสวยกำลังติดเรท สิ่งที่เสี่ยวเชี่ยนคิดถึงก็คือพี่หลางสองโล อุ๊บ!
“เอาลูกนึงผ่าครึ่งให้หน่อยนะคะ คือลูกนึงผ่าออก อีกลูกไม่ต้องน่ะค่ะ” เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าเย่ต้าเชียนต้องโมโหตายแน่
คนปกติมองก็คือแตงสองลูก แต่สำหรับเย่ต้าเชียนที่เพิ่งสูญเสียไข่ไปนั้น ทุกครั้งที่เห็นก็จะสะเทือนใจ
“เย่เสียวอวี่ เดี๋ยวพอพ่อเห็นเธอก็จะโมโหอย่างหนัก ถ้าเขาคุมอารมณ์ไม่ได้เธอก็บอกเขาว่า ทำความดีสะสมแต้มบุญเอาไว้บ้าง วิธีเดียวที่จะทำให้ใจสงบสุขก็คือไปคุกเข่าขอโทษเวยเวย แล้วไปคำนับ81ครั้ง พูดคำว่าขอโทษ81ที พอเธอพูดจบเขาก็จะโมโหมากแล้วไล่เธอกลับ เธอก็มองเขาเงียบๆสักสิบวินาที แล้วก็บอกเขาว่า ถ้าไม่ไปขอโทษเขาก็จะฝันร้ายต่อไปชาติหน้าไปเกิดเป็นหมาแน่
“เธอรู้ได้ยังไงว่าพ่อฉันจะหัวเสีย? อีกทั้งเธอยังรู้ด้วยว่าเขาฝันร้าย?” เย่เสียวอวี่นึกว่ากำลังนั่งฟังหมอดู เสี่ยวเชี่ยนทำนายอนาคตเป็นด้วย?
“คนที่เข้าใจด้านจิตวิทยานิดหน่อยจะรู้เรื่องผลกระทบทางด้านจิตใจหลังการบาดเจ็บ อวัยวะสำคัญของเขาหายไปครึ่งหนึ่งย่อมส่งผลต่อสภาพจิตใจของเขามาก ถ้านิ่งเฉยสิแปลก เธอไปบอกเขาก็ได้ว่าเธอไปหาหมอดูที่เก่งที่สุดของเมืองนี้มา หมอดูบอกว่าทางเดียวที่จะหลุดจากฝันร้ายได้ก็คือการขอโทษ”
“เขาไม่มีทางขอโทษหรอก อีกอย่างถ้าเขาบอกฉันว่าไม่ได้ฝันร้ายล่ะ?” เย่เสียวอวี่ค่อนข้างรู้จักเย่ต้าเชียนดี เป็นคนที่รักศักดิ์ศรีมาก
“ถ้าเขาไม่ได้ฝันร้ายเธอก็บอกเขาว่า คืนนี้ไม่ฝันร้ายพรุ่งนี้ก็ต้องฝันร้าย ไม่เกินหนึ่งเดือนเขาต้องไปขอโทษเวยเวยแน่นอน หลังจากนี้เขาจะฝันร้ายหนักขึ้นเรื่อยๆ” ติ๊งต่อง เทพเจ้าเชี่ยนเอ๋อมาแล้ว เริ่มเปิดโหมดล้างสมอง!
ผลกระทบทางด้านจิตใจหลังการบาดเจ็บไม่จำเป็นว่าจะทำให้ผู้ป่วยฝันร้ายเสมอไป แต่การไปพูดชี้นำโดยให้เย่เสียวอวี่ซึ่งเป็นลูกสาวไปพูด เย่ต้าเชียนจะต้องฝันร้ายอย่างแน่นอน อีกทั้งยังจะนึกถึงภาพตอนที่ถูกหมากัดอยู่เรื่อยๆ
อย่าคิดจะทำผิดต่อจิตแพทย์เป็นดีที่สุด เพราะจิตแพทย์มีวิธีทำให้คนตายได้เป็นร้อยวิธี
“หลังจากที่เขาขอโทษเวยเวยแล้วเขายังจะฝันร้ายอยู่ไหม?”
“แน่นอน แต่อาการเวยเวยจะดีขึ้นมาก”
“…เธอจะให้ฉันไปหลอกพ่อเหรอ?” เย่เสียวอวี่เข้าใจแล้ว
“เธออยากให้เวยเวยหายไหมล่ะ? จะให้พูดตรงๆหน่อยก็คือ ตอนนี้เธอยืนอยู่ตรงกลางของตราชั่ง ด้านหนึ่งเป็นเวยเวย อีกด้านหนึ่งคือพ่อเธอ ไข่ของพ่อเธอไม่มีทางได้กลับคืนมาแล้ว เงามืดจะเกิดขึ้นในจิตใจเขาตลอดไป เรื่องนี้ใครก็รักษาเขาไม่ได้ แต่เวยเวยยังมีทางหายดี เธอจะเลือกใคร?”
“……” เย่เสียวอวี่เงียบไปสักพัก จากนั้นจึงถามเสี่ยวเชี่ยน
“บอกฉันมาว่าฉันควรช่วยเวยเวยยังไง?”
เสี่ยวเชี่ยนตบบ่าให้กำลังใจเย่เสียวอวี่
“ยินดีด้วย เธอเลือกยืนอยู่ข้าง ‘สวรรค์’”
ปีศาจกับเทวดาล้วนอยู่ในใจของคนเรา คนเราจะกลายเทวดาหรือปีศาจก็ได้ อยู่ที่ว่าเลือกจะเป็นอะไร
ปกติเย่เสียวอวี่ไม่ถือว่าเป็นคนดีอะไร แต่ตอนนี้เธอเลือกที่จะเป็นเทวดา เลือกอยู่ข้าง ‘สวรรค์’
ใครบอกกันว่าการพูดชักจูงต้องทำกับตัวต้นเรื่องเท่านั้น? ถ้าหาตัวช่วยดีๆได้ หาคนที่เย่ต้าเชียนไว้ใจ การชักจูงจิตใจก็ทำได้เหมือนกัน ประธานเชี่ยนรู้สึกว่าความพยายามของตัวเองก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้ว
ว้าว สุด ยอด…ของพี่หลางหนักหนึ่งโล บวกไข่อีกโล อุ๊บ อยากหัวเราะอีกแล้วทำไงดี ช่วยไม่ได้มันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติ
แค่กๆ จริงจังหน่อย ตอนนี้ต้องทำให้เย่ต้าเชียนสำนึก เสี่ยวเชี่ยนตบหน้าตัวเองเรียกสติ หุบยิ้ม แต่พอหันไปเห็นตราชั่งแล้วนึกถึงแตงโมสองโลกว่าเธอก็กลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ ก็มันอดไม่ได้นี่นา ขนาดประธานเชี่ยนเห็นแล้วยังออกอาการขนาดนี้ แล้วนับประสาอะไรกับสัตว์เดรัจฉานตัวนั้น
ไม่พลาดแน่