ตอนที่ 237 : ผู้ตรวจสอบ 4 ดาว

ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统)

ตอนที่ 237 : ผู้ตรวจสอบ 4 ดาว

เหตุผลหลักที่หวังเย่ามายังมิติป่าแห่งนี้ก็เพื่อฟักผึ้งเหล่านี้และสร้างกองทัพทหารอากาศขึ้นมา

สำหรับเรื่องอื่นแล้วเป็นแค่ผลที่ตามมา

ด้านล่างทางออกนั้นถูกล้อมรอบด้วยสถานที่แห่งหนึ่ง มันถูกสร้างเป็นอาคารที่พักอาศัย ลานตากข้าวและโกดังเก็บเมล็ดพืช เพื่อให้เหล่าทหารรับจ้างและชาวนาได้อาศัยอยู่ เมื่อเมล็ดข้าวที่นี่ถูกตากจนดีแล้ว พวกเขาก็จะใส่ลงในกระเป๋ามิติเพื่อนำกลับไปที่เมือง

อุณหภูมิในมิติลับแห่งนี้สูงสุดอยู่ที่ 40 องศา ต่ำสุดอยู่ที่ 27-28 องศา มันไม่ค่อยมีฝนตกมากนัก ดังนั้นจึงสามารถตากข้าวที่นี่ได้

หวังเย่าเห็นว่ามีพวกคนตัดไม้กำลังถางป่าเพื่อเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกอยู่

“ไปกันเถอะ” หวังเย่าโอบเอวของฟ่านฉิงเหมยเอาไว้ก่อนจะกระโดดลงไป

ฟ่านฉิงเหมยหน้าแดงขึ้นมา เธอดิ้นเล็กน้อย “มีคนมองตั้งเยอะ”

“ไม่เป็นไรหรอก เราแสดงความรักแบบนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา” หวังเย่ายิ้มออกมา

หลังจากที่ลงไปแล้วพวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังเขตที่พัก ที่นั่นมีทีมทหารรับจ้างประจำการอยู่ หัวหน้าทหารรับจ้างได้ยินข่าวเรื่องเขาก็ได้ออกมาพบกับหวังเย่า หลังจากที่อ่านเอกสารแล้ว เขาก็แสดงท่าทีสุภาพออกมาทันที “คุณสองคนเชิญมากับผม”

ทั้งสองได้ตามหัวหน้าทหารไปทันที พวกเขาเดินผ่านบ้านและลานตากข้าวรวมไปถึงพบกับพวกหมาในกลายพันธุ์ที่ถูกล่ามเอาไว้

เมื่อเห็นว่าหวังเย่าแสดงท่าทีสงสัยออกมา หัวหน้าทหารก็ได้อธิบาย “มิติป่าแห่งนี้ไม่มีสัตว์อสูรที่น่าสนใจ มีนกแค่ไม่กี่สายพันธุ์ หมาในพวกนี้ถูกทำสัญญาเอาไว้ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีนกมาขโมยพืชผลของเรา มันก็จะเห่าและไล่พวกนั้นออกไป”

หวังเย่าพยักหน้าและถามขึ้นมา “แล้วนกที่ตัวใหญ่ที่สุดนั้นตัวใหญ่แค่ไหนกัน ? ”

หัวหน้าส่ายหน้าและพูดขึ้น “ มันไม่คู่ควรให้พูดถึง นกทั่วไปอยู่ระดับทองแดง มีระดับเงินแค่ไม่กี่ตัว ส่วนระดับทองนั้นไม่มีเลย ฉันเคยได้ยินคนบอกว่านกระดับสูงสุดคือนกกระจอกเทศขาว มันอยู่เลเวล 30 ขนาดของมันสูงประมาณ 3-4 เมตร ”

“มันไม่น่าสนใจจริง ๆ นั่นแหละ ดูเหมือนว่ามิติลับแห่งนี้ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แม้แต่ก๊าซลึกลับในอากาศก็น้อย” หวังเย่าถอนหายใจออกมา แต่สำหรับเขาแล้ว ที่นี่เป็นที่ที่ดีในการเก็บผึ้งแปดปีกเอาไว้โดยมีนกพวกนั้นเป็นอาหาร

หลังจากที่เดินมาได้สักพักทั้งสองก็มาถึงเขตที่พักอีกแห่ง หัวหน้าได้พูดขึ้น “บ้านพวกนี้พักสบายกว่าบ้านหลังอื่น ๆ ปกติแล้วจะใช้ต้อนรับแขก พวกคุณเลือกได้เลย”

หัวหน้าเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าหวังเย่าโอบเอวฟ่านฉิงเหมยตอนกระโดดลงมา เขามองออกอยู่แล้วว่าทั้งสองคนคงเป็นคู่รักกัน การอยู่บ้านหลังเดียวกันคงไม่ใช่ปัญหาอะไร

หวังเย่าพยักหน้าก่อนจะจูงมือฟ่านฉิงเหมยเดินไปยังบ้านหลังหนึ่ง

ไม่นานหวังเย่าก็เลือกบ้านที่อยู่ไกลที่สุด แต่ห้องด้านในเล็กอย่างมาก มันมีห้องนั่งเล่นและห้องครัวอยู่ด้วย

“พวกคุณอยากให้เรามาส่งอาหารกับน้ำรึเปล่า ? ” หัวหน้าถามขึ้นมา

“ไม่ เราจะจัดการเรื่องนี้เอง ถ้าเราไม่อนุญาตก็ไม่ต้องมา ไม่มีปัญหาอะไรสินะ ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา

“ไม่มีปัญหา เรามีธุระของตัวเองที่ต้องทำ” หัวหน้ายิ้มก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไป

“เราไปกันเถอะ” หวังเย่ายิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

“ไม่ ใครจะไปรู้ว่านายคิดจะทำอะไรบ้าง ? ” ฟ่านฉิงเหมยกรอกตาใส่

ถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่เหมือนร่างกายของเธอจะไม่เชื่อฟัง หวังเย่าอุ้มเธอขึ้นและพาเธอเข้าไปในบ้าน เมื่อเข้ามา หวังเย่าก็พบกับโต๊ะที่สภาพไม่สู้ดีนัก เขาจึงเอาโซฟาออกมาจากกระเป๋ามิติแทน

หลังจากที่หยอกล้อกันได้สักพัก ทั้งสองคนก็พากันลุกขึ้นและจัดแจงเสื้อผ้าตัวเอง

“เราจะพักในบ้านหลังใหม่เดือนหน้า เมื่อฉันขึ้นไปถึงระดับ S ได้ ฉันจะแต่งงาน”

“อยู่ด้วยกันงั้นหรือ ? ” ฟ่านฉิงเหมยถามขึ้นมา

“ใช่ อยู่ด้วยกัน ฉันจะแต่งงานกับพวกเธอทั้งสองคน” หวังเย่าพูดออกมาด้วยท่าทีที่มุ่งมั่น

ไม่รู้ว่าการแต่งงานกับผู้หญิงสองคนพร้อมกันนั้นจะโดนนินทาว่าอะไรบ้าง ?

แต่เขาไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เขาเป็นคนเปิดเผยอยู่แล้ว เขาไม่ได้สนใจความคิดของคนอื่น

ฟ่านฉิงเหมยซบไปที่อกของหวังเย่า ก่อนจะพึมพำออกมา “ก็ดี”

หลังจากที่พักได้ไม่นาน ทั้งสองก็เริ่มกลับไปฝึกฝน หวังเย่ายังคงฝึกทักษะพายุสังหารและศึกษาหินกฎไฟอยู่ อันแรกนั้นถือว่าดี เขาฝึกไปถึงส่วนที่ 4 แล้ว แต่อันหลังนั้นเขาไม่ได้เบาะแสอะไรมาก เขารู้สึกว่ามันลึกลับกว่ากฎพายุเสียอีก หากไม่เพ่งสมาธิให้ดีแล้ว มันก็ยากที่เขาจะสร้างลูกธนูไฟขึ้นมาได้

ฟ่านฉิงเหมยยังคงฝึกฝนวิถีนักรบของตัวเองต่อ ตอนนี้เธอฝึกทักษะดาบระดับ 5 อยู่ พลังของมันไม่อาจจะประมาทได้

เมื่อเห็นแบบนั้นหวังเย่าก็เอาอัญมณีความทรงจำออกมาและสอนวิธีการใช้งานให้กับเธอ

ใช้เวลาไม่นานฟ่านฉิงเหมยก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าหลังจากดูดซับพลังในอัญมณีความทรงจำเข้าไป ฝึกเพียง 3 นาทีก็สามารถย่นเวลาการฝึกของเธอได้กว่าครึ่งเดือน

หวังเย่าเอาอัญมณีความทรงจำให้กับเธออีก 20 เม็ด มันเพียงพอที่เธอจะฝึกทักษะของเธอขึ้นไปถึงระดับสูงสุดได้

หวังเย่ามีอัญมณีความทรงจำทั้งหมด 200 เม็ด เขาใช้มันไป 30-50 เม็ดแล้ว เขาเหลืออยู่ไม่มาก ดังนั้นเขาจึงใช้มันอย่างประหยัด แน่นอนว่าหากคนใกล้ชิดของเขาจำเป็นต้องใช้มัน เขาก็จะให้โดยไม่ลังเล

ยังไงซะมันก็มีโอกาสที่จะได้สมบัติกลับมาหากมีความแข็งแกร่งมากพอ

เวลาในการฝึกฝนมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในพริบตาก็มาถึงวันที่ 16 กันยายน ในตอนบ่ายหัวหน้าได้นำทางคนกลุ่มหนึ่งมาที่บ้าน

“มาแล้วงั้นหรือ ? ” หวังเย่ายิ้มออกมาและหยุดการฝึก

“หวังเย่า นายบอกฉันให้เชิญพวกเขามา มาสิ ฉันจะแนะนำให้รู้จักเอง” เฉี่ยนเจินเฉียนพูดขึ้น “นี่คือผู้ตรวจสอบฮวงเทียนเจวี๋ยน นี่คือผู้ตรวจสอบจางจื้อเฉียง นี่คือผู้ตรวจสอบไป๋พั่วหล้าง”

เมื่อแนะนำเสร็จ เฉี่ยนเจินเฉียนก็ได้บอกกับทั้งสามคน “นี่คือหวังเย่า เด็กหนุ่มที่สร้างผลงานมากมายในปีนี้ พวกนายอย่าดูถูกเขาไปเชียว เขาน่ะเป็นผู้ดูแลระดับสูง”

ทั้งสามคนเป็นชายวัยกลางคน ฮวงเทียนเจวี๋ยนแก่ที่สุด เขาสวมชุดสีม่วงปักด้วยลายคาดสีทอง เขามีจมูกที่โด่งและแก้มที่ตอบ แต่สายตากลับดูลุ่มลึก

จางจื้อเฉียงสวมชุดสีฟ้า เขายังหนุ่มแน่น เขาแผ่พลังชีวิตที่ไม่อาจจะอธิบายได้ออกมา และดูเหมือนเป็นคนไม่มีอารมณ์ขัน แม้ว่าเฉี่ยนเจินเฉียนจะแสดงท่าทีเป็นกันเองออกมา แต่เขาก็แค่ยืนนิ่งราวกับเฉยชากับทุกอย่าง

ไป๋พั่วหล้างสวมชุดเกราะ แววตาของเขาคมกริบและแผ่คลื่นพลังอันดุดันออกมาราวกับว่าเป็นดาบที่ถูกชักออกจากฝัก หากจับก็มีแต่ต้องเจ็บตัว

หวังเย่าทักทายกับทั้งสามคนและพูดขึ้น “ผม หวังเย่า ยินดีที่ได้พบกับผู้ตรวจสอบทุกคน”