ตอนที่ 238 : สร้างกองทัพ

ตอนแรกหวังเย่าคิดว่าเฉี่ยนเจินเฉียนคงพูดคุยไม่เก่งนัก ยังไงซะเขาก็ดูสุขุมและไม่ได้เป็นคนช่างพูด แต่สามคนนี้กลับดูปากหนักยิ่งกว่า ตอนที่เฉี่ยนเจินเฉียนแนะนำทุกคนนั้น ทั้งสามคนต่างก็พากันแสดงท่าทีเหมือนไม่เต็มใจออกมา

มีแค่ฮวงเทียนเจวี๋ยนเท่านั้นที่กัดฟันแน่นและยิ้มออกมา “หวังเย่า ฉันเคยได้ยินหลานฉันพูดถึงนายบ่อย ๆ จริงสิ หลานฉันเองก็เป็นนักศึกษาของมหาลัยหัวเซี่ยเหมือนกัน อยู่ปีหนึ่งและปีสอง”

“หือ พวกเขาพูดถึงผมว่ายังไง ? ” หวังเย่ายิ้มออกมา อันที่จริงเขาไม่ต้องถามคำถามนี้ก็พอเดาคำตอบได้

“ก็ไม่มีอะไรมาก” ฮวงเทียนเจวี๋ยนโบกมือเมื่อเห็นว่าเฉี่ยนเจินเฉียนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ “ที่เรียกเราสามคนมานี้ก็เพื่อให้มาพบเขางั้นหรือ ? ”

คนที่มีฐานะใหญ่โตแบบพวกเขานั้น แม้ว่าหวังเย่าจะไม่ธรรมดา แต่ก็ยากที่จะได้รับความสนใจจากพวกเขา ยังไงซะพวกเขาก็เหมือนอยู่กันคนละโลกกันอยู่แล้ว

เฉี่ยนเจินเฉียนลูบจมูกและพูดขึ้นมา “อันที่จริงฉันเองก็ไม่อยากพาพวกนายมาพบกับหวังเย่าเท่าไหร่หรอก”

“นายหมายความว่ายังไง ? นายคิดจะล้อเล่นกับเรารึไง ? ” ไป๋พั่วหล้างเบิกตากว้าง “เราเสียเวลาครึ่งวัน งั้นนายให้ค่าเสียเวลาฉันสัก 10 ล้านละกัน”

“ฉันเองก็ด้วย” จางจื้อเฉียงเองก็พูดขึ้นมา

ฮวงเทียนเจวี๋ยนยักไหล่และพูดขึ้น “น้องเฉี่ยน นายพาเรามาพบกับเด็กนี่น่ะหรือ ? นี่ไม่ตลกเลย ถ้ามีอะไรจะพูดก็รีบพูดมาเถอะ เวลาของเรามีค่า ไม่กี่นาทีเราก็ฆ่ากลุ่มสัตว์อสูรได้แล้วดีกว่าจะมาเสียเวลาอยู่ที่นี่เปล่า ๆ นายก็รู้ถึงสถานการณ์เมื่อไม่นานมานี้ ฉันน่ะต้องนำทหารหลายหมื่นคนไปยึดครองมิติเทา ถ้านายไม่ยืนกรานบอกให้ฉันมาที่นี่ ฉันคงไม่สนใจนายหรอก”

หวังเย่าแปลกใจกับการยึดมิติเทา พระเจ้า มิติเทาเป็นมิติ 5 ดาวแต่ต้องใช้คนหลายหมื่นคนในการเข้าโจมตีงั้นหรือ ?

ในหัวเขาคิดถึงข้อมูลของมิติเทา มันตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองหัวเซี่ยห่างออกไปประมาณ 1,200 ไมล์ ทั้งมิติเทานั้นระยะการมองเห็นมีจำกัด สัตว์อสูรด้านในไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก ส่วนใหญ่แล้วเก่งเรื่องการซ่อนตัวเสียมากกว่า

เฉี่ยนเจินเฉียนยิ้มและพูดขึ้นมา “แล้วยังไง ? ฉันบอกไปแล้วว่าหวังเย่าน่ะไม่ธรรมดา เขาเป็นผู้ดูแลระดับสูง”

“ฉันรู้เรื่องนี้แล้ว ว่ากันว่าเขาได้ตกลงกับกิเลนไฟในมิติเทือกเขาหินโม่ กิเลนไฟได้ส่งแร่ไฟให้กับเขาแลกกับการช่วยวิวัฒนาการลูกทั้งสามของมัน” จางจื้อเฉียงพูดขึ้นมา

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเราด้วย ? ทำไมนายต้องเรียกเรามาที่นี่ นายจะให้หวังเย่าตรวจสอบอสูรของเรารึไง เราไม่ได้ใส่ใจอะไรหรอกนะ มันเป็นเรื่องดีที่วิวัฒนาการอสูรได้ แต่ว่าเรามีเงินจ่ายค่าวิวัฒนาการ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเสียเวลาถ่อมาที่นี่ เรื่องการวิวัฒนาการอสูรน่ะขึ้นอยู่กับโชค แถมยังใช้เวลาหลายเดือน ใครจะมั่นใจได้ 100% ว่าจะวิวัฒนาการได้สำเร็จ” ไป๋พั่วหล้างพูดขึ้นมา

เฉี่ยนเจินเฉียนส่ายหน้าและพูดขึ้น “หลายเดือนงั้นเหรือ ? นายคิดมากเกินไปแล้ว”

เฉี่ยนเจินเฉียนสะบัดมือก่อนจะมีมังกรตัวยาวกว่า 20 เมตรจะออกมาจากกำไลและบินขึ้นไปบนท้องฟ้า

“มังกรเพลิงงั้นหรือ ? นายได้มังกรเพลิงมาตอนไหนกัน ? ” ทั้งสามคนต่างก็พากันแปลกใจ มังกรนี่อยู่ระดับศักดิ์สิทธิ์ แถมพรสวรรค์ก็สูง เมื่อเติบโตขึ้นมาพลังของมันก็จะสูงตามไปด้วย

ในบรรดาสามคนนี้ มีแค่จางจื้อเฉียงที่มีอสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ที่ชื่อครุฑทะยานฟ้า ส่วนอีกสองคนนั้นไม่มี

เฉี่ยนเจินเฉียนพูดขึ้นมา “ตอนสิ้นปีที่แล้วฉันได้ไปที่มิติไฟมาและได้ร่วมมือกับหวังเย่า ฉันรับหน้าที่ล่อมังกรเพลิงออกไป ส่วนเขารับหน้าที่เข้าไปในรังของมันและได้ไข่นี่มา ฉันไปหาผู้ดูแลมาหลายคนแต่ก็ไม่มีใครฟักมันออกมาได้ ตอนนั้นหวังเย่าที่ได้แร่ไฟก็โทรหาหลี่ว่านเฟิงให้มาช่วย หลี่ว่านเฟิงได้พาเขามาพบกับฉัน จากนั้นฉันกับหลี่ว่านเฟิงก็ได้ดื่มด้วยกันไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก ฉันได้ให้ไข่นี่กับหวังเย่าเพื่อให้เขาฟักมัน เขาฟักมันได้ในเวลาไม่ถึง 10 นาทีด้วยซ้ำ”

“ไม่ถึง 10 นาทีงั้นหรือ ? ” ทั้งสามคนต่างก็แสดงสีหน้าแปลกใจออกมายิ่งกว่าเก่า พวกเขาพากันมองไปที่หวังเย่า นอกจากจะหน้าตาหล่อเหลาและยังเด็กแล้ว หวังเย่าก็ดูไม่มีอะไรที่พิเศษเลยแต่เด็กนี่กลับเป็นสุดยอดผู้ดูแลงั้นหรือ ?

หวังเย่ายิ้มจาง ๆ และไม่ได้สนใจสายตาของทั้งสามคน

“ฉันจะเชื่อนายก็ได้” จางจื้อเฉียงพยักหน้าให้กับเฉี่ยนเจินเฉียน “งั้นให้หวังเย่าช่วยตรวจสอบอสูรของเราที หากเขาช่วยวิวัฒนาการมันได้ งั้นเราก็จะขอบคุณอย่างมาก”

อีกสองคนที่เหลือต่างก็รีบพยักหน้า

เฉี่ยนเจินเฉียนมองไปที่หวังเย่าเป็นเชิงถามว่าหวังเย่าคิดยังไง

แต่หวังเย่ากลับปฏิเสธทันที “ผู้ตรวจสอบทั้งสาม แม้ว่าผมจะให้ลุงเฉี่ยนเชิญทั้งสามคนมา แต่ที่เชิญมาครั้งนี้ไม่ได้เชิญมาพบกับผม ผมไม่ได้คิดจะตรวจสอบอสูรให้กับคุณทั้งสามคน”

“แล้วนายเรียกพวกเรามาทำไม ? ” ไป๋พั่วหล้างพูดขึ้นด้วยท่าทีร้อนใจ พวกเขาเสียเวลามาครึ่งวันแล้วแต่ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย

“พวกนายจับตาดูให้ดี” เฉี่ยนเจินเฉียนยิ้มออกมา

“ใช่ จับตาดูให้ดี” หวังเย่าพยักหน้า

“ให้เราดูอะไร มันคุ้มค่าที่เราต้องมาดูด้วยรึไง” ไป๋พั่วหล้างพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

หวังเย่าไม่ได้สนใจคำพูดของอีกฝ่ายแต่กลับถามขึ้น “ก่อนที่โลกจะเปลี่ยนแปลงไป กองทัพนั้นแบ่งออกเป็นหลายประเภทอย่างกองทัพบก, กองทัพเรือและกองทัพอากาศรวมไปถึงกองทัพพิเศษ, ช่างและอื่น ๆ แต่ทำไมหลังจากที่โลกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ถึงไม่มีกองทัพพวกนี้อยู่ ? ”

“ยังจะถามอีก ทหารรับจ้างทำสัญญากับอสูรแตกต่างกันไป ในหมู่ทหารรับจ้างพันคน มันยากที่จะหาอสูรที่เหมือนกันได้ เมื่อเป็นแบบนั้นแล้วจะตั้งกองทหารแบบเดียวกันขึ้นมาได้ยังไง ? ” จางจื้อเฉียงขมวดคิ้ว

“ถ้าเป็นแบบนั้นงั้นผมก็มีทางออก” หวังเย่าหัวเราะออกมา

“ทางออกอะไร ? ” ไป๋พั่วหล้างหมดความอดทน

หวังเย่าทำเหมือนไม่ได้ยินที่อีกฝ่ายพูด “ผมเพิ่งกลับมาจากมิติดวงจันทร์ ผมได้ของกลับมาเป็นจำนวนมากและจะนำมาแสดงให้ทุกคนได้เห็น”

ในตอนที่พูดนั้นก็มีรังผึ้งสูงกว่า 10 เมตรลอยออกมาจากกระเป๋ามิติของเขา ในรังนั้นมีไข่ผึ้งอยู่หลายพันใบ

ทั้งสามคนรวมไปถึงเฉี่ยนเจินเฉียนต่างก็พากันมองไปที่รังผึ้งด้วยความสงสัย “รังผึ้งงั้นหรือ ? นี่นายคิดจะฟักไข่ผึ้งพวกนี้และใช้มันสร้างกองทัพขึ้นมางั้นหรือ ? ”