บทที่ 191 สถานการณ์ไม่ปกติ

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]

“ขอให้คนช่วยเหรอ? ต่อให้เธอตะโกนจนคอแตกก็ไม่มีใครช่วยเธอได้หรอก!”

แววตาที่จ้องมองมาของเซียวเฟิงนั้นดูอันตรายสุด ๆ ซึ่งสีหน้าเขาเองก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ เหล่าผู้ชมรอบ ๆ เองก็ทำได้แค่ยืนมองเซียวเฟิงบีบบังคับให้ชูเมิ่งอิ๋งถอยไปจนถึงขอบเรืออย่างช่วยอะไรไม่ได้ ทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มก็ยกขาขึ้นและถีบร่างของเธอตรงหน้าลงไปอย่างไม่ลังเล

ร่างบางของชูเมิ่งอิ๋งกระเด็นตามแรงถีบนั้นและตกลงไปจากเรือลงสู่ทะเลดัง ‘ตู้ม’ ก่อนจะตามมาด้วยหยาดน้ำที่กระจายขึ้นมา

ดูเหมือนว่าชูเมิ่งอิ๋งจะรู้วิธีว่ายน้ำอยู่บ้าง หลังจากที่เธอดิ้นทุรนทุรายอยู่ครู่ หนึ่งร่างของเธอก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำได้ ร่างนั้นเปียกไปทางร่างแล้ว ภาพของเทพธิดาอันดับ 2 ของฮัวเซียที่โผล่หัวเปียก ๆ ขึ้นมาจากน้ำนั้นดูน่าสงสารไม่น้อยเลยทีเดียว

ขณะเดียวกัน นี่ก็ถือเป็นการยืนยันสมมติฐานของเซียวเฟิงไปในทางเดียวกันด้วย เรือลำนี้ไม่ได้กำลังเคลื่อนที่อยู่จริง ๆ มันไม่ได้ ‘กำลังมุ่งหน้าตรงไป’ ตั้งแต่แรก ไม่งั้นแล้วป่านนี้ชูเมิ่งอิ๋งคงไม่ลอยอยู่ข้าง ๆ เรือที่เดิมได้หรอกตั้งแต่ที่ตกลงไปในน้ำ

ในระหว่างที่เซียวเฟิงกำลังยืนยันสมมติฐานของตนเอง ผู้เล่นนับพันของเขตฮัวเซียต่างก็ยืนแข็งทื่อกันไปหมด

พวกเขาไม่สามารถฝืนทนมองชูเมิ่งอิ๋งที่น่าสงสารขณะถูกเซียวเฟิงถีบลงน้ำไปได้ มันช่างเป็นภาพที่เจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน

เธอเป็นถึง ‘เทพธิดาแห่งชาติ’ เลยนะ! เป็นสาวในฝันของชายนับไม่ถ้วนเลย! การที่เธอโดนกระทำเช่นนี้มันช่างเป็นอะไรที่ไร้มนุษยธรรมมากเกินไปแล้ว!

“อ๊าาาา! แม่เทพธิดาของฉัน!”

“แกกล้าดียังไงทำกับเทพธิดาของพวกเราแบบนี้! ทำเกินไปแล้วนะ!”

“ต้องเป็นคนแบบไหนกันน่ะ? ทำไมเขาถึงกล้าเตะชูเมิ่งอิ๋งลงน้ำได้แบบไม่แยแสเลย? แล้วไม่มีใครคิดจะไปหยุดเขาเหรอ?”

“เขาเสียสติไปแล้ว! เลือดในตัวมันเดือดพล่านไปหมด! ไอ้นี่มันไม่ใช่ผู้ชาย!”

“ไอ้บ้านี่! กล้ามากนะที่ทำกับเทพธิดาชูอิ๋งแบบนี้! ฉันทนไม่ได้แล้ว!”

ผู้เล่นชายมากมายต่างพากันโกรธ พวกเขากำลังเดือดดาลกันหลังจากที่เห็นว่า ‘เทพธิดาแห่งชาติ’ ถูกกระทำเช่นนั้น แต่เพียงแค่เซียวเฟิงหันไปเหลียวมองพวกคนที่กำลังโวยวายด้วยแววตาเหมือนจะกล่าวเตือน พวกเขาก็พากันสั่นกลัวไปพร้อม ๆ กัน

ต่อให้โกรธ…ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรได้!

ยังไงซะ ไม้ใหญ่ก็ยังเป็นกำบังที่แข็งแกร่งอยู่ดี จากเรื่องบาดหมางเมื่อคืนของเจ้าแห่งฮีลเลอร์และกิลด์กลอรี่ที่เรียกได้ว่าสงครามระดับย่อมนั้น เจ้าแห่งฮีลเลอร์มีชัยชนะเหนือกองทัพนับหมื่นได้ด้วยตัวคนเดียว

การที่เขาเพียงคนเดียวสามารถถล่มเหล่าผู้เล่นระดับสูงและได้ชัยชนะมานั้น เป็นหลักฐานชิ้นโตที่ยืนยันได้ว่าพลังของชายตรงหน้านั้นเป็นของจริง เขาคือผู้ชนะตัวจริง ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ฉายา ‘เจ้าแห่งฮีลเลอร์’ กลายเป็นที่รู้จักของผู้เล่นทุกหย่อมหญ้า

ดังนั้นแล้วแม้ว่าจะมีผู้เล่นชายนับไม่ถ้วนโถมความโกรธเข้าใส่เซียวเฟิง แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะก้าวขึ้นไปข้างหน้าและทวงความยุติธรรมให้เธอ แววตาของเจ้าแห่งฮีลเลอร์ที่จ้องมองมา กำลังเตือนคนเหล่านี้ว่า เขาไม่ได้พูดเล่น ใครก็ตามที่คิดจะก้าวออกมาข้างหน้า จะต้องคิดดูให้ดีว่าตนสามารถทำอะไรบนโลกแห่งเกมคนนี้ได้บ้าง

“นาย! ทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไงกันฮะ!”

ชูเมิ่งอิ๋งยังคงจ้องมองเซียวเฟิงด้วยความหวาดหวั่นอยู่ขณะที่ยังดิ้นรนอยู่บนน้ำเหมือนหนูที่โดนน้ำท่วมรัง ซึ่งระหว่างที่พูดนั้นมันก็ทำให้เธอเผลอกลืนน้ำทะเลไปหลายอึกด้วย มันช่างเป็นภาพที่ยากที่จะทนมองจริง ๆ ภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบของเทพธิดาแห่งชาตินั้นโดนทำลายจนไม่เหลือชิ้นดีแล้ว

มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก ๆ เธอไม่คิดเลยว่าชายคนนี้จะไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษขนาดที่กล้าถีบเธอลงมาในน้ำแบบนี้

ในตอนนี้พูดนั้น เธอก็พยายามจับเรือไว้และพยายามปีนขึ้นมาด้วย เรื่องในครั้งนี้มันถือเป็นความอับอายครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตเธอเลย เพราะงั้นเธอจะไม่ยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆ แน่

“พยายามได้ดี”

นรกครั้งนี้ยังไม่จบสิ้น เซียวเฟิงไม่ยอมปล่อยเธอไปแม้ว่าจะตกน้ำไปแล้ว

ในมือของเขานั้นมีก้อนหินขนาดเท่าอิฐอยู่ก้อนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าไปหามาได้จากไหน ระหว่างที่มองเธอเขาก็โยนมันเล่นไปมาราวกับจะสื่อว่าจะทำอะไรด้วย

หากกล้าขยับขึ้นมาจริง ๆ ล่ะก็ เขาจะปล่อยหินก้อนนี้ใส่หน้าเธอ!

“นาย!!”

หญิงสาวหน้าซีดไปในทันที ด้วยมือทั้งสองข้างที่เกาะข้างเรืออยู่ เธอไม่กล้าที่จะขยับไปไหนเลย ในใจของชูเมิ่งอิ๋งนั้นมั่นใจมากว่าเขากล้าทำแน่ ๆ ถ้าหากเธอยังขยับขึ้นเรือไปจริง ๆ

ความโกรธของชูเมิ่งอิ๋งพุ่งสู่ระดับสูงสุดเช่นเดียวกับความหมดหวัง คน ๆ นี้เป็นคนแบบไหนกันเนี่ย? ตลอดมาเธอถูกปฏิบัติใส่เยี่ยงองค์ราชินีมาโดยตลอด ทำไมอีกฝ่ายถึงกล้าทำกับเธอถึงเพียงนี้?

“มันจะมากไปแล้วนะ! ทำขนาดนั้นฉันก็ตายพอดีน่ะสิ!”

เหล่าผู้เล่นชายที่อยู่รอบ ๆ ต่างพากันยืนตัวแข็งทื่อ พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์จะทำถึงขนาดนี้ ขณะที่พวกเขาได้แต่ยืนมองนางในฝันเกาะอยู่ข้างลำเรือและดิ้นรนไม่หยุดเพื่อไม่ให้จมน้ำ ความรู้สึกข้างในมันช่างเหมือนหัวใจที่โดนเหยียบย่ำเสียเหลือเกิน

แม้แต่ผู้เล่นที่ไม่ได้เกลียดเซียวเฟิงเป็นทุนก็ยังรู้สึกแย่กับภาพที่ได้เห็นนี้เลย

สองพี่น้องนิโคลัสกับหานเฟิงที่แอบอยู่มุมหนึ่งนั้นไม่กล้าแสดงตัวออกมาด้วยความตะลึง จืออี้เองก็ได้แต่ยืนมองเขาด้วยความรู้สึกตกใจด้วยเช่นกัน อีกฟากหนึ่งก็มีซือเยี่ยจิ๋งที่กำลังมองด้วยดวงตาที่ไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ ดูเหมือนว่าเธอจะได้เรื่องฝังใจใหม่กับคน ๆ นี้แล้ว

สายตาของหลิวเฉียงเหว่ยที่มองไปยังเซียวเฟิงเองก็นิ่งสงัดไปเหมือน ๆ กัน… เธอหมดคำพูดจริง ๆ

ชูเมิ่งอิ๋งรู้ดีว่าการที่จะเป็นศัตรูกับคนที่น่ารังเกียจคนนี้นั้นมันไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด ดังนั้นเธอจึงหันหน้าไปมองหาคนอื่นที่อาจจะช่วยเธอได้แทนด้วยสีหน้าอ้อนวอน หญิงสาวรู้ว่าถ้าเธอสามารถล่อให้ใครสักคนลงมาช่วยเธอได้ล่ะก็ เธอจะสามารถขึ้นจากน้ำได้แน่ ๆ

ทว่าสิ่งที่ได้กลับมาก็มีแต่ความผิดหวัง ชูเมิ่งอิ๋งไม่เข้าใจว่าทำไมผู้เล่นเหล่านี้ถึงได้พากันหันหน้าหนีทั้ง ๆ ที่เธออยู่ในสภาพน่าสงสารขนาดนี้แล้วแท้ ๆ ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยเธอเลย ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นระดับสูงที่เธอรู้จัก หรือแม้แต่หัวหน้าของกิลด์บางกิลด์ที่ไล่ตามเธอมาอย่างยาวนาน ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะหันมาพูดกับเธอ

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

หญิงสาวเริ่มจะชะงักแล้วเหลียวมองชายน่ารังเกียจตรงหน้าเธอ ทุก ๆ คนกลัวหมอนี่เหรอ?

“โอเค ไม่มีปัญหาแล้ว พูดต่อได้เลย”

เซียวเฟิงหันกลับมามองเล่าสวีด้วยแววตาพึงพอใจแล้ว เขาส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายพูดในเรื่องที่พูดค้างไว้ต่อให้จบ

“อ๊ะ…”

สติของเล่าสวีถูกเรียกกลับมายังปัจจุบัน เขาหลบสายตามาจากชูเมิ่งอิ๋งที่อยู่ในน้ำแล้วปาดเหงื่อเบา ๆ ก่อนจะเริ่มพูดต่อ

“อย่างที่พวกเรารู้กันอยู่แล้ว เขตฮัวเซียนั้นมักจะถูกขับไล่โดยเขตอื่น ๆ อยู่เสมอไม่ว่าจะเกมไหนก็ตาม โดยเฉพาะหลังจากการแข่งขันระดับโลกรอบสุดท้ายเมื่อ 5 ปีที่แล้ว นี่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เขตของเราเจอแต่เรื่องวุ่นวาย ไม่ว่าจะไปติดต่อเขตไหนก็ตาม พวกเราก็จะโดนโต้ตอบกลับอย่างไม่ใยดีเสมอ ไม่มีข้อยกเว้นเลยด้วย”

ขณะที่เล่าสวีกำลังพูด คนกว่าพันคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้นต่างก็พากันพยักหน้าเข้าใจ นี่ไม่ใช่ข่าวใหม่อะไรในวงการเกมตอนนี้ จริง ๆ มันเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะเขตฮัวเซียมีเกมเมอร์อยู่เป็นจำนวนมากล่ะก็ ป่านนี้พวกเขาอาจจะโดนดักตีหัวโดยผู้เล่นเขตอื่นไปนานแล้วก็ได้

“มันไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่ใน ‘มิธ’ พวกเรายังคงเหนือกว่าคนพวกนั้น ฉันเพิ่งได้รับข่าวมา ว่านอกจากเขตฮัวเซียแล้ว เขตอื่น ๆ ที่เข้าร่วมในอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ครั้งนี้ต่างก็แอบทำข้อตกลงร่วมกันเป็นการส่วนตัว พวกนั้นจะโจมตีพวกเราระหว่างที่อีเวนต์กำลังดำเนินอยู่ และจะไม่ยอมให้พวกเรามีส่วนร่วมในอีเวนต์นี้ นั่นหมายถึงพวกมันจงใจจะลบพวกเราให้หายไปจากเกมโดยใช้จังหวะที่ทุกเขตได้เจอกันเป็นโอกาส” เล่าสวีพูด

“หา! ขนาดนั้นเลยเหรอ!?”

“บ้าเอ้ย! พวกนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่! รวมพลังกันกำจัดผู้เล่นเขตฮัวเซียเหรอ?”

“ทำไมพวกนั้นถึงได้คิดจะทำอะไรบ้า ๆ แบบนี้นะ? เกมอื่น ๆ ก่อนหน้าต่อให้คนอื่น ๆ จะนำหน้าพวกเราก็ไม่เคยเล่นนอกกติกาเลยนะ!”

เมื่อเล่าสวีพูดจบ ผู้เล่นทุกคนก็เริ่มส่งเสียงขึ้นมาทันที ด้วยสีหน้าที่ดูจะเต็มไปด้วยความตกใจนั้น เหล่าหัวหน้ากิลด์ต่าง ๆ ก็ได้แต่มองหน้ากันเองด้วยความตึงเครียด

เรื่องอะไรก็ตามที่เล่าสวีเป็นคนพูด มันมักเป็นเรื่องจริงเสมอ และนั่นหมายถึงสถานการณ์ตอนนี้กำลังแย่แล้ว เพราะไม่ว่าผู้เล่นในเขตฮัวเซียจะมีมากขนาดไหน แต่มันก็ไม่มีทางพอที่จะต้องต่อสู้กับผู้คนจำนวนมากที่มาจากเขตอื่น ๆ รวมกันหรอก

“อันที่จริง มันมีเหตุผลที่จู่ ๆ เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นทันทีอยู่… ทุกคน ลองดูไปที่อันดับเซิร์ฟเวอร์สิ แล้วพวกนายจะรู้”

เล่าสวีส่ายหน้าเบา ๆ แล้วเปิดอันดับดังกล่าวขึ้นมา ผู้เล่นทุกคนต่างตกตะลึงมากขึ้นไปอีกก่อนที่สายตานับพันคู่จะหันไปมองเซียวเฟิงพร้อมกันอย่างช่วยไม่ได้

หลังจากที่ดูอันดับต่าง ๆ ในกระดานนั้นแล้ว พวกเขาเองก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเขตอื่น ๆ ถึงตัดสินใจร่วมมือกันเพื่อกำจัดเขตฮัวเซียเขตเดียว

นั่นเพราะเขตฮัวเซียนั้นครอบครองอันดับ 1 ของทุกรายการทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นชัยชนะต่าง ๆ ศึกแห่งศักดิ์ศรีมากมาย รวมถึงอันดับอื่น ๆ ที่ตัวเกมได้จัดเอาไว้

อันดับทุกประเภท ล้วนเกี่ยวข้องกับเซียวเฟิงทั้งหมด

ในที่สุดทุกคนก็ได้เข้าใจแล้วว่า เจ้าแห่งฮีลเลอร์นั้นไม่ใช่เพียงแค่ผู้เล่นระดับท็อปของเขตฮัวเซียเท่านั้น แต่เป็นถึงผู้เล่นระดับท็อปของเซิร์ฟเวอร์เลย

และในขณะเดียวพวกเขาก็เข้าใจเพิ่มขึ้นด้วยว่าทำไมเขตอื่น ๆ ถึงจำเป็นต้องจับมือกันเช่นนี้

มันอาจจะเป็นเพราะความอิจฉาก็ได้ หรือไม่ก็… ความกลัว!!

ในฐานะที่เปรียบเสมือนโลกใบที่ 2 มิธก้าวหน้านำโลกของเกมอื่นไปแล้ว ทุกประเทศให้ความสนใจและเข้าร่วมกับโลกของมิธ เขตฮัวเซียยังคงเป็นเขตที่พัฒนาและประสบความสำเร็จมากมายที่สุด เช่นนี้แล้วจะให้เขตอื่น ๆ นิ่งนอนใจปล่อยให้พวกเขาครองบัลลังก์แบบนี้ได้เหรอ?

“เพราะฉะนั้นแล้ว เพื่อประโยชน์ของพวกเรารวมไปถึงเพื่อความปลอดภัย เราจะต้องร่วมมือกันให้ดีรวมถึงเตรียมถอยตั้งหลักให้พร้อมเมื่อต้องเผชิญกับเขตอื่น ด้วยวิธีนี้มันช่วยทำให้พวกเราสามารถผ่านอีเวนต์นี้ไปได้อย่างราบรื่นแน่นอน” เล่าสวีหันไปมองทางเซียวเฟิง “โดยเฉพาะ เจ้าแห่งฮีลเลอร์ อุปกรณ์ของนายที่เป็นอาร์ติแฟคท์น่ะจะต้องเป็นที่จับตามองจากทุกเขตแน่นอนครับ ถ้าหากนายเปิดเผยใบหน้าล่ะก็ จะกลายเป็นเป้าโจมตีของเหล่าผู้เล่นระดับสูงจากเขตอื่นนับไม่ถ้วนเลยนะครับ”

ผู้เล่นหลายคนยังพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่เล่าสวีพูด หากจะต้องรับมือกับการร่วมมือกันของเขตอื่น ๆ ขณะที่ร่วมอีเวนต์ขนาดใหญ่นี้ไปด้วย ทุกการกระทำของพวกเขาจำเป็นต้องใส่ใจให้ได้มาก ๆ

“เพราะแบบนี้ผมจะขอแนะนำว่าไม่ว่ากฏของอีเวนต์ครั้งนี้จะเป็นยังไง ผู้เล่นของเขตฮัวเซียจำเป็นต้องช่วยเหลือกันให้ได้มากที่สุด พวกเราต้องรวมกันเป็นหนึ่งและระงับความบาดหมางกันไว้ก่อน อย่าให้ความขัดแย้งระหว่างพวกเราเองมาเป็นไม้ต่อให้อีกฝ่ายสามารถใช้ประโยชน์ได้”

ขณะที่พูด เขาก็เหลือบมองเซียวเฟิงและชูเมิ่งอิ๋งที่กำลังลอยอยู่ในน้ำไปด้วย ความหมายในประโยคนั้นชัดเจนจนเขาไม่ต้องขยายความเสียด้วยซ้ำ

ส่วนผู้เล่นคนอื่นที่ยังงุนงงมาก ๆ ก็รีบถามขึ้นมาทันที

“เล่าสวี นายได้เตรียมการอะไรไว้หรือเปล่า? พอจะบอกพวกเราได้ไหม?”

“อันที่จริง ฉันก็ไม่ได้เตรียมอะไรไว้หรอก กฏของอีเวนต์ยังไม่ถูกเปิดเผยเพราะงั้นไม่มีใครรู้สถานการณ์จริง ๆ หรอก ถ้าจะมีก็มีแต่แผนทั่ว ๆ ไปนั่นแหละ”

เล่าสวีเหลือบไปมอง NPC ที่อยู่กลางลำเรือประมงลำนี้ ทั้งสองคนนั้นยังคงยืนนิ่ง ๆ และมองแผนที่อยู่ตลอดโดยไม่ได้มีท่าทีว่าจะพูดอะไรเลย ดังนั้นเล่าสวีจึงพูดต่อ

“หลังจากที่อีเวนต์เริ่มแล้ว มีโอกาสที่พวกเราอาจจะถูกจับแยกกันออกไป เพราะงั้นพวกเราจำเป็นต้องเคลื่อนไหวไปในทางเดียวกัน มันน่าจะดีกว่าถ้าพวกเราปาร์ตี้ขนาดใหญ่ให้กระจายกันออกไป โดยปาร์ตี้ใหญ่ก็ยังคงเป็นปาร์ตี้ใหญ่อยู่หากแต่จะมีปาร์ตี้ขนาดเล็กติดสอยห้อยตามไปด้วย กันเวลาที่ว่าปาร์ตี้ขนาดเล็กเกิดปัญหา ปาร์ตี้ขนาดใหญ่ก็จะได้สามารถเข้าช่วยเหลือและให้การสนับสนุนได้ทันที”

“ผู้เล่นที่เป็นตัวแปรสำคัญในแต่ละปาร์ตี้ขนาดใหญ่นั้นจะประกอบไปด้วยคนจากกิลด์ขนาดใหญ่ด้วย ผู้เล่นเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องไม่อยู่ห่างจากคนอื่นมากเกินไป ต่อให้เคลื่อนที่แยกกันไปคนละทางก็ตาม ทุกคนจะต้องคอยดูแลปาร์ตี้ของตัวเองที่เหลือไปด้วยตลอดทาง”

ด้วยสิ่งที่เล่าสวีพูดขึ้นมา ผู้เล่นบางคนก็ก้าวขาออกมาจากกลุ่มของผู้เล่นกิลด์ขนาดใหญ่และออกมายืนอยู่ที่ด้านหน้าเรือ

“ฉันเป็นตัวแทนจากกิลด์ไดนัสตี้ และฉันจะเป็นผู้เล่นหลักให้กับทีมใหญ่ทีมแรกเอง ไดนัสตี้จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับอีเวนต์ของผู้เล่นที่อยู่ในทีมใหญ่ทีมนี้ ถึงอย่างนั้นฉันก็มีกฏ 1 ข้อที่อยากจะขอไว้ นั่นคือ เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเราต้องการความช่วยเหลือ พวกนายต้องมาหาให้เร็วที่สุด แล้วก็อีกอย่างหนึ่ง พวกเราจะไม่ยอมให้มีการแข่งขันแก่งแย่งกันภายในเด็ดขาด เมื่อไหร่ที่เราจับได้ ไม่ว่าพวกนายจะเป็นใคร ปาร์ตี้ของพวกฉันจะจัดการนายซะ!”

ผู้เล่นคนแรกที่ก้าวออกมานั้นเป็นชายวัยกลางคนที่มีชื่อกิลด์ไดนัสตี้อยู่บนหัว เซียวเฟิงรู้จักคน ๆ นี้ เขาคือซอร์ดออฟไดนาสตี้ ผู้ที่เคยเจอกันมาก่อนในดันเจี้ยน ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นหนึ่งในรองหัวหน้าของกิลด์ไดนัสตี้ ส่วนหัวหน้าอย่างคราวน์ปรินซ์นั้นไม่ได้อยู่ในปาร์ตี้ของเหล่าผู้เล่นไดนัสตี้ด้วย คาดว่าเขาคนนั้นคงจะไม่สนใจเข้าร่วมอีเวนต์นี้ เพราะงั้นคนที่นำเหล่าไดนัสตี้มาจึงเป็นซอร์ดออฟไดนาสตี้แทน

อีกคนหนึ่งเป็นนักธนูหนุ่ม เขาเองก็เป็นหนึ่งในกิลด์ไดนัสตี้เช่นกัน สังเกตได้จากชื่อของกิลด์ไดนัสตี้ที่ปรากฏอยู่เหนือหัวของเขา คนคนนี้น่าจะถูกไดนัสตี้เลือกตัวมาแน่ ๆ