เย่เสียวอวี่หิ้วแตงโมที่เสี่ยวเชี่ยนตั้งใจเลือกเดินเข้าโรงพยาบาล ยังไม่ทันจะได้เข้าไปในห้องที่พ่อนอนพักอยู่ก็ได้ยินเสียงคนด่าจากข้างในลอดออกมา
“หมอบอกไม่ให้ดื่มน้ำแกจะมาอารมณ์เสียใส่ฉันทำไม!” ดูเหมือนหลุ่ยจือจะหมดความอดทนแล้ว
นับตั้งแต่เย่ต้าเชียนนอนตื่นมาก็เอาแต่หาเรื่อง เห็นใครก็หงุดหงิด เอะอะก็ทำลายข้าวของ ด่าทอเสียงดัง โดยเฉพาะเวลาที่ปวดตรงนั้น เย่ต้าเชียนก็จะพาลไปหมด
“ตอนนี้แกไม่เห็นฉันในสายตาแล้วนี่ คนใจดำอย่างพวกแกไม่ชอบหน้าฉันมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้ฉันมันใช้การไม่ได้แล้วนี่ หึหึ แกคิดจะหนีไปเสวยสุขกับคนที่แกคบไว้ใช่ไหมล่ะ!” เย่ต้าเชียนหาเรื่องด่า
เดิมหลุ่ยจือก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่มีมารยาทมีความอดทนเท่าไร ทนเย่ต้าเชียนมาได้หนึ่งวันก็นับว่าปาฏิหาริย์แล้ว ตอนนี้เขายังมาหาเรื่องด่าอีก เธอจึงหมดความอดทน
“แกทำตัวเองทั้งนั้น ไปหาเรื่องจิ้งจอกนั่นจนถูกมันล้างแค้นให้ ยังจะมาพูด! ฉันจะบอกให้นะ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้เรื่องชั่วๆที่แกทำ! ฉันก็แค่ขี้เกียจจะมานั่งแฉแกก็เท่านั้นแหละ!”
“ไสหัวออกไปเลยไป!”
“คิดว่าฉันอยากอยู่ที่นี่นักเหรอ!”
ทั้งสองคนผลัดกันด่าใส่กัน เย่เสียวอวี่ที่ยืนอยู่ข้างนอกได้ยินหมด เธอรู้สึกแย่มาก
นี่น่ะเหรอครอบครัวเธอ? นี่น่ะเหรอพ่อกับแม่ของเธอ?
แต่ในใจก็อดที่จะรู้สึกนับถือเสี่ยวเชี่ยนไม่ได้
เสี่ยวเชี่ยนบอกว่าพอขึ้นมาแล้วอาจจะเจอพ่อแม่เธอทะเลาะกัน แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
ประธานเชี่ยนมีความแม่นยำในการวิเคราะห์เรื่องต่างๆ แม้แต่เวลาที่พี่ใหญ่มีโปรเจ็คต์งานใหญ่ๆยังต้องรวบรวมข้อมูลของคู่แข่งมาให้เสี่ยวเชี่ยนทำการวิเคราะห์ บางอย่างเสี่ยวเชี่ยนให้คำแนะนำจากความทรงจำเมื่อชาติก่อน แต่ส่วนใหญ่จะทำการวิเคราะห์รอบด้านถึงนิสัยของคู่แข่งพี่ใหญ่โดยอาศัยข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน
มีเธออยู่พี่ใหญ่รู้สึกวางใจมาก ทำงานสำเร็จได้อย่างง่ายๆ เพราะเปอร์เซ็นต์ความผิดพลาดในการวิเคราะห์คนของเสี่ยวเชี่ยนคือศูนย์ น้อยครั้งที่เขาจะเจรจางานไม่สำเร็จ
ขนาดวิเคราะห์งานใหญ่เสี่ยวเชี่ยนยังไม่พลาด แล้วนับประสาอะไรกับการวิเคราะห์คนเลวอย่างเย่ต้าเชียน หลังจากที่เขาได้รับบาดเจ็บแล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ไม่มีทางรอดเงื้อมมือประธานเชี่ยนไปได้
เย่เสียวอวี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วผลักประตูเข้าไป
หลุ่ยจือพอเห็นลูกสาวกลับมาก็รีบทำสีหน้าน่าสงสาร “เสียวอวี่ มาช่วยแม่หน่อย ดูพ่อแกสิ เป็นขนาดนี้แล้วยังมาหาเรื่องแม่!”
เย่เสียวอวี่ยังไม่ทันได้พูดอะไรเย่ต้าเชียนที่ถูกหมอห้ามดื่มน้ำก็ได้กลิ่นแตงโม ความรู้สึกนี้เหมือนคนที่เดินอยู่ในทะเลทรายมาหลายวันแล้วอยู่ๆก็ได้กลิ่นน้ำ เขาทำจมูกฟุดฟิด จากนั้นก็มีท่าทีโมโห
เขาเอื้อมมือไปหยิบมีดตรงหัวเตียงแล้วเหวี่ยงไปทางเย่เสียวอวี่ หลุ่ยจือดึงตัวเย่เสียวอวี่หลบได้ทัน
“แกบ้าไปแล้วเหรอ! จะแทงเสียวอวี่ทำไม!”
“ออกไปให้พ้น! ออกไปให้หมด! แต่ละคนเห็นแล้วน่าหงุดหงิดจริงๆ ฉันซวยพวกแกได้แต่ยืนดู! ออกไป! ไปให้พ้น!”ดวงตาของเย่ต้าเชียนแดงกล่ำ เขามองเย่เสียวอวี่ด้วยสายตาอาฆาตแค้น
ถ้าเป็นแตงโมลูกใหญ่ไม่มีทางเกิดสายตาแบบนี้ขึ้นแน่ แต่นี่กลับเป็นแตงโมลูกเล็ก ทั้งสองลูกยังเรียงกันอยู่ในถุงพลาสติคใส มีหนึ่งลูกถูกหั่นแล้ว แค่เห็นก็น่ากลัว
แตงโมสีแดงๆทำให้เย่ต้าเชียนนึกถึงไข่ที่น่าสงสารของเขาที่ไปแล้วไปลับไม่กลับมา…
“เย่ต้าเชียนสมองแกเพี้ยนไปแล้วหรือไง? บ้าไปแล้วเหรอ? ลูกมาเยี่ยมดูแกทำเข้า”
“พวกแกมันต่ำ!”
“แกสิต่ำ!”
ทั้งสองคนทะเลาะกันเสียงดังโดยไม่อายใคร เย่เสียวอวี่ถือแตงโมยืนอยู่ตรงนั้น รู้สึกเหมือนถูกดึงวิญญาณออกไป เธอไม่อยากยอมรับเลยว่าพ่อแม่แบบนี้คือพ่อแม่แท้ๆของเธอ
ก่อนเดินเข้ามาเธอยังแอบลังเล เธอรู้ว่าถ้าทำตามที่เสี่ยวเชี่ยนบอกก็เท่ากับหลอกพ่อเธอเต็มๆ ถึงเย่ต้าเชียนจะทำผิดแต่เขาก็เป็นพ่อเธอ จะให้เย่เสียวอวี่ไปหลอกพ่อโดยที่ตัวเองไม่รู้สึกผิดคงเป็นไปไม่ได้
แต่พอเห็นเย่ต้าเชียนเป็นแบบนี้ เย่เสียวอวี่ก็ไม่รู้สึกกดดันแล้ว เธอมองออกแล้วว่าเสี่ยวเชี่ยนพูดไว้ไม่ผิด พ่อของเธอมาจนถึงขั้นนี้แล้วยังไม่สำนึกผิดในสิ่งที่ตัวเองทำเลยสักนิด
เขาไม่มีความสำนึกผิดและความคิดที่จะชดเชยให้กับเวยเวยคนที่ถูกเขาทำร้าย หรือถึงขนาดที่ไม่เคยนึกถึงเด็กที่น่าสงสารที่เคยถูกเขากระทำรุนแรงเลยด้วยซ้ำ เขาสนใจแต่ตัวเอง ไม่มีความอยากจะไปขอโทษ
พฤติกรรมแบบนี้ในที่สุดก็กระตุ้นต่อมโมโหของเย่เสียวอวี่ และทำให้เย่เสียวอวี่เลือกที่อยู่ข้าง ‘สวรรค์’พร้อมกับประธานเชี่ยนโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“วันนี้หนูไปหาหมอดูมา เขาบอกว่าเรื่องของพ่อจัดการยาก” เย่เสียวอวี่พูดออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
คนเรายามที่เจอกับความลำบาก ถ้าไม่มีความสามารถในการแก้ปัญหาก็จะเชื่อเรื่องงมงายที่เป็นที่พึ่งทางใจ เย่ต้าเชียนกับหลุ่ยจือสงบลงทันที
“หมอดูบอกว่า บาปที่พ่อทำมันรุนแรงเกินไปช้าเร็วยังไงก็ต้องถูกลงโทษ พ่อจะฝันร้ายหนักขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากฝันร้ายตอนกลางคืนไปจนถึงขั้นที่แม้แต่ตอนกลางวันภาพเหตุการณ์ตอนถูกหมากัดก็ยังตามมาหลอกหลอนในสมอง”
ระหว่างที่เย่เสียวอวี่กำลังพูดเรื่องพวกนี้อยู่ เสี่ยวเชี่ยนก็ขับรถกลับบ้าน เธอเปิดเพลงฟังพลางพูดแบบเดียวกันไปแทบจะพร้อมกับเย่เสียวอวี่ ตอนนี้ถึงเธอจะไม่ได้อยู่ในห้องพักผู้ป่วยด้วย แต่เธอยืมปากเย่เสียวอวี่พูดในสิ่งที่เธออยากพูด
แบบนี้เรียกว่าการพูดชักจูงแบบตอกย้ำ ปกติไม่ได้น่าใช้ได้ผล แต่คนบาปหนาอย่างเย่ต้าเชียนเวลานี้ในใจคงกำลังรู้สึกเคว้งคว้าง หวาดกลัวและโมโห อีกทั้งยังไม่อยากยอมรับความผิด ซึ่งมันทำให้ความฉลาดของเขาลดลง
ดังนั้นการให้คนที่เขาไว้ใจมาพูดอะไรแบบนี้ ต่อให้ปากเขาจะบอกว่าไม่เชื่อแต่ในใจเชื่ออย่างแน่นอน นี่ก็คือความลับที่ว่าทำไมหมอดูถึงได้หลอกคนมีเงินได้เยอะแยะมากมาย
หมอดูที่สามารถหลอกต้มคนรวยได้ หากมองในบางแง่มุม พวกเขาย่อมมีความรู้ในทางจิตวิทยาอยู่บ้าง ในทางกลับกัน เสี่ยวเชี่ยนที่เป็นนักจิตวิทยาที่เก่งกาจขนาดนี้ หากอยากจะหลอกใครขึ้นมาย่อมได้ผลเป็นที่น่าตกใจ
ถึงตอนนี้ประธานเชี่ยนจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่เย่เสียวอวี่ได้กลายเป็นปากให้เธอ กำลังพูดจาหลอกให้เย่ต้าเชียนเชื่อตามที่เธอสอน
“ไร้สาระ ออกไปให้พ้น! ฉันไม่ได้ฝันร้าย! ฉันไม่เคยทำเรื่องแบบนั้น!” เย่ต้าเชียนร้อนตัว แต่ยังคงปากแข็ง
“หมอดูยังบอกอีกว่า ไม่เกิดสามวันพ่อจะฝันร้ายต่อเนื่องกัน เขาให้หนูมาบอกพ่อว่า คนเราทำอะไรสวรรค์กำลังมองดูอยู่ พ่อทำหรือไม่ทำอะไรใจของพ่อรู้ดี”
ตอนที่เย่เสียวอวี่พูดตามบทที่เสี่ยวเชี่ยนบอก ในใจแอบหวังให้พ่อปฏิเสธเสียงแข็ง หวังว่าพ่อเธอจะไม่ได้ทำเรื่องพวกนั้น แต่ปฏิกิริยาของพ่อกลับทำให้เธอเสียใจ เย่ต้าเชียนมีสีหน้าร้อนตัว หรือถึงขนาดที่ดูหวาดกลัวด้วยซ้ำ ถึงเขาจะแสร้งทำเป็นไม่แคร์ แต่เย่เสียวอวี่มองออก
“ฉันไม่ได้ทำ…”
“ถ้าอยากจะล้างบาปให้จางลงพ่อต้องไปคุกเขาต่อหน้าเวยเวยอย่างจริงใจ คำนับ81ที พูดว่าขอโทษ81ครั้ง ถ้าเวยเวยให้อภัยเรื่องก็จบ แต่ถ้าเวยเวยไม่ให้อภัยชาติหน้าพ่อก็จะ…ไปเกิดเป็นหมา”
คำพูดพวกนี้เธอไม่ได้พูดนะ หมอดูเชี่ยนเอ๋อเป็นคนบอก