ตอนที่ 405 เข้ามาเอี่ยว / ตอนที่ 406 ละเลย

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 405 เข้ามาเอี่ยว

คำพูดของหยางลี่เวยเต็มไปด้วยความถากถางที่มีต่อเฉินฝานซิง ทว่าเฉินเชียนโหรวกลับนิ่งไป

ความสามารถของเฉินฝานซิงเป็นอย่างไร เธอรู้ดี

แต่ที่เธอไม่กังวลใจอะไรเกี่ยวกับเฉินฝานซิงเลย เพราะอีกฝ่ายไม่มีประสบการณ์การแข่งขันอะไรทั้งสิ้น

ซ้ำการแข่งขันเพียงครั้งเดียวที่เคยเข้าร่วมก็ยังโดนตราหน้าว่าลอกผลงาน อีกทั้งครั้งนี้ก็ดูเหมือนสวรรค์จะอยู่ข้างเธอ

การแข่งขันรอบคัดเลือกระดับประเทศจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัย T พอดี

เรื่องที่ถูกใส่ร้ายในการแข่งขันเปียโนครั้งก่อน เธอทวงคืนความยุติธรรมให้ตัวเองได้สำเร็จแล้ว อย่างนั้นเรื่องการลอกผลงานครั้งนี้ เธอจะไม่ทำอย่างเดิมอีกได้หรือ

ท่ามกลางความกดดันขนาดนี้ เธอจะแสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่ได้หรือ

ยิ่งไปกว่านั้น เธอจะปล่อยให้อีกฝ่ายได้แสดงความสามารถออกมาได้อย่างไร

ลอกผลงาน…

จู่ๆ ดวงตาของเฉินเชียนโหรวก็ฉายประกายสว่างออกมา

เมื่อนึกถึงจุดจบของเฉินฝานซิง สมองที่ตื้อของเฉินเชียนโหรวก่อนหน้านี้ก็เริ่มแล่นฉิวในทันที

อยากจะเข้ารอบระดับนานาชาติ อย่างนั้นเธอก็จะทำให้อีกฝ่าย “ตาย” ไปในรอบคัดเลือกเสียเลย

เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินฝานซิงเก็บกวาดห้องเรียบร้อยก็ลงมาชั้นล่าง ทุกคนกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าในห้องอาหาร

เฉินฝานซิงเดินตรงดิ่งเข้าไป ก่อนจะลากเก้าอี้ตัวหนึ่งออกมาแล้วนั่งลงบน

เจียงหรงหรงและหยางลี่เวยชายตามองเธอ แต่ไม่ได้พูดอะไร

คนใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้างเหลือบมองเฉินฝานซิงด้วยสายตารังเกียจปราดหนึ่ง แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะขยับไปไหน

ไม่นานนัก เมื่อเห็นนมในแก้วของเฉินเชียนโหรวลดเหลือถึงก้นแก้วแล้ว สาวใช้คนนั้นก็รีบเข้าไปถาม

“คุณหนู จะรับเพิ่มไหมคะ”

เฉินเชียนโหรวพยักหน้าเบาๆ “ขออีกครึ่งแล้วกัน”

“ได้ค่ะ”

หญิงรับใช้ตอบรับ ก่อนจะเทนมให้เฉินเชียนโหรวอีกครึ่งแก้วด้วยความระมัดระวัง

จากนั้นก็กลับไปยืนที่เดิม สีหน้าแฝงไปด้วยความไม่พอใจและท้าทาย

ตรงหน้าของเฉินฝานซิงมีเพียงความว่างเปล่า นิ้วเรียวยาวของเธอกำลังเคาะขอบโต๊ะเบาๆ

เธอไม่พูดอะไร เจียงหรงหรงและหยางลี่เวยก็ทำเป็นมองไม่เห็น นั่งกินข้าวของตัวเองไปราวกับว่ารอบข้างไม่มีใคร

ผ่านไปสองนาที นิ้วที่เคาะโต๊ะอยู่ของเฉินฝานซิงหยุดนิ่ง จากนั้น เธอค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าครัวไปหยิบอาหารเช้าออกมาเองหนึ่งชุด

หญิงรับใช้คนนั้นมีท่าทีลำพองตนมากกว่าเดิม สายตาที่ดูถูกเหยียดหยามแสดงออกอย่างชัดเจนมากขึ้น

ไม่เคยเจอใครหน้าหนาขนาดนี้มาก่อน ไม่มีอาหารเช้าวางไว้ให้ก็ยังเข้าไปหยิบจากในครัวออกมาเองอีก ไม่ได้กินสักมื้อจะหิวตายหรือยังไง

เฉินฝานซิงวางจานในมือลงบนโต๊ะอย่างกระแทกกระทั้นเสียงดังทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองเธออย่างไม่สบอย่างอารมณ์

เฉินฝานซิงไม่ได้นั่งลง แต่กลับเงยหน้าขึ้นมา มองไปทางสาวใช้ที่ชักสีหน้าใส่เธอในตอนแรก

“ข้าวเช้าฉันไปหยิบมาเองแล้ว”

สาวใช้สีหน้างุนงง

เจียงหรงหรงและคนอื่นๆ ก็มองเธอด้วยท่าทางข้องใจเช่นกัน

ไม่เข้าใจเลยว่าเธอต้องการจะทำอะไรอีกแล้ว

เฉินฝานซิงยกมุมปาก จ้องมองไปยังสาวใช้คนนั้น จากนั้นน้ำเสียงและคำพูดที่เย็นชาก็ออกมาจากริมฝีปากเรียวบางของเธอ

“ดูเหมือนสมองเธอจะไม่ค่อยไวเท่าไหร่นะ ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ”

หลังจากที่เธอพูดคำนี้ออกมา เจียงหรงหรง หยางลี่เวย และเฉินเชียนโหรวต่างก็หน้าถอดสี

รู้ตัวทันทีว่าตัวเองต้องเข้ามาเอี่ยวในเรื่องนี้แล้ว

สีหน้าของหญิงรับใช้บ่งบอกถึงความไม่ยอมจำนน

“ฉันไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่หมายความว่ายังไง ในเมื่อไปยกอาหารเช้าออกมาเองแล้ว ก็เชิญคุณรับประทานได้เลย”

“ฉันจะเก็บเธอไว้ทำไม”

หญิงรับใช้ขมวดคิ้ว ยังไม่ทันที่เธอจะตอบสนอง เฉินฝานซิงก็พูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยใบหน้าที่เฉยชา

“เมื่อกี้เธอเองก็เรียกฉันว่าคุณหนูใหญ่ แต่กลับให้ฉันไปยกอาหารเช้าออกมาเอง ฉันเก็บเธอไว้จะมีประโยชน์อะไร ตอนนี้ไปเก็บข้าวของของเธอแล้วรีบออกไปจากที่นี่ เธอโดนไล่ออกแล้ว”

สาวใช้ได้ยินดังนั้นก็หน้าเสียทันที สายตาวิงวอนร้องขอความช่วยเหลือทอดมองไปยังเฉินเชียนโหรวและหยางลี่เวย

ขณะนั้นเอง เจียงหรงหรงกลับพูดออกมาด้วยความเกรี้ยวกราดเสียก่อน

“แกนี่มันอวดดีจริงๆ แค่มื้อเช้าปรนนิบัติไม่ทั่วถึง เอะอะก็จะไล่ออกเลยเหรอ”

ตอนที่ 406 ละเลย

“แกนี่มันอวดดีจริงๆ แค่มื้อเช้าปรนนิบัติไม่ทั่วถึง เอะอะก็จะไล่ออกเลยเหรอ”

เฉินฝานซิงไม่สะทกสะท้าน “เธอมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อที่จะปรนนิบัติพวกเรา ถ้าทำได้ไม่ทั่วถึงก็ต้องตกงาน หากเป็นในสมัยโบราณคงต้องโดนลากออกไปโบยจนตายแล้ว แต่ตอนนี้เป็นสังคมที่อยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครอง ฉันก็แค่ไล่เธออกก็เท่านั้น”

สาวใช้คนนั้นโกรธจนเลือดขึ้นหน้า นี่อีกฝ่ายเอาตัวเธอไปเทียบกับพวกทาสขัดดอกที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียงในความเป็นมนุษย์อะไรเลยพวกนั้นเหรอ

ขณะนั้นเอง เฉินเชียนโหรวก็พูดเสริมทัพขึ้นมาอย่างถูกจังหวะ “พี่คะ เมื่อกี้เสี่ยวหลินกำลังรินนมให้ฉันอยู่ เลยอาจจะละเลยพี่ไปบ้าง พี่ลอง…”

เฉินฝานซิงชำเลืองมองเธออย่างไม่ใส่ใจ “ทำไมถึงเป็นฉันที่ถูกละเลย ฉันไม่ชอบใจ ไม่ต้องการเธออีก”

“…”

“…”

“พอสักที รีบไปนั่งกินข้าวเดี๋ยวนี้”

ความโมโหของเจียงหรงหรงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว รีบตะคอกใส่เฉินฝานซิงทันที ทำให้สาวใช้ที่ชื่อเสี่ยวหลินเชิดหน้าชูคอด้วยท่าทางแข็งข้อไม่ยอมแพ้

เฉินฝานซิงยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็นพร้อมกับจ้องเขม็งไปทางใบหน้าลำพองตนของเสี่ยวหลิน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมายกสายหาใครบางคน

“ฮัลโหล คุณปู่ ช่วยออกมาไล่คนใช้คนหนึ่งให้หนูหน่อยได้ไหมคะ…เรื่องอะไรน่ะเหรอ จงใจไม่เตรียมอาหารเช้าให้หนู นับไหมคะ เหอะ…หนูเหรอ คำพูดหนูไม่มีน้ำหนัก แม้แต่คนใช้ก็ยังชักสีหน้าใส่หนู หนูรับมือไม่ไหว…ขอบคุณค่ะคุณปู่”

หลังจากที่วางสาย สีหน้าของทุกคนบนโต๊ะก็อึมครึมลงไปถนัดตา

สีหน้าของเสี่ยวหลินยิ่งลนลานอย่างเห็นได้ชัดกว่าใคร เงินเดือนที่สกุลเฉินไม่ใช่น้อยๆ เธอไม่มีวุฒิการศึกษา ออกไปหางานใหม่ทำ เกรงว่าจะหางานที่มีสวัสดิการดีแบบนี้ได้ยาก

แต่ถ้าเรียกคุณท่านออกมาแบบนี้ เธอคง…

เฉินฝานซิงไม่ได้กินข้าวเช้าต่อ เพียงแต่หยิบกระเป๋าที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาแล้วเดินออกไปด้านนอกด้วยสีหน้าเย็นชา

ขณะที่เดินไปถึงหน้าประตู มีคนใช้คนหนึ่งกำลังถือตระกร้าผลไม้เดินไปมาทำให้ชนเข้ากับเฉินฝานซิงโดยไม่ทันระวัง มะเขือเทศในตะกร้าหล่นลงพื้น น้ำจากผลมะเขือเทศกระเด็นมาโดนรองเท้าส้นสูงสีขาวของเฉินฝานซิงทันที

สาวใช้สะดุ้งตกใจ เธอรู้ดีว่าทำงานในบ้านคนรวย เสื้อผ้าทุกชิ้นที่อยู่บนตัวของพวกเขาเพียงชิ้นเดียวก็เท่ากับเงินเดือนของพวกเธอหลายปีแล้ว

ตอนนี้รองเท้าของเฉินฝานซิงเลอะเทอหมดแล้ว เธอจะ…ไปมีปัญญาชดใช้ได้ที่ไหน

“ขอโทษค่ะ คุณหนูใหญ่ ฉันจะช่วยคุณเช็ด…”

คนใช้พูดด้วยความลนลานทำอะไรไม่ถูก ระหว่างนั้นเองก็ก้มลงเช็ดน้ำมะเขือเทศบนรองเท้าของเฉินฝานซิง ทว่าเฉินฝานซิงกลับรีบดึงเท้ากลับไปอย่างรวดเร็ว

“คุณหนูใหญ่…”

สาวใช้เงยหน้าขึ้นมามองเธอ เฉินฝานซิงกลับส่ายหน้าแล้วพูดกับเธอ

“ไม่เป็นไร เธอไปทำงานของเธอเถอะ”

สาวใช้ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบหยิบกระดาษทิชชู่ในกล่องยื่นให้เฉินฝานซิง

“ขอบคุณ”

เฉินฝานซิงรับมาแต่โดยดี ก่อนจะก้มตัวลงไปเช็ดน้ำมะเทศบนรองเท้า ระหว่างที่กำลังจะลุกขึ้นมา เธอยังเอื้อมไปหยิบมะเขือเทศที่ยังไม่เละกลับขึ้นมาแล้วยื่นให้คนใช้ด้วย จากนั้นก็หันหลังเดินจากไปในทันที

สาวใช้มองแผ่นหลังของเฉินฝานซิงค่อยๆ ห่างออกไป สีหน้ากระวนกระวายเล็กน้อย ใครๆ ก็บอกว่าคุณหนูใหญ่เป็นคนอำมหิต แถมอารมณ์ร้ายอีกต่างหาก แต่เมื่อกี้…มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยด้วยซ้ำ

เธอรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนและเอาใจใส่ของคุณหนูใหญ่ ถึงแม้ภายนอกจะดูเย็นชาอย่างเคยก็ตาม

หลังจากที่ขับรถมาถึงบริษัท เฉินฝานซิงก็เริ่มทำงานงกๆ ตลอดทั้งช่วงเช้าโดยไม่ได้หยุดพัก

ตอนเที่ยงเธอขับรถออกไปด้านนอก จากนั้นก็กลับมาดูเอกสารต่ออีกสองชุด เมื่อก้มหน้าดูเวลาก็เป็นเวลาบ่ายสองโมงแล้ว จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาใครบางคน

ถือสายรออยู่ไม่นานก็มีคนรับ เธอถือโทรศัพท์แนบไว้ข้างหู หลังจากที่ได้ยินเสียงตอบรับจากฝ่ายตรงข้าม เธอก็ยิ้มออกมาน้อยๆ น้ำเสียงสดใสค่อยๆ ดังขึ้น เป็นภาษาฝรั่งเศสที่พูดได้อย่างคล่องแคล่ว