เล่ม 1 ตอนที่ 216 ผลาญสังหารจ้าววิญญาณ

สลับชะตา ชายามือสังหาร

“บังอาจนัก ถึงกับกล้าสังหารคนของตระกูลน่าหลานเรา!” ดวงตาตาเฒ่าลามกฉายแววหม่นทึม แววอาฆาตพุ่งตรงมาทางซือหม่าโยวเย่ว์พร้อมกับแรงกดดัน รอดูท่าทีที่เธอถูกแรงกดดันของตนบีบคั้น

แต่ซือหม่าโยวเย่ว์กลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างไม่ได้รับผลกระทบเลยแม้แต่น้อย

“เจ้าไม่สะทกสะท้านต่อแรงกดดันระดับสูงเลยนี่!” สิ่งนี้ออกจะอยู่เหนือความคาดหมายของเขาอยู่บ้าง แต่เขาก็มิได้คิดอะไรมาก เพียงแค่คิดว่าในตัวของเธอจะต้องมีสิ่งล้ำค่าบางอย่างที่ต้านแรงกดดันได้อย่างแน่นอน“ไม่ว่าเจ้าจะมีสิ่งล้ำค่าอันใด วันนี้ข้าก็จะต้องสังหารเจ้าให้จงได้ เพื่อแก้แค้นให้กับคนของตระกูลน่าหลานเรา!”

ชนรุ่นหลังของตระกูลน่าหลานถูกสังหารต่อหน้าต่อตา หากเรื่องนี้แพร่ออกไป จะต้องเป็นเรื่องตลกที่ใหญ่คับฟ้าแน่! วิธีเดียวก็คือฆ่าทั้งสองคนเสียที่นี่เพื่อไม่ให้เรื่องนี้แพร่ออกไปตลอดกาล

ซือหม่าโยวเย่ว์มองข้ามแววอาฆาตในดวงตาเขาแล้วเอ่ยว่า “คนของตระกูลน่าหลานนั้นมหัศจรรย์มากเลยหรือ เหตุใดข้าจึงไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยเล่า! ฟูมฟักเศษสวะอย่างพวกเจ้าสองคนออกมาได้ ข้าว่าก็คงมิใช่ตระกูลที่ดีเด่อะไรนักหรอก ไม่รู้จักก็ช่างเถิด!”

“เจ้าเด็กโอหัง! ข้าจะสังหารเจ้าเสียตรงนี้ แล้วมาดูกันว่าเจ้าจะโอหังอย่างไรได้อีก!” พูดแล้วตาเฒ่าลามกก็โคจรปราณวิญญาณ แสดงระดับขั้นของตนออกมา

“จ้าววิญญาณขั้นหนึ่งอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองดูตาเฒ่าผู้นี้แล้วเอ่ยเย้ยหยันว่า “ใช้ชีวิตอยู่มาจนแก่หง่อมเท่าเจ้าแล้วเพิ่งจะเลื่อนไปถึงระดับจ้าววิญญาณ พรสวรรค์ของเจ้าคงจะไม่ดีสินะ คงจะผลาญยาทิพย์วิญญาณไปไม่น้อยถึงจะเติบโตขึ้นมาได้”

วาจาของซือหม่าโยวเย่ว์ทำเอาตาเฒ่าลามกเดือดดาลจนแทบกระอักเลือด เขาพูดว่า “เดิมทีคิดจะให้เจ้าได้ตายอย่างเป็นสุข แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนความคิดแล้ว ข้าจะค่อยๆ ทรมานเจ้าจนตาย!”

“คุณชายเช่นข้าเป็นผู้ที่เจ้านึกอยากจะทรมานก็ทรมานได้หรืออย่างไร” ซือหม่าโยวเย่ว์มองตาเฒ่าลามกแล้วเอ่ยว่า “เจ้าอยากสังหารข้า ข้าก็อยากสังหารเจ้าเหมือนกันแหละ! บังอาจมีความคิดชั่วช้าต่อเสี่ยวถูของข้า ทั้งยังคิดจะจับตัวกลับไปอีก ตอนนี้ยังคิดจะสังหารพวกเราด้วย ดูท่าทางวันนี้หากไม่เอาชีวิตเจ้าก็คงจะไม่ได้แล้ว!”

“ฮ่าๆๆๆ…” ตาเฒ่าลามกเงยหน้าหัวเราะลั่นคล้ายกับได้ฟังเรื่องตลก น่าขำสิ้นดี เขามองซือหม่าโยวเย่ว์แล้วเอ่ยว่า “บรรพวิญญาณตัวเล็กๆ คนหนึ่งอย่างเจ้าก็คิดจะสังหารข้าอย่างนั้นหรือ”

“ใครบอกว่าข้าจะลงมือเองเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์แสดงสีหน้าว่าเจ้าช่างโง่นักแล้วพูดว่า “เชียนอิน ข้ายกตาแก่หนังเหนียวนี่ให้เจ้าแล้วกัน เจ้าฆ่าเขาเลยก็พอ”

ตาเฒ่าลามกกำลังอยากจะหัวเราะที่เขาพูดจาใหญ่โตอย่างหน้าไม่อาย วาจายังไม่ทันออกจากปากก็เห็นหมาป่าตัวหนึ่งปรากฏขึ้นที่ข้างกายซือหม่าโยวเย่ว์

“สัตว์อสูรเทพ!” ตาเฒ่าลามกหรี่ตา เมื่อเห็นระดับขั้นของเชียนอินจึงเอ่ยว่า “สัตว์อสูรวิเศษขั้นห้า พลังยุทธ์แค่พอถูไถกับผู้ที่เพิ่งเข้าสู่ระดับจ้าววิญญาณเท่านั้นเอง ข้าใกล้จะเลื่อนระดับไปขั้นสองแล้ว เจ้านี่ฆ่าข้าไม่ได้หรอกน่า!”

“จริงหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มอย่างไม่เห็นด้วยแล้วเอ่ยว่า “เจ้าอย่ามาพูดจายิ่งใหญ่เกินไปเลยดีกว่า!”

หางด้านหลังของเชียนอินค่อยๆ งอกจากหนึ่งหางเป็นเจ็ดหาง จนด้านหลังของเขาดูราวกับพัดเล่มหนึ่งเลยทีเดียว

“จิ้งจอกวิญญาณเจ็ดหาง!” คราวนี้ตาเฒ่าลามกเริ่มกระสับกระส่ายขึ้นมาบ้างแล้ว นี่เป็นถึงจิ้งจอกวิญญาณเจ็ดหาง สัตว์อสูรวิเศษหายากของโลกใบนี้

ซือหม่าโยวเย่ว์มองความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์บนใบหน้าเขาอย่างพึงพอใจแล้วเอ่ยว่า “ใช่แล้ว เชียนอินมีสายโลหิตสัตว์อสูรเทพโบราณจิ้งจอกเก้าหางอยู่ พลังการต่อสู้แข็งแกร่งกว่าผู้อื่นในระดับขั้นเดียวกัน เทียบเคียงได้กับสัตว์อสูรเทพขั้นหก การจัดการเจ้านั้นเป็นเรื่องง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย!”

พอเอ่ยจบเธอจึงพูดกับเชียนอินว่า “เจ้าเคลื่อนไหวให้เร็วหน่อยล่ะ พวกเขากำลังรอพวกเรากลับไปอยู่!”

“ได้เลยเจ้านาย”

เชียนอินพุ่งเข้าใส่ตาเฒ่าลามก ซือหม่าโยวเย่ว์และเป่ยกงถังรีบถอยไปด้านหลัง เว้นระยะห่างกับพวกเขาราวหนึ่งลี้

การต่อสู้ของระดับจ้าววิญญาณ พวกตนดูอยู่ห่างๆ จะดีกว่า

ก็เหมือนกับที่ซือหม่าโยวเย่ว์พูดเอาไว้ เชียนอินกดดันตาเฒ่าลามกได้ในระดับหนึ่ง เพียงไม่นานก็ทำร้ายจนอีกฝ่ายนอนหายใจรวยริน

พวกซือหม่าโยวเย่ว์เห็นว่าการต่อสู้สิ้นสุดลงแล้วจึงทะยานเข้าไป เธอมาถึงข้างกายตาเฒ่าลามกแล้วเตะเขาอย่างแรงทีหนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “เป็นเช่นไรบ้างเล่า ข้าบอกแล้วว่าวันนี้จะสังหารพวกเจ้าสองคนเสีย ก็สังหารพวกเจ้าจนได้! คิดจะช่วงชิงผู้หญิงกับน้องชายของข้า ชาติหน้ารู้จักล้างตาเจ้าให้สว่างสักหน่อยนะ ไม่ใช่อยากจะแตะต้องใครก็ทำไปทั่ว เข้าใจหรือไม่”

“…” ตาเฒ่าลามกมิได้ส่งเสียง

ซือหม่าโยวเย่ว์คุกเข่าลงแล้วดึงแหวนเก็บวัตถุหลายวงบนนิ้วมือของตาเฒ่าลามกไปก่อนจะพูดว่า “ถึงอย่างไรเจ้าก็ต้องตายอยู่ดี คิดเสียว่าให้ของพวกนี้เป็นค่าตกใจของพวกเราแล้วกันนะ”

“อ๊อก!…”

ตาเฒ่าที่เดิมทียังเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้ายถูกพฤติกรรมราวกับโจรปล้นชิงของซือหม่าโยวเย่ว์ทำให้โมโหจนกระอักเลือดแล้วสำลัก

เธอซัดเปลวเพลิงกองหนึ่งไปบนร่างของตาเฒ่าลามกแล้วแผดเผาซากศพของเขา

เป่ยกงถังซัดเปลวเพลิงอีกกองไปยังร่างของชายหนุ่มลามก ซึ่งก่อนจะทำเช่นนี้ก็ไม่ลืมที่จะถอดแหวนเก็บวัตถุของเขามาด้วย

คนสองคนที่คิดจะทำร้ายน้ำใจนางก็ถูกพวกนางกำจัดไปเช่นนี้เอง

ตอนนี้ทั้งสองตายไปแล้ว ความเชื่อมโยงกับแหวนเก็บวัตถุก็ถูกตัดขาดไปด้วย ตอนนี้จึงกลายเป็นแหวนไร้เจ้าของ

ซือหม่าโยวเย่ว์และเป่ยกงถังใช้สติหยั่งรู้ของแต่ละคนแทรกเข้าไปในนั้นเพื่อตรวจตราดูว่าในนั้นมีสิ่งใดอยู่บ้าง

“บ้าเอ๊ย เจ้าเฒ่านี่ช่างมีมรดกมากมายเหลือเกิน!” ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นทรัพย์สมบัติภายในนั้นแล้วก็อดร้องตะโกนออกมามิได้

“เจ้าหนุ่มนี่ก็เช่นกัน” เป่ยกงถังพูด

“ดูจากข้าวของของพวกเขาแล้ว ยามปกติจะต้องทำเรื่องชั่วร้ายไม่น้อยแน่ แต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะเสร็จพวกเราเสียแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มจนปากแทบจะฉีกถึงรูหูแล้ว

เป่ยกงถังเห็นท่าทีของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วอดส่ายหน้ามิได้ เมื่อครู่เรียกภรรยาอย่างเป็นธรรมชาตินัก นี่ก็คงเป็นการหยอกเย้านางกระมัง ตอนนี้เธอยังแสดงการปล้นชิงได้อย่างเฉียบขาดและชัดเจนอีกด้วย เป็นจอมโจรได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลย!

“เวลาก็ล่วงเลยมามากแล้ว พวกเรากลับกันดีกว่า มิฉะนั้นพวกเขาจะกังวลใจเอาได้นะ” เป่ยกงถังระงับความอยากกลอกตาใส่เอาไว้แล้วมอบแหวนของชายหนุ่มลามกให้

“ได้สิ” ซือหม่าโยวเย่ว์เก็บแหวนลงไป ก่อนจะพูดกับเชียนอินว่า ลำบากเจ้าแล้ว ประโยคหนึ่ง หลังจากนั้นจึงเก็บตัวมันกลับเข้าไปในเจดีย์วิญญาณแล้วพูดกับเป่ยกงถังว่า “ไปกันเถิด”

ตอนที่พวกเธอกลับไปถึงโรงเตี๊ยม พวกเว่ยจือฉีกลับมิได้เป็นห่วงพวกเธอมากมายถึงเพียงนั้นอย่างที่จินตนาการเอาไว้ พวกเขากำลังดื่มชากันอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ของโรงเตี๊ยม

มีเพียงเสี่ยวถูเท่านั้นที่เห็นพวกเธอแล้วโบกไม้โบกมือให้พร้อมรอยยิ้ม

“เป็นเช่นไรบ้าง” เจ้าอ้วนชวีแค้นใจต่อผู้ที่ทำร้ายตนจนได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีวันนี้ก็คิดจะไปด้วย แต่ถูกซือหม่าโยวเย่ว์บอกว่าเกะกะ ให้รออยู่ที่โรงเตี๊ยมเสีย

“ดูจากสภาพของพวกนางสองคนก็รู้แล้วว่าจะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน!” เว่ยจือฉีพูดพร้อมรอยยิ้ม

ซือหม่าโยวเย่ว์และเป่ยกงถังนั่งลงแล้วดื่มชาที่เจ้าอ้วนชวีรินส่งมาให้ด้วยความใส่ใจ ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเราลงมือทั้งที ย่อมต้องไม่มีปัญหาอยู่แล้ว! นอกจากนี้ยังได้ของติดไม้ติดมือมาไม่น้อยเลยด้วย!”

“ของติดไม้ติดมืออันใดกัน” เสี่ยวถูทำตาโตมองซือหม่าโยวเย่ว์

ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่พูดจา เพียงแค่มองเสี่ยวถูปราดหนึ่ง เขาจึงรีบพูดอย่างรู้ความขึ้นมาในทันทีว่า “อ้อ… ข้ารู้แล้ว พี่สาวกับพี่ชายฉกชิงแหวนเก็บวัตถุของผู้อื่นมาอีกแล้วล่ะสิ!”

“เรียกว่าฉกชิงอะไรกันเล่า ข้าแค่เก็บมาได้หรือไม่เล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์มองเสี่ยวถูอย่างไม่เห็นด้วยพลางเอ่ยว่า “เอาวัตถุที่มีเจ้าของมาจึงจะเรียกว่าฉกชิง นี่ข้าแค่เก็บวัตถุไร้เจ้าของมาเท่านั้นเอง เข้าใจหรือไม่”

วัตถุที่มีเจ้าของจึงจะเรียกว่าฉกชิง ส่วนวัตถุไร้เจ้าของนั้นคือการเก็บมา เสี่ยวถูพยักหน้าอย่างแรง ตระหนักรู้ความจริงข้อนี้เข้าไปถึงแกนกลางกระดูก ดังนั้นอีกหลายปีต่อมาตอนที่เขาฉกชิงยาทิพย์วิญญาณที่ผู้อื่นเก็บเอาไว้ในมือมา เมื่อพบกับผู้อื่นที่ชี้มูลความผิด เขาก็จะพูดเสียราวกับเป็นเทพเซียนว่า “วัตถุที่มีเจ้าของจึงจะเรียกว่าฉกชิง ส่วนวัตถุไร้เจ้าของนั้นเรียกว่าเก็บมา เข้าใจหรือไม่”

พอพูดจบก็ทะยานขึ้นไปบนฟ้า ทำเอาคนทั้งกลุ่มโมโหจนแทบกระอักเลือด

………………………………………