เวลานั้นเธอไม่รู้เหตุผล แต่ตอนนี้ในที่สุดจึงเข้าใจ
ที่แท้ชายหนุ่มผู้นี้เห็นใบหน้าเธอแล้ว พบว่าเธอคล้ายคลึงกับนายหญิงของพวกเขาราวคนเดียวกัน จึงตกใจขนาดนั้น
และจากคำพูดทั้งหมดของเขา และคนชุดดำที่ลักพาตัวเธอมาเมื่อหลายวันก่อน ที่แท้ก็คือเขา
เป็นชายหนุ่มผู้นี้ที่รู้ว่าเธอหน้าตาคล้ายคลึงกับนายหญิงของเขาราวคนเดียวกัน ดังนั้นจึงลักพาตัวเธอกลับมา!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาโมโหอย่างยิ่ง จนคิดอยากออกไปถีบชายผู้นั้น
เพราะหากไม่ใช่เขา ตอนนี้เธอคงกลับถึงแคว้นต้าเซี่ย จากนั้นรออภิเษกออกไป จะมาอยู่ในสถานที่เช่นนี้ได้เช่นไร
แม้เล่อเหยาเหยาจะโมโหกับวิธีการของชิงเฟิงอย่างยิ่ง แต่เหตุผลบอกกับเธอว่าเพียงอดทนพายุจะสงบลง เธอยังอยู่ในพื้นที่ของผู้อื่น จึงไม่อาจวู่วามเด็ดขาด
ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่มีวรยุทธ์ หากถูกพวกเขาพบเข้านั่นคือความเคราะห์ร้าย ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงกัดฟันอดทนต่อไป
ตรงข้ามกับเล่อเหยาเหยาที่อดกลั้น ทางพวกชิงเฟิงนั้นกลับไม่รู้ว่าเล่อเหยาเหยาอยู่ที่นี่ หงหลัวชางหลังเงียบงันชั่วครู่ กัดฟันกรอดเอ่ยกับชิงเฟิงว่า
“แต่การทำเช่นนี้ของเจ้า ทำให้ข้าเกลียดชังเจ้า เจ้ารู้หรือไม่!”
“ฮ่า ๆ ข้าย่อมทราบดี”
สำหรับคำพูดของหงหลัวชาง ชิงเฟิงเพียงยิ้มขมขื่น ก่อนเอ่ยเบาๆ
“แต่หลัวชาง เจ้าไม่ควรโง่งมอีกต่อไป เจ้ารู้ชัดเจนว่าในใจของเจ้าลัทธิมีเพียงนายหญิง เหตุใดเจ้าจึงทรมานตนเองเช่นนี้”
“เรื่องของข้า ไม่เกี่ยวกับเจ้า!”
สำหรับคำพูดหวังดีของชิงเฟิง หงหลัวชางกลับไม่สนใจแม้แต่นิดเดียว จึงคำรามด้วยน้ำเสียงดุร้ายออกมา
เมื่อได้ยินคำพูดของหงหลัวชาง ใบหน้าของชิงเฟิงปรากฎความเสียใจขึ้นมาหลายส่วน และไม่พูดอะไรอีก
อาจเพราะรู้สึกว่าตนเอ่ยรุนแรงเกินไป หงหลัวชางจึงอดชะงัก ก่อนเอ่ยปากขึ้นไม่ได้
“คำพูดนี้ของเจ้า ควรบอกกับตนเอง เพราะในใจของข้ามีเพียงเจ้าลัทธิผู้เดียว ดังนั้นเจ้าไม่ควรโง่งมเช่นนี้ ข้าไม่คู่ควร!”
“หลัวชาง ข้าคิดว่าคู่ควร ไม่ว่าเจ้าจะให้ข้ารออีกกี่ปี ข้าก็จะรอ ข้าไม่ขอให้เจ้าชอบข้า ทว่าเพียงเจ้าต้องการข้า ข้าจะคอยอยู่ด้านหลังเจ้าตลอดไป”
สำหรับการสารภาพรักของชิงเฟิง หงหลัวชางมีสีหน้าอึดอัดอย่างชัดเจน
และเล่อเหยาเหยาที่หมอบตัวแอบฟังอยู่ใต้ต้นเหมย อดกรอกตาขึ้นอย่างจนใจไม่ได้
สนทนาตอบโต้กันไปมา เหตุใดถึงเอ่ยเรื่องความรักของพวกเขาขึ้นมาได้กัน!
และพวกเขาจะอยู่ที่นี่ไปถึงเมื่อใดกัน เธอหมอบจนขาชาหมดแล้ว และที่นี่ยังหนาวเหน็บอีกด้วย!
เล่อเหยาเหยาก่นด่าในใจ พลันมีสายลมพัดผ่านมา เล่อเหยาเหยาจึงคันจมูกจนจะจามออกไป ทว่าเธอรีบใช้มืออุดจมูกแน่น กลั้นอาการจามเอาไว้
แต่เพราะการเคลื่อนไหวนี้ ร่างกายจึงสูญเสียการทรงตัวล้มลงก้นกระทบพื้น
ทว่านี่ยังไม่ใช่สิ่งที่เคราะห์ร้ายที่สุด
ขณะนั่งหมอบอยู่บนพื้น เธอไม่ระวังจึงล้มกระแทกเข้ากับกิ่งไม้แห้งทางด้านหลัง จนเกิดเสียง ‘เพี๊ยะ’ ดังขึ้น แม้เสียงจะไม่ดัง แต่หงหลัวชางและชิงเฟิงต่างมีวรยุทธ์ ดังนั้นแม้เสียงจะแผ่วเบา ต่างพลันดึงดูดความสนใจของพวกเขา
“ผู้ใด!”
หลังเสียงเยียบเย็นของหงหลัวชาง เล่อเหยาเหยาจึงตกใจ ก่อนคร่ำครวญในใจ
จบกัน เธอถูกคนพบเข้าแล้ว ควรทำเช่นไรดี!
ในใจเล่อเหยาเหยาดุจมดในกระทะร้อน กระวนกระวายไม่หยุด
เมื่อได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของพวกเขา คล้ายกับซือมู่หานรักซินเอ๋อร์ภรรยาของเขาอย่างมาก และหงหลัวชางหลงรักซือมู่หาน ส่วนชิงเฟิงหลงรักหงหลัวชาง
ความสัมพันธ์ผิดรูปแบบซับซ้อนเช่นนี้ ดังนั้นตอนนี้หากหงหลัวชางรู้ว่าเธอแอบฟังพวกเขาสนทนากันเมื่อครู่ ไม่รู้เธอจะจัดการเธอเช่นไร
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาจึงวิตกกังวล
ทว่าทันใดนั้น หงหลัวชางที่ยืนอยู่เบื้องหน้าไม่ไกล ก็ขยับฝีเท้าเดินตรงใกล้เข้ามาทางเธออย่างช้าๆ
เมื่อเห็นฝีเท้านั้นกระชั้นชิดใกล้เข้ามา หัวใจของเล่อเหยาเหยาเต้นระรัว
จบกัน เธอเดินเข้ามาแล้ว หากเดินเข้ามาอีกเพียงไม่กี่ก้าว ต้องเจอเธอเป็นแน่
ทำเช่นไรดี ทำเช่นไรดี
หรือตอนนี้เธอจะเป็นฝ่ายเดินออกไป หากเป็นเช่นนั้น นางต้องรู้ว่าเมื่อครู่เธอหมอบตัวแอบฟังพวกเขาอยู่ที่นี่แน่ แต่หากไม่ออกไป อีกครู่เดี๋ยวหงหลัวชางก็จะเจอตัวเธอแล้ว
เมื่อคิดทบทวน เล่อเหยาเหยากัดฟันกรอดชั่วขณะ ก่อนคิดจะลุกเดินออกไป
แต่ว่า ทันใดนั้น บนทางเล็กข้างกายเธอกลับมีเสียงฝีเท้ารีบร้อนดังขึ้นมา หลังเสียงฝีเท้า ‘ฉับๆ’ บนทางเล็ก มีเสียงร้อนรนดังขึ้นมาพอดี
“แย่แล้ว หัวหน้าหง หัวหน้าชิง!”
เมื่อได้ยินเสียงร้อนรนนั้น หงหลัวชางและชิงเฟิงต่างมองไปยังที่มาของเสียงนั้น
เห็นเพียงชายชุดดำรูปร่างกำยำ ปรากฎตัวขึ้นมาต่อหน้าพวกเขาอย่างรีบร้อน
“เกิดเรื่องใดขึ้น จึงตื่นตระหนกเช่นนี้”
สำหรับสีหน้าของชายหนุ่ม หงหลัวชางอดขมวดคิ้วโค้งงอนมุ่นไม่ได้ ก่อนเอ่ยถามเสียงเย็น
ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้น ก็รู้ว่าเมื่อครู่ตนเสียมารยาท จึงพลันประสานมือก่อนเอ่ยกับหงหลัวชางและชิงเฟิง
“ไม่รู้ผู้ใดเปิดเผยตำแหน่งของเส้นทางลับ ตอนนี้มีกลุ่มคนกำลังพุ่งออกมาจากทางลับ และกำลังต่อสู้กับคนของเราอยู่ด้านนอก!”
“อะไรนะ เหตุใดจึงเกิดเรื่องนี้ขึ้นได้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนพวกนั้นคือผู้ใด”
เมื่อได้ยินคำพูดของคนที่มา หงหลัวชางและชิงเฟิงต่างตกใจ พลันเอ่ยถามขึ้น
เล่อเหยาเหยาที่ซ่อนอยู่ใต้ต้นเหมยฮัวได้ยิน ก็อดฟังอย่างตั้งใจไม่ได้
คิดไม่ถึงจะมีมือสังหารมาที่นี่!
ทำได้ยอดเยี่ยมนัก ลัทธินอกรีตนี้ควรถูกกำจัดให้หมดสิ้นไป เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดที่ร้ายกาจเช่นนี้ กล้าขึ้นมาสังหารลัทธินอกรีตถึงด้านบนนี้
ขณะเล่อเหยาเหยาสงสัยในใจ รอฟังประโยคถัดมาของคนที่มา ร่างกายดุจถูกฟ้าผ่า ตะลึงงันอยู่ตรงนั้น
“หัวหน้าหง หัวหน้าชิง เป็นพวกวังรุ่ยอ๋อง และคนที่นำทัพมาคือรุ่ยอ๋องเอง!”
“อะไรนะ รุ่ยอ๋องหรือ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของคนที่มา หงหลัวชางและชิงเฟิงต่างตกใจ ใบหน้าก็พลันเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
เพราะพวกเขาสองคนเคยประมือกับพญายมที่เล่าลือกันว่าสังหารคนราวผักปลามาแล้ว ดังนั้นย่อมรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ควรปะทะ
คิดไม่ถึง ครั้งนี้เขากลับนำกองกำลังขึ้นมาที่นี่!
“เช่นนั้นพวกเขานำคนมาเท่าใด!”
หลังหายตกตะลึง ชิงเฟิงพลันเอ่ยถามอย่างใจเย็น
คนที่มาพอได้ยิน พลันเอ่ยตามความจริง
“เรื่องนี้ข้าไม่แน่ใจ ดูจากจำนวนของฝ่ายตรงข้าม น่าจะไม่ต่ำกว่าห้าร้อยคน!”
“อะไรนะ ห้าร้อยคนหรือ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของคนที่มา หงหลัวชางและชิงเฟิงต่างยิ่งมีสีหน้าเคร่งเครียดเพิ่มขึ้น
เพราะหากเป็นก่อนหน้านี้ จำนวนคนห้าร้อยนี้ ความจริงพวกเขาไม่เห็นอยู่ในสายตาด้วยซ้ำไป
เพราะทุกคนในลัทธินอกรีตของพวกเขาต่างวรยุทธ์สูงส่ง แม้จะเป็นสาวน้อยปัดกวาดทำความสะอาด ยามต่อสู้สามารถรับมือได้ในจำนวนหนึ่งต่อสิบ
เพียงแต่ครั้งนี้ศัตรูต่างออกไป
ในแคว้นเทียนหยวน จะมีผู้ใดไม่รู้จักว่าพญายมผู้นี้ วรยุทธ์สูงส่ง ไร้ผู้ต่อกร
และเขายังฝึกฝนทหารหน่วยกล้าตายวรยุทธ์สูงส่งกลุ่มหนึ่งขึ้นมา ทหารกล้าตายเหล่านั้นต่างรับมือศัตรูได้หนึ่งต่อสิบคน
รวมทั้งพวกเขาบุกขึ้นมาอย่างกะทันหัน สังหารพวกเขาอย่างไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้ นอกจากนี้มือสังหารจำนวนมากในลัทธิตอนนี้ต่างออกไปทำภารกิจ จำนวนที่เหลือมีเพียงสามร้อยกว่าคนเท่านั้น
พอคิดถึงตรงนี้ หงหลัวชางอดด่าทอชิงเฟิงอย่างเคร่งเครียดไม่ได้
“ล้วนเป็นเจ้าที่แส่หาเรื่อง หากเจ้าไม่จับตัวคู่หมั้นเขามา เขาจะมาที่นี่เพื่อสังหารเราได้เช่นไร!”
“แม้พยายมจะขึ้นมาแล้วจะเป็นเช่นไร อย่างมากข้ากับเขาก็ประมือกันให้ตายไปข้างหนึ่งเท่านั้น”
“ฮึ!”
สำหรับคำพูดของชิงเฟิง หงหลัวชางเพียงส่งเสียงฮึกลับไปอย่างเย็นชา
“เจ้าตายไปไม่เป็นไร แต่จะให้คนในลัทธิมากมายต้องพลีชีพเพื่อเจ้าด้วยหรือ!”
“เอ่อ เรื่องนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดไร้เยื่อใยของหงหลัวชาง สีหน้าชิงเฟิงดูเสียใจ
ทว่าแม้จะเห็นหงหลัวชางโมโห แต่ชิงเฟิงเข้าใจนิสัยเธอเป็นอย่างดี เวลาที่เธอโมโห แสดงถึงว่าเธอมีวิธีรับมือแล้ว ดังนั้นจึงพลันเอ่ยถามขึ้น
“หลัวชาง เจ้าคิดวิธีใดได้แล้วหรือ”
“ฮึ วิธีมีแน่นอน!”
“คือสิ่งใด เจ้ามีวิธีใด รีบพูดออกมาเถิด!”
ไม่ใช่กลัวตาย แต่ชิงเฟิงไม่อยากพลีชีพเหล่าพี่น้องในลัทธิมากมายขนาดนั้น หากมีวิธีการที่ดี ย่อมต้องใช้มัน
หงหลัวชางเห็นชิงเฟิงร้อนใจ จึงไม่ยืดยาดเอ่ยปากขึ้นว่า
“ครั้งนี้ที่พญายมนำกองกำลังขึ้นมา ต้องเป็นเพราะเจ้าลักพาตัวคู่หมั้นของเขามา จากตรงนี้เห็นชัดว่าผู้หญิงคนนี้สำหรับพญายมมีความสำคัญมากเพียงใด ดังนั้นตอนนี้พวกเราเพียงจับผู้หญิงคนนั้น เป็นตัวประกันต่อรองกับพญายม เช่นนั้นพวกเรายังต้องกลัวสิ่งใดอีกหรือ!”
“เรื่องนี้ แต่เจ้าลัทธิ…”
เมื่อได้ยินคำพูดของหงหลัวชาง ชิงเฟิงแม้จะรู้สึกว่านี่คือวิธีการที่ดี แต่กลับรู้สึกกังวล
หงหลัวชางเห็นเช่นนั้น ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าดูโมโหมากขึ้น
“เจ้ายังลังเลสิ่งใดอีก เพราะความจริงหญิงผู้นั้นไม่ใช่นายหญิงของพวกเรา แม้พวกเราจะสังหารนางแล้วเช่นไร เจ้าคิดว่าเจ้าลัทธิเลอะเลือนเสียสติหรือ ความจริงเขารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นตัวปลอมแล้ว แต่เขาเพียงดื้อดึงอยู่ตลอดเวลา เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราต้องลงมืออย่างเด็ดขาด ใช้หญิงคนนั้นจัดการพญายม จากนั้นสังหารเขา เมื่อเขาตั้งตัวเป็นศัตรูกับเรา ต้องตายสถานเดียวเท่านั้น หากเขาไม่ต้องการคนรักของตน อย่างมากเราก็แค่สังหารหญิงคนนั้น!”
เมื่อเอ่ยจบ สายตาหงหลัวชางเผยความดุร้ายออกมา
เพราะเจ้าลัทธิเป็นของเธอ เธอไม่ให้หญิงอื่นครอบครองเขาแน่
เดิมทีคิดว่าหลังนายหญิงเสียชีวิต เพียงเธอคอยอยู่ข้างกายเขา ช้าเร็วต้องมีสักวันที่เขาจะรู้สึกดีกับเธอ
และเธอก็เชื่อมั่น เพียงเธอพยายาม ช้าเร็วสักวันเขาจะรักเธอ!
หงหลัวชางคิดอย่างหนักแน่น และไม่รอให้ชิงเฟิงลังเลไปมากกว่านี้ จึงพลันหมุนกายจากไป ชิงเฟิงเห็นเช่นนั้น เพียงถอนหายใจออกมารอบหนึ่ง และจากไปเช่นกัน
หลังพวกเขาจากไป เล่อเหยาเหยาที่นั่งอยู่บนหิมะอย่างไม่กล้าขยับตัว จึงพลันได้สติจากเรื่องที่น่าตกตะลึงเมื่อครู่
“สวรรค์ อวี๋มาแล้ว เขามาตามหาข้าแล้ว! ฮ่า ๆ”
เล่อเหยาเหยาพึมพำกับตนเอง
เมื่อคนที่ตนคิดถึงมาที่นี่ อยู่ไม่ห่างจากสถานที่ตนอยู่ ใจของเล่อเหยาเหยาคล้ายมีดอกไม้นับหมื่นนับพันเบ่งบานอยู่ในนั้น ร่างกายเบาหวิว
ทว่าเล่อเหยาเหยาอารมณ์ดีได้ไม่นาน เมื่อนึกถึงคำพูดสุดท้ายนั้นของหงหลัวชาง อดสั่นเทิ้ม และเกิดความหนาวเหน็บขึ้นในใจไม่ได้
จากคำพูดของหงหลัวชาง นางต้องการจับตัวเธอเพื่อบีบบังคับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ไม่ได้ แม้เธอจะไม่รู้วรยุทธ์ แต่ไม่อาจเป็นตัวถ่วงของอวี๋!
เธอไม่อยากเป็นตัวถ่วงของอวี๋ ดังนั้นเธอต้องดูแลปกป้องตนเอง โดยการซ่อนตัวให้ดี ไม่ให้พวกหงหลัวชางหาตัวพบ
จากคำพูดของพวกเขา ครั้งนี้อวี๋นำคนขึ้นมาจำนวนมาก คนของลัทธินอกรีตจึงไม่อาจรับมือได้ ดังนั้นครั้งนี้อวี๋มีโอกาสที่จะชนะมากทีเดียว!