พวกนักเลงแก็งมังกรครามต่างขนลุกซู่เมื่อเผชิญกับความน่ากลัวของแววตาของอวี้ฮ่าวหราน แต่อย่างไรก็ตามด้วยประสบการณ์การตีรันฟันแทงมาอย่างโชกโชนพวกเขาจึงปรับสภาพอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว

“ไอ้ลูกหมาเอ๊ย! แกกล้าดียังไงถึงได้มาขู่ฆ่าพวกฉันในถิ่นของพวกฉันแบบนี้ห๊ะ?!”

“วันนี้แกตายแน่ ฉันจะสับแขนสับขาของแกออกแล้วจะโยนให้หมากิน!”

เมื่อได้สติพวกนักเลงต่างตะโกนด่าทอด้วยความเดือดดาลกับการที่ถูก อวี้ฮ่าวหรานขู่เอาชีวิต อย่างไรก็ตามอีกไม่นานพวกเขาจะได้รู้ว่าคำพูดของอวี้ฮ่าวหรานนั้นเชื่อถือได้!

“พวกแกรู้หรือเปล่าว่าขนาดหัวหน้าแก็งค์ของพวกแกยังต้องก้มหัวให้กับฉันเลย?”

“แม่แกสิที่ก้ม…”

“พลั่ก!! โครม!!”

ก่อนที่จะทันได้พูดจบ นักเลงคนที่กำลังผรุสวาทก็โดนอวี้ฮ่าวหรานพุ่งเข้ามาต่อยอย่างเต็มแรงจนตัวลอยกระเด็นไปชนกับกำแพงด้านหลังอย่างจังและแน่นิ่งไม่ขยับอีกเลย

พวกนักเลงที่เหลือต่างตะลึงงันเพราะพวกเขามองไม่ทันเลยว่าอวี้ฮ่าวหรานพุ่งเข้ามายืนอยู่จุดเดียวกับที่เพื่อนของพวกเขายืนอยู่เมื่อครู่ได้ยังไง

…และเพื่อนของพวกเขาตัวลอยกระเด็นไปชนกับกำแพงแบบนั้นได้ยังไง?!

“อาหลง!!”

“อาหลง แกเป็นอะไรหรือเปล่า??”

เมื่อได้สติ พวกนักเลงส่วนหนึ่งรีบวิ่งไปดูอาการของเพื่อนตัวเองทันที แต่อีกส่วนหนึ่งวิ่งเข้าหาอวี้ฮ่าวหรานพร้อมกับมีดแทน!

“แกตาย!!”

“แกทำร้ายเพื่อนฉัน แกต้องชดใช้!!”

อวี้ฮ่าวหรานมองดูพวกนักเลง 7-8 คนวิ่งเข้ามาหาด้วยแววตาเย้ยหยัน

“เฮอะ! ไอ้พวกมดแมลง!”

หลังจากพูดจบ ร่างของอวี้ฮ่าวหรานก็หายไปอีกครั้งและจากนั้นในพริบตาร่างของเขาไปโผล่ตรงหน้านักเลงที่กำลังวิ่งเข้ามาหาและต่อยเข้าไปที่กลางอกของนักเลงผู้โชคร้ายเข้าไปเต็มๆ

“อั่ก!!”

แค่เพียงหมัดเดียวร่างของนักเลงลอยกระเด็นไปชนเข้ากับกำแพงทางเดินด้านในบาร์จินหยวนอย่างรุนแรง หัวใจของคนคนนั้นแหลกสลายในทันทีจากแรงกระแทก

หมัดเดียวจบชีวิต!

หลังจากนั้นไม่เกิน 10 วินาทีพวกนักเลง 8 คนที่วิ่งเข้ามาหาอวี้ฮ่าวหรานต่างนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้นในสภาพที่หากไม่ตายตอนนี้ก็น่าจะหายใจต่อได้อีกไม่นาน

พวกนักเลงที่ไม่ได้พุ่งเข้าหาอวี้ฮ่าวหรานต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็น ไม่มีใครในพวกเขาที่คิดว่าอวี้ฮ่าวหรานจะแข็งแกร่งขนาดนี้

เมื่อรู้ตัวว่าพวกตัวเองสู้ไม่ได้แน่นอนพวกเขาจึงรีบวิ่งหนีกลับเข้าไปด้านในเพื่อตามพวกทันที

แน่นอนว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่มีความคิดจะหยุดมดแมลงพวกนี้ เขาต้องการให้คนเหล่านี้ออกไปตามพรรคพวกของตัวเองออกมาเพื่อที่เขาจะได้จัดการทั้งหมดในคราวเดียวไม่ต้องเสียเวลาไล่เปิดหาทีละห้อง

ในเวลาไม่นาน เฉินซิวที่อยู่ด้านในเมื่อเห็นว่าลูกน้องของตัวเองวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามารายงานว่ามีคนบุกเข้ามาในบาร์เขารีบถามกลับทันที

“คนที่บุกเข้ามาเป็นชายหนุ่มอายุ 20 กว่า ๆ ใช่ไหม?”

เขาไม่นึกเลยว่าอวี้ฮ่าวหรานจะมาหาเขาเร็วขนาดนี้

“ถูกต้องแล้วลูกพี่ ไอ้หนุ่มนั่นมันแข็งแกร่งมากเลย มันล้มพวกเราไปหลายคนแล้ว!” ลูกน้องของเฉินซิวตอบกลับอย่างกระหืดกระหอบ

“โอเค! แกไปตามทุกคนมาและพาฟ่านซีเหยียนตามฉันออกไปด้วย!”

เฉินซิวสั่งการออกไปอย่างรวดเร็ว ในเมื่อเรื่องมันดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะต้องกลัวอีกต่อไป

“ฮึ่ม คราวนี้ฉันมีเมียของมันเป็นเครื่องต่อรองแล้ว ถึงเวลาที่ฉันจะต้องเอาคืนบ้าง!”

ที่ด้านในห้องโถงหลักของบาร์จินหยวน

อวี้ฮ่าวหรานรออยู่ที่กลางห้องโถงนานเกือบ 4 นาทีก่อนที่จะมีคนกลุ่มใหญ่กรูกันออกมาล้อมรอบตัวเขา

แน่นอนว่าหนึ่งในกลุ่มคนที่กรูกันออกมาคือ…เฉินซิว

“เฉินซิว…”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา เขาไม่นึกเลยว่าไอ้คน ๆ นี้ที่มันไม่กล้าหายใจแรงต่อหน้าเขามาโดยตลอดจะกล้าเป็นหัวหอกยั่วยุเขาเช่นนี้

ดูเหมือนว่าไอ้คน ๆ นี้ไม่ได้ฉลาดเหมือนอย่างที่คิดไว้

“โอ้ ลมอะไรหอบน้องอวี้มาในบาร์ของพี่ได้กันล่ะเนี่ย?”

เฉินซิวทักทายด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย คราวนี้เขาจงใจเรียกอีกฝ่ายว่า ‘น้อง’ แตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่เขาเรียกว่า ‘พี่’ มาโดยตลอดเพื่อเป็นการล้อเลียน…

อวี้ฮ่าวหรานยิ้มอย่างเย็นชา ไม่ต้องการที่จะพูดอะไรให้มากมายกับอีกฝ่าย เขาพูดเข้าประเด็นทันที

“ปล่อยฟ่านซีเหยียนมาแล้วฉันจะลงโทษแกสถานเบาโดยการทำให้พิการ แต่ถ้าแกปฏิเสธทุกคนที่นี่จะต้องตาย!”

“ฮ่าฮ่า น้องอวี้นี่เป็นคนโอหังเหมือนเดิมเลยนะ? แต่ว่าน้องอวี้อย่าลืมสิว่าภรรยาของน้องอยู่ในมือพี่คนนี้แล้ว น้องควรจะพูดจาสำรวมกับพี่สักหน่อยจะดีกว่า!”

ในระหว่างที่พูด เฉินซิวก็ดึงตัวฟ่านซีเหยียนมาอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้าหยิ่งผยอง

เขามั่นใจว่าตราบใดที่ฟ่านซีเหยียนอยู่ในมือเขา อวี้ฮ่าวหรานไม่มีทางกล้าทำอะไรเขาแน่นอน!

อย่างไรก็ตามอวี้ฮ่าวหรานกลับไม่ได้สะทกสะท้านกับคำขู่เลยแม้แต่น้อย เขาตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นชา

“สรุปแล้วแกจะไม่ปล่อยใช่ไหม? ได้! ถ้างั้นฉันบอกเอาไว้เลยว่าทุกคนของแก็งมังกรครามที่อยู่ที่นี่จะไม่มีลมหายใจอยู่ได้ถึงวันถัดไปแน่นอน!”

บรรดาคนของแก็งค์มังกรครามต่างรู้สึกขนลุกขนพองหลังจากสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสังหารที่อวี้ฮ่าวหรานแผ่ออกมา…

เฉินซิวรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัวเช่นกัน ถึงแม้ว่าเขาจะห่างจากอีกฝ่ายมากกว่าสิบเมตร แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายสังหารที่อีกฝ่ายปลดปล่อยออกมาได้อย่างชัดเจน!

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาเหลือบมองฟ่านซีเหยียนที่ยังอยู่ในกำมือของเขา ความมั่นใจของเขาก็กลับมาดังเดิม

“เฮอะ! อย่ามาขู่กันซะให้ยาก! แกลองเคลื่อนไหวดูสิฉันฆ่าเมียแกแน่!”

หลังจากพูดจบ เฉินซิวก็ชักมีดออกจากเอวแล้วเอามีดไปจ่อที่คอหอยของฟ่านซีเหยียนด้วยสีหน้าเย็นชา

ฟ่านซีเหยียนในเวลานี้หลั่งน้ำตาออกมามากมายด้วยความกลัว เธอไม่คิดเลยว่าเธอจะต้องมาเจอเรื่องร้าย ๆ ติด ๆ กันแบบนี้

ทางด้านของเฉินซิว เมื่อเห็นสีหน้าที่หวาดกลัวของฟ่านซีเหยียน เขาก็ยิ่งได้ใจมากกว่าเดิม

“นี่ไงล่ะ แกเห็นไหม?! ตอนนี้เมียของแกกำลังกลัว! ตอนนี้แกคุกเข่าลงซะแล้วอ้อนวอนขอความเมตตาจากฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะเฉือนหูของเมียแกออกก่อนข้างหนึ่ง!”

ในทางกลับกัน เมื่อถูกขู่เช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานกลับระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นดังลั่น

“ฮ่าฮ่าฮ่า”

เฉินซิวเมื่อเห็นเช่นนี้ เขาพลันขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดทันที ไอ้เวรนี่บ้าไปแล้วหรือไง ทำไมจู่ ๆ มันถึงหัวเราะออกมาแบบนี้?

อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะทันได้ตะคอกขู่อวี้ฮ่าวหรานอีกรอบ เขากลับต้องตกตะลึงค้างเพราะจู่ ๆ ร่างของอวี้ฮ่าวหรานกลับหายไปจากสายตาของเขาอย่างฉับพลัน!

และจากนั้นชั่วอึดใจถัดมา เขาได้ยินเสียงกระซิบใกล้หูของเขา

“แกมันก็แค่มดแมลง!”

แน่นอนว่าเจ้าของเสียงกระซิบไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอวี้ฮ่าวหราน!