ตอนที่ 407 กลางคืน พวกเราออกไปเที่ยวกันเถอะ
ถือสายรออยู่ไม่นานก็มีคนรับ เธอถือโทรศัพท์แนบไว้ข้างหู หลังจากที่ได้ยินเสียงตอบรับจากฝ่ายตรงข้ามเธอก็ยิ้มออกมาน้อยๆ น้ำเสียงสดใสค่อยๆ ดังขึ้น เป็นภาษาฝรั่งเศสที่พูดได้อย่างคล่องแคล่ว
“Charles อรุณสวัสดิ์”
ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนที่จะร้องเสียงหลงออกมากะทันหัน
“โอ้วมายก็อด พระเจ้าช่วย สุดที่รัก นั่นเธอใช่ไหม”
เฉินฝานซิงหัวเราะเบาๆ “ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง”
“แย่สุดๆ การแข่งขันปรุงน้ำหอมใกล้จะเริ่มแล้ว ยุ่งจนจะบ้าตายอยู่แล้ว จริงสิ ที่รัก การแข่งขันครั้งนี้เธอจะเข้าร่วม ใช่ไหม”
“ใช่ ฉันจะเข้าร่วม”
“งั้นจบเห่แล้ว ตำแหน่งแชมป์ของฉันเริ่มเป็นอันตรายแล้ว”
เฉินฝานซิงยิ้มเฉื่อย “อย่าพูดแบบนี้ แต่ว่าคู่แข่งทุกรอบมีแต่คนเก่งๆ ทั้งนั้น พวกเราจะประมาทไม่ได้แม้แต่น้อย Charles คุณต้องสู้นะ”
“แน่นอน…แต่ว่า ไม่ว่าเธอจะเป็นแชมป์หรือรองแชมป์ สัญญากับฉันก่อนว่าจะต้องขึ้นไปรับรางวัลบนเวที พระเจ้าช่วย ขอร้องเธอล่ะ อย่าปฏิเสธฉันอีกเลย คนอื่นสู้ฟันฝ่าเพื่อที่จะได้ขึ้นไปยืนบนเวทีที่ได้รับการยอมรับระดับนานาชาตินี้ แต่เธอ เป็นแชมป์การแข่งปรุงน้ำหอมระดับนานาชาติสองสมัยติดแล้ว กลับไม่ยอมเปิดเผยหน้าตาเลยสักครั้ง เธอนี่มัน…จริงๆ เลย…”
เห็นได้ชัดว่า Charles เริ่มมีน้ำโหเพราะเรื่องนี้อีกแล้ว
การแข่งปรุงน้ำหอมที่จัดขึ้นสองปีหนึ่งครั้ง เป็นหัวข้อที่คนในวงการแฟชั่นทั่วโลกกำลังติดตามอย่างใกล้ชิด ถ้าได้ยืนอยู่บนเวทีนั้น ก็เท่ากับว่าได้รับความสนใจจากคนทั่วโลกด้วย
เขาอยากจะให้ผู้หญิงที่หน้าตาสะสวยอย่างเฉินฝานซิงได้ยืนอยู่บนเวทีรับรางวัลและได้รับความเคารพชื่นชมจากผู้คนทั่วโลกจริงๆ
แต่ทว่า เกียรติยศสูงส่งแบบนั้น สำหรับผู้หญิงคนนี้แล้วแทบจะไม่มีความน่าดึงดูดอะไรเลยสักนิด
เขาไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ใครๆ ก็เฝ้าฝันถึง ทว่าทำไมในสายตาของเธอกลับไม่คู่ควรแม้แต่จะพูดถึงด้วยซ้ำ
หลังจากที่เฉินฝานซิงฟัง Charles ตัดพ้ออยู่อย่างเงียบๆ จบแล้ว เธอก็เอ่ยปากพูดออกมา “Charles ที่โทรไปหาเธอครั้งนี้ ฉันมีเรื่องจะให้ช่วย”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่จริงจังของเฉินฝานซิง น้ำเสียงของ Charles ก็จริงจังขึ้นมาเช่นกัน “เรื่องอะไร บอกได้เลย”
“ฉันอีเมลเอกสารฉบับหนึ่งไปให้ เธอช่วยเก็บไว้ให้ฉันก่อน”
“สำคัญมากใช่ไหม”
“ใช่”
“งั้นได้ ฉันสัญญา”
“ขอบคุณ”
“ฉันไม่อยากฟังอะไรพวกนี้ ที่รัก ฉันรอเธอที่ฝรั่งเศสนะ”
“ได้ ฉันจะต้องไปแน่นอน”
หลังจากที่วางโทรศัพท์ เฉินฝานซิงก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
อืม ที่เหลือก็ยกให้เป็นหน้าที่ของป๋อจิ่งชวนแล้ว ตอนนี้เธอเพียงแค่ต้องศึกษาเกี่ยวกับสิ่งที่จะต้องใช้ในการแข่งขันให้ดี อีกอย่างช่วยคนสกุลเฉิน “ลดความอ้วน” ก็พอแล้ว
อันที่จริง เฉินฝานซิงตั้งใจจะไปรังควานคนสกุลเฉินให้สะอิดสะเอียนจนกินอะไรไม่ลงเสียหน่อย แต่เฉินฝานซิงกลับโดนพวกเขาทำให้สะอิดสะเอียนเสียเอง
วันๆ ต้องกินอาหารให้เยอะกว่าพวกเธอต่อหน้าคนพวกนั้น ความจริงแล้วก็ทรมานอยู่ไม่น้อย
ผ่านไปไม่กี่วัน เฉินฝานซิงก็เริ่มทนไม่ไหว
วันนี้ เฉินฝานซิงตื่นแต่เช้าตรู่แล้วลงมานั่งดูโทรศัพท์ระหว่างรออาหารเช้า
ผ่านไปไม่กี่นาที ก็มีเสียงคนใช้กล่าวทักทายยามเช้ากับเฉินเชียนโหรวดังออกมาจากในห้องรับแขก
เวลานี้ เฉินฝานซิงกลับโทรไปหาป๋อจิ่งชวน
“อืม?”
บางทีป๋อจิ่งชวนอาจจะยังไม่ตื่น ได้ยินเสียง “อืม “ที่ทุ้มต่ำแหบพร่าผ่านทางโทรศัพท์ ทำให้เฉินฝานซิงรู้สึกราวกับถูกไฟฟ้าช็อตไปชั่วขณะ ชาตั้งแต่หัวจนถึงปลายเท้า
ก่อนจะจินตนาการท่าทางที่เพิ่งตื่นนอนของชายหนุ่มแล้วเม้มริมฝีปาก เธอรู้ทันทีว่าตัวเองแย่แล้ว
ฟังแค่เสียงก็รู้สึกซาบซ่านไปทั้งตัว แถมยังมโนภาพไปต่างๆ นานาอีก
ต่อไปจะเป็นแบบไหน เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิด
“กลางคืนยุ่งไหม อยากออกไปเที่ยวด้วยกันหรือเปล่า ช่วงนี้รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย”
ตอนที่ 408 คุณพูดถึงที่ไหน
“กลางคืนยุ่งไหม อยากออกไปเที่ยวด้วยกันหรือเปล่า ช่วงนี้รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย”
ในห้องนอน ป๋อจิ่งชวนชูโทรศัพท์ขึ้น หันไปมองนาฬิกาบนหัวเตียง
ผ้าห่มเลื่อนลงมาจากตัวเขาเล็กน้อย เผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้อโค้งนูนบนแผ่นหลังของเขา เขากดรีโมทเพื่อเปิดผ้าม่านออก แสงอาทิตย์สาดเข้ามาในทันที ทำให้ห้องนอนสว่างไสวในชั่วพริบตา แสงแดดทำให้มองเห็นไรฝุ่นที่ลอยคลุ้งอยู่กลางอากาศอย่างชัดเจน
ใบหน้านั้น มีเบ้าหน้าฟ้าประทานสูงสง่า ถึงแม้ตอนนี้ผมเผ้าจะยุ่งเหยิงหลังจากที่เพิ่งตื่นนอนแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาของเขาลดลงไปเลยแม้แต่น้อย ท่าทางหน่ายคร้านนั้นกลับให้ความมีเสน่ห์น่าหลงใหลแผ่ออกมา
“ทำไม เตรียมตัวเสร็จแล้วเหรอ”
เขาดึงผ้าห่มออกก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง เห็นแผงอกและเอวกำยำ เขาหยิบชุดอาบน้ำมาคลุมด้วยมือข้างเดียวก่อนจะลุกขึ้น กล้ามหน้าท้องแน่นหนัดแต่ไม่ใหญ่จนเกินไปหดเกร็งไปตามอิริยาบถของเขา ทำให้เห็นร่องกล้ามที่ชัดเจนสวยงาม แตกต่างไปจากตอนที่ดูเป็นคุณชายใส่ชุดสูทรองเท้าหนังที่มีท่าทางรักอิสระและดูร้อนแรงไปไม่น้อย
หลังจากที่ผูกเชือกคาดเอวแล้วเขาก็เดินไปยังริมหน้าต่าง แล้วฟังเสียงเฉินฝานซิงผ่านสายโทรศัพท์
เฉินฝานซิงมองดูเฉินเชียนโหรวเดินเข้ามาในครัว จากนั้นก็พูดขึ้นมาราวกับไม่มีคนอยู่ตรงนั้น “อืม เตรียมตัวเสร็จแล้ว ก็เลยอยากออกไปผ่อนคลายหน่อย”
เฉินเชียนโหรวเดินมานั่งตรงข้ามเธอด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“ได้ คืนนี้จะพาคุณไปผ่อนคลาย”
“งั้นคืนนี้ไปกันเลย” ชะงักไปครู่หนึ่ง เฉินฝานซิงก็ถามออกมาอีกครั้ง “คุณเพิ่งตื่นเหรอ”
“อืม ไม่มีคุณแล้วนอนไม่หลับ”
เฉินฝานซิงใบหน้าแดงก่ำ เหลือบไปมองเฉินเชียนโหรวด้วยท่าทางไม่ค่อยเป็นธรรมชาติปราดหนึ่ง ก่อนจะกระแอมออกมาเบาๆ “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันวางก่อนะ จะไปกินข้าวเช้าแล้ว”
“ได้”
หลังจากที่วางสาย คนใช้ก็เอาอาหารมาวางตรงหน้าเธอพอดี
เฉินฝานซิงรั้งคนใช้เอาไว้ “คืนนี้ไม่ต้องเตรียมมื้อค่ำให้ฉันนะ ฉันจะกลับมาดึกหน่อย”
“ค่ะ”
“อืม” เฉินฝานซิงตอบรับนิ่งๆ ก่อนจะเหลือบไปมองทางเฉินเชียนโหรวโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารเช้าต่อ
รอจนเฉินฝานซิงกินเสร็จแล้วเดินออกไป เฉินเชียนโหรวก็วางชามอาหารเช้าที่เพิ่งจะกินไปได้ไม่เท่าไหร่แล้วขึ้นไปชั้นบน
ห้องของเฉินฝานซิงไม่ได้ล็อค เฉินเชียนโหรวหาสูตรน้ำหอมที่เห็นได้ชัดว่าเป็นสูตรใหม่ล่าสุดที่เธอเพิ่งจะคิดค้นช่วงนี้วางอยู่บนโต๊ะโดยที่ไม่ต้องเปลืองแรงเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่ดูอย่างละเอียดไปแล้วรอบหนึ่ง เป็นสูตรที่ใช้ได้เลยสูตรหนึ่งอย่างที่คาดไว้…
เฉินเชียนโหรวตื่นเต้นดีใจไปชั่วขณะ
ก่อนที่จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความอิจฉาริษยา
เปียโน เฉินฝานซิงมีพรสวรรค์กว่าเธอ การเรียนก็ดีกว่าเธอ ปรุงน้ำหอม ก็ยังมีความสามารถมากกว่าเธอ แม้แต่พี่เหิงตอนแรกก็เคยเป็นของเธอ
ทั้งๆ ที่แม่ก็เป็นแค่เด็กกำพร้าไม่มีอะไรเลย ถ้าไม่ใช่เพราะรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่น แล้วก็พอมีความสามารถอยู่บ้าง สกุลเฉินจะยอมรับเธอเข้ามาได้อย่างไร
ลูกสาวของผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าตัวคนเดียวคนหนึ่ง พอเกิดมาก็มีทุกสิ่ง แต่เธอกลับต้องถูกดูแคลนและชี้นิ้วสั่งไปพร้อมกับแม่ของเธอ
เพราะอะไร!
ทุกสิ่งที่ฉันอยากได้ จะต้องเป็นของฉัน
แต่เฉินฝานซิง ในเมื่อไม่มีอะไรสู้เธอได้เลยสักนิด งั้นฉันก็จะกำจัดเธอทิ้งซะ!
–
หลังจากที่เลิกงาน เฉินฝานซิงก็กลับมายังคฤหาสน์เซิ่งจิ่งพร้อมกับป๋อจิ่งชวน
ครั้งที่แล้วที่กลับมาคุยกันไว้แล้วว่าจะมาดูอัลปาก้าแต่กลับไม่เจอ ตั้งแต่ที่เขามอบมันให้เธอ เธอยังไม่เคยได้เห็นแบบจังๆ เลยสักครั้ง
อัลปาก้าถูกล่ามเอาไว้ในสนามหญ้าใกล้สวนหลังบ้าน ขนปุกปุยสีขาวสะอาดสะอ้าน ดวงตากลมโตสีดำสนิทเป็นประกาย ปากกำลังเคี้ยวอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าที่มีรอยยิ้มอยู่เสมอมาตั้งแต่เกิด น่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ
ก็ไม่รู้ว่าใครที่ซื้อเชือกล่ามสุนัขมาผูกไว้ที่คออัลปาก้า น่าขำมาก
เฉินฝานซิงเข้าไปลูบขนฟูๆ บนหัวของมัน มันครางออกพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ พลางคลอเคลียปลายเท้าของเธอ
“ที่แท้มันนุ่มขนาดนี้เลยเหรอ”
ป๋อจิ่งชวนยืนคิ้วขมวดอยู่ด้านข้าง “แค่มีหน้าตาที่ดูอ่อนโยนก็เท่านั้น”
“…”
หลังจากที่เล่นกับอัลปาก้าได้สักพักใหญ่ๆ จางมาก็ตะโกนเรียกให้ไปกินอาหารค่ำ ทั้งสองคนจึงกลับเข้าไป หลังจากที่อาบน้ำเสร็จก็มานั่งรับประทานอารหารค่ำ
“ตื่นเต้นไหม ใกล้จะถึงการแข่งขันรอบคัดเลือกในประเทศแล้ว” จู่ๆ ป๋อจิ่งชวนก็เอ่ยถาม
เฉินฝานซิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าครุ่นคิด ดูเหมือนกำลังเฟ้นหาความรู้สึกตื่นเต้นพวกนั้น
ผ่านไปครู่หนึ่ง ไม่เป็นผลสำเร็จ
“ไม่ตื่นเต้น”
ป๋อจิ่งชวนมองเธอปราดหนึ่ง ก่อนจะยิ้มด้วยสีหน้าที่อ่อนโยน
“สู้ๆ”
เฉินฝานซิงยิ้มตอบเขา “แน่นอนอยู่แล้ว”