ตอนที่ 403 ก่อนจะตัดขาดความสัมพันธ์ก็ต้องแบ่งสมบัติก่อนสิ / ตอนที่ 404 ดูกันว่าใครจะอยู่ใครจะไป

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 403 ก่อนจะตัดขาดความสัมพันธ์ก็ต้องแบ่งสมบัติก่อนสิ

ขณะนั้นเอง มีเสียงเครื่องยนต์จากด้านนอกดังเข้ามาในห้องรับแขกก่อนที่เสียงปิดประตูรถจะดังตามมา

ทุกคนมองไปทางด้านประตู ไม่นานนักก็ได้เห็นร่างเพรียวบางของเฉินฝานซิงปรากฏสู่สายตา

เฉินเชียนโหรวขมวดคิ้วมุ่น

สีหน้าของเจียงหรงหรงถอดสีอย่างกะทันหัน “เธอมาได้ยังไง”

“ในระหว่างที่ยังไม่ได้แบ่งสมบัติ ประธานเจียง บ้านหลังนี้ก็ยังมีส่วนของฉันอยู่”

“เหอะ ก่อนหน้านี้ใครกันที่พูดปาวๆ ว่าจะตัดขาดความสัมพันธ์”

เฉินฝานซิงยิ้มบางๆ “ต่อให้ตัดขาดความสัมพันธ์ แต่ก็ต้องเอาของที่ควรจะเป็นของฉันมาก่อนสิ”

เธอพูดในขณะที่มองคนใช้กำลังลากกระเป๋าสัมภาระเข้ามาวางตรงหน้าเธอ “ย้ายไปไว้ที่ห้องฉันเลย”

คนใช้คนนั้นตะลึงงัน พร้อมกับหันไปมองทางเจียงหรงหรงด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน

เจียงหรงหรงยังคงสงบอารมณ์ไม่ได้หลังจากโมโหเรื่องที่เธอมาที่นี่เพราะเรื่องแบ่งสมบัติ “เธอยังจะอยู่ที่นี่อีกเหรอ”

“มีปัญหาอะไรเหรอ” เธอพูดก่อนจะหยุดนิ่งไป พลันส่ายสายตาไปยังเฉินซั่งหวาที่นั่งหน้าขรึมอยู่ด้านข้าง ก่อนจะพูดนิ่งๆ “ดูเหมือนสกุลเฉินจะไม่ยอมรับฉัน…”

“คุณหนูใหญ่สั่งให้แกขนของขึ้นไป ไม่ได้ยินหรือไง”

เฉินฝานซิงยังไม่ทันพูดจบ น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของเฉินซั่งหวาก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

“จะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ”

คนใช้สะดุ้งตกใจ รีบขนกระเป๋าสัมภาระขึ้นไปชั้นบนทันที

“เสิร์ฟอาหารเลย กินข้าวด้วยกันสิ”

เดิมทีเฉินฝานซิงตั้งใจจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นสีหน้าเหยเกของหลายคนที่อยู่ตรงหน้าแล้ว เธอกลับยิ้มออกมา “ได้ค่ะ”

ทุกคนพากันเดินไปยังห้องอาหาร มีเพียงเฉินเชียนโหรวที่ยังยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด

“เชียนโหรว? เชียนโหรว” หยางลี่เวยผลักเธอเบาๆ เพื่อให้เธอได้สติ

“เอ๊ะ มีอะไรเหรอคะ แม่”

“กินข้าว ยังจะยืนอึ้งอยู่ตรงนี้ทำอะไรอีก”

“อ๋อ ได้ค่ะ”

หลังจากที่ขานรับไปด้วยท่าทางเหม่อลอยแล้ว เฉินเชียนโหรวก็เดินตามหยางลี่เวยเข้าไปในห้องอาหาร

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารค่อนข้างตึงเครียด มีเพียงแค่เฉินฝานซิงคนเดียวที่นั่งคีบอาหาร กินข้าวอย่างสบายใจราวกับบ้านหลังนี้มีเพียงเธอที่เป็นเจ้าของ ส่วนพวกเขาเป็นเพียงแขกที่มาขออาศัยอยู่เท่านั้น

ยิ่งเห็นท่าทางไม่รู้ร้อนของเฉินฝานซิง ใครหลายๆ คนก็ยิ่งโมโห เจียงหรงหรงโกรธจนไม่แม้แต่จะหยิบตะเกียบขึ้นมา

หยางลี่เวยเห็นสถานการณ์เป็นแบบนั้น จึงเอ่ยปากพูดขึ้น

“ฝานซิง ฉันได้ยินเชียนโหรวบอกว่าพวกเธอจะไปแข่งปรุงน้ำหอมระดับนานาชาติที่ฝรั่งเศสกันเหรอ ไม่รู้ว่าเธอเตรียมตัวเป็นยังไงบ้าง”

ตะเกียบที่อยู่ในมือขอเฉินเชียนโหรวชะงัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองยังเฉินฝานซิง

“ยังไม่ได้เตรียมเลย”

แววตาของเฉินเชียนโหรวเริ่มฉายประกายความมืดดำ

“ค่อยว่ากันไปทีละขั้น ผ่านรอบคัดเลือกก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที” เฉินฝานซิงเสริม

เจียงหรงหรงขมวดคิ้วอีกครั้ง “แกคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องแย่งกับเชียนโหรวตลอด นี่แกยังจะไปเข้าร่วมการแข่งขันปรุงน้ำหอมอีก การแข่งขันแฟชั่นครั้งนี้จัดที่มหาวิทยาลัย T แกลืมไปแล้วใช่ไหมว่าตอนนั้นทำไมแกถึงโดนไล่ออกน่ะ แกไม่กลัวว่าเรื่องที่แกคัดลอกผลงานตอนนั้นจะถูกขุดคุ้ยอีกครั้งหรือยังไง แกไม่รู้จักอายบ้างเลยใช่ไหม”

เฉินฝานซิงยัดข้าวคำสุดท้ายในถ้วยเข้าปากไป จากนั้นก็วางตะเกียบลงบนโต๊ะอย่างเบามือแล้วมองไปทางเจียงหรงหรงด้วยสายตานิ่งเรียบ

“เรื่องของฉัน คุณไม่ต้องสนใจหรอก สนใจเรื่องของตัวเองก็พอ อย่าลืมตัวช่วยเฉินเชียนโหรวติดสินบนกรรมการอีกก็แล้วกัน เดิมที เธอเองก็มีความสามารถอยู่หรอกนะ แต่สุดท้าย กลับถูกคุณจัดแจงจน…ถูกคนประจานให้ต้องอับอายไม่ใช่เหรอ ความรู้สึกที่ได้ทำลายถ้วยรางวัลมันดีมากเลยใช่ไหม”

เจียงหรงหรงสีหน้าอึมครึมจนถึงขีดสุด ตะเกียบที่เพิ่งหยิบขึ้นมาเมื่อกี้ถูกเธอวางลงบนโต๊ะอย่างแรง

“แกอวดดี!”

เฉินฝานซิงหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดมุมปาก ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างช้าๆ แล้วหันไปพูดกับเฉินซั่งหวา

“คุณปู่ หนูอิ่มแล้ว ปู่ค่อยๆ กินนะคะ”

เฉินซั่งหวาพยักหน้าตอบรับด้วยท่าทีนิ่งเฉย

“คุณแม่ ใจเย็นๆ นะคะ ทานข้าวตอนโมโหจะไม่ดีต่อร่างกายนะคะ”

“จะให้กินอะไรอีก โมโหจนกินไม่ลงแล้ว ฉันไม่กินแล้ว”

เฉินฝานซิงที่กำลังเดินขึ้นด้านบนได้ยินดังนั้นก็ยิ้มมุมปากออกมา

ผลลัพธ์ไม่เลวเลย

ตอนที่ 404 ดูกันว่าใครจะอยู่ใครจะไป

เห็นได้ชัดว่าห้องถูกเก็บกวาดเรียบร้อยมาก่อนหน้านี้ ห้องตรงหน้าในตอนนี้คือห้องที่เธอเคยอยู่มาเป็นเวลากว่ายี่สิบปี เต็มเปี่ยมไปด้วยความทรงจำมากมาย

ทุกมุมห้อง ล้วนแต่เคยมีเงาของเธออยู่…

เธอจำได้ดี…

เธอนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้า พลันเก็บซ่อนอาการตกใจนั้นไว้

ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ เธอจะไม่จดจำอะไรทั้งสิ้น

เธอสูดหายใจเข้าพร้อมกับเดินเข้าไปในห้องหนังสือเล็กๆ ที่อยู่ภายในห้องนอน ไม่ง่ายเลยที่ข้าวของของเธอจะยังไม่ถูกโยนทิ้งออกไปจนหมด

เมื่อเปิดลิ้นชักออกมา ดวงตาของเธอก็ฉายประกายประหลาดใจ ของในตอนนั้นยังอยู่ครบจริงด้วย

เธอหยิบของที่เธอทิ้งไว้ที่นี่ออกมา บนกระดาษเอสี่แผ่นนั้น มีสูตรน้ำหอมทุกสูตรของเธอที่บันทึกไว้อยู่เต็มหน้ากระดาษ

ตัวหนังสือบนกระดาษล้วนแต่อ่อนช้อยสวยงาม น้ำหอมที่จดไว้บางสูตรยังคงไม่สมบูรณ์แบบเท่าไหร่นัก

แต่ก็มีหลายสูตรที่แน่ใจแล้วว่าใช้ได้

ของเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เธอเชื่อว่าเป็นของที่ดีที่สุดแล้วในตอนนั้น

เธอจำได้แม่นว่าตอนที่เธอค่อยๆ จดบันทึกมันลงไปทีละตัวอักษรนั้น เธอตื่นเต้นมากแค่ไหน

เมื่อพลิกดูไปจนถึงหน้าสุดท้าย สายตาของเธอก็ไปหยุดอยู่บนสูตรน้ำหอมสูตรหนึ่ง สายตาค่อยๆ สอดส่ายไปตามข้อความบนกระดาษอย่างช้าๆ

ท้ายที่สุดก็หัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น ก่อนจะค่อยๆ หย่อนก้นลงบนเก้าอี้

เธอคิดไม่ถึงเลยว่า ผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ก่อนอายุยี่สิบของเธอจะทำให้เฉินเชียนโหรวได้อันดับที่สี่ในการแข่งขันปรุงน้ำหอม และกลายเป็นนักปรุงน้ำหอมมือหนึ่งของประเทศที่ใครๆ ก็กล่าวขาน

เหอะ…

เฉินเชียนโหรว อยากให้ฉันขายหน้าคนทั้งโลกงั้นเหรอ

งั้นพวกเรามารอดูกัน ว่าถึงเวลา ใครจะอยู่ใครจะไป…

เธอหากระดาษเปล่ามาเพิ่ม ฟุบอยู่บนโต๊ะด้วยท่าทางครุ่นคิด ก่อนจะคัดลอกสูตรน้ำหอมที่เธอเคยคิดค้นเหล่านี้ออกมาอีกรอบ

หลังจากที่เธอคัดสูตรน้ำหอมชุดนั้นจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็ฉีกกระดาษเปล่าออกมาอีกหนึ่งใบ แล้วนั่งจ้องแผ่นกระดาษอยู่อย่างนั้น ภายในสมองกำลังประมวลผลอย่างรวดเร็ว ก่อนที่คิ้วเรียวยาวของเธอจะค่อยๆ ขมวดเป็นก้อน สีหน้าท่าทางจดจ่อกว่าปกติ…

ต้นฉบับพวกนั้นยังไม่เสร็จสมบูรณ์ สูตรน้ำหอมแผ่นสุดท้ายที่เธอคิดค้นเมื่อตอนอายุยี่สิบ ไม่ได้อยู่ในนี้…

เมื่อใกล้เวลาเข้านอน หยางลี่เวยก็ขึ้นมาเคาะประตูห้องเฉินเชียนโหรวพร้อมกับนมหนึ่งแก้ว

ตอนนี้เฉินเชียนโหรวกำลังยืนกอดอกอยู่ริมหน้าต่าง หน้านิ่วคิ้วขมวด มองไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่

หยางลี่เวยเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าเธอ พร้อมกับยื่นนมอุ่นๆ แก้วนั้นให้

“เชียนโหรว มื้อค่ำลูกไม่ได้กินอะไรเลย เป็นอะไรหรือเปล่า”

สีหน้าเฉินเชียนโหรวไม่สู้ดีเท่าไรนัก เธอรับแก้วนมมาจรดริมปาก แต่กลับไม่ได้ดื่มมันเข้าไป

“เชียนโหรว ลูกเป็นอะไรกันแน่ เป็นเพราะเฉินฝานซิงกลับมา ลูกก็เลยไม่สบายใจหรือเปล่า”

เฉินเชียนโหรวเผลอกำแก้วในมือแน่นโดยไม่รู้ตัว “แม่ แม่ไม่คิดว่าแปลกบ้างเหรอคะ แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยชอบกลับมาที่บ้านสกุลเฉินเลย แต่ตอนนี้ ทำไมจู่ๆ ถึงได้กลับมาอยู่ที่นี่แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย พี่เธอ…มีจุดประสงค์อะไรหรือเปล่า”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของหยางลี่เวยก็ย่ำแย่ขึ้นมาไม่แพ้กัน

“หล่อนจะมีจุดประสงค์อะไรได้ ไม่ได้ยินที่หล่อนพูดเหรอ ก่อนตัดความสัมพันธ์ก็ต้องแบ่งสมบัติก่อน เหอะ หล่อนคิดไว้รอบคอบหมดแล้ว วันๆ ดีแต่หาเรื่องทำให้สกุลเฉินขายหน้า ไม่ใช่แค่ไม่ออกแรงช่วย แต่ยังค่อยตามราวีลูกไปทั่ว ทำให้บริษัทก็ต้องแย่ไปเพราะหล่อนด้วย ตอนนี้ยังจะคิดถึงสมบัติของที่นี่อยู่อีก”

เมื่อได้ยินลี่เวยพูดแบบนี้ ภายในใจของเฉินเชียนโหรวก็เริ่มคลายกังวลลงมาได้บ้าง

“ไม่ใช่ว่าเธอมีหุ้นสิบห้าเปอร์เซ็นของหลันอวิ้นอยู่ในมือแล้วหรอกเหรอ ยังต้องการแย่งอะไรอีก บ้านหลังนี้งั้นเหรอ ไม่มีทาง คุณย่าไม่มีทางยอมให้เธอแน่”

หยางลี่เวยพยักหน้า “เพราะงั้นนะ ถ้ามีย่าของลูกอยู่ พวกเราก็ไม่ต้องกลัวหล่อนหรอก”

เฉินเชียนโหรวพยักหน้าตอบรับด้วยท่าทางใช้ความคิดพลางนั่งลงบนเตียง

“แล้วพี่ล่ะ”

หยางลี่เวยตอบกลับด้วยสีหน้าท่าทางที่ดูไม่อยากจะเอ่ยถึงเธอสักเท่าไหร่ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรังเกียจ

“กินข้าวเสร็จก็เข้าห้องไปแล้ว จนตอนนี้ก็ยังไม่ออกมา ยังไงซะก็เป็นแค่พวกด้อยประสบการณ์ เดาว่าคงจะกำลังหัวหมุนอยู่กับการเตรียมแข่งรอบคัดเลือกระดับประเทศนั่นแหละ คนแบบหล่อน ยังจะกล้าคิดมาแข่งกับลูก เข้ารอบไปแข่งขันปรุงน้ำหอมที่ฝรั่งเศสงั้นเหรอ เหอะ หล่อนไม่กลัวตัวเองขายหน้าบ้างหรือไง !”