[ประกาศทั่วเซิร์ฟเวอร์! สถานที่เตรียมพร้อมสำหรับอีเวนต์เปิดแล้ว และผู้เล่นท่านใดก็ตามที่ถือครองโทเคนอยู่สามารถเข้าไปยังสถานที่เตรียมพร้อมล่วงหน้าได้เลย อีกครึ่งชั่วโมง ผู้เล่นที่อยู่ในสถานที่เตรียมความพร้อมจะถูกเทเลพอร์ทเข้าไปยังสถานที่จัดอีเวนต์ทันทีและโทเคนก็จะถูกลบหายไปในทันทีด้วยเช่นกัน กรุณามายังสถานที่เตรียมความพร้อมเพื่อรอเวลา]
[ประกาศทั่วเซิร์ฟเวอร์!…]
[ประกาศทั่วเซิร์ฟเวอร์!…]
เสียงของแจ้งเตือนดังซ้ำ ๆ อยู่ในอากาศ ซึ่งจากคำบอกเล่าในแจ้งเตือนนั้น มันทำให้รู้ว่าม่านแดงได้ถูกเปิดขึ้นแล้ว อีเวนต์เซิร์ฟเวอร์กำลังพร้อมที่จะให้ผู้เล่นได้เข้าเล่นทันทีเมื่อเวลามาถึง และเพียงครู่เดียวเท่านั้นสถานที่สำหรับเตรียมพร้อมก็ถูกอัดแน่นไปด้วยผู้เล่นที่ถือโทเคนอยู่เสียแล้ว
ในตอนนี้ โลกแห่งเกมที่กว้างใหญ่นั้นก็บังเกิดกลุ่มแสงมากมายสว่างขึ้นมาจากฟากฟ้าพุ่งมาสู่ดิน เหล่าผู้เล่นทั้งหลายที่ลูบมือรอเวลาอยู่นั้น พวกเขาต่างใช้โทเคนของพวกเขาในการเทเลพอร์ตตนเองมายังสถานที่สำหรับรอคอยแห่งนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน
ใครก็ตามที่ยังยุ่งกับงานอื่นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นภารกิจหรือลงดันเจี้ยนต่างก็รีบจัดการตัวเองให้ว่างหรือยกเลิกสิ่งที่ทำอยู่ไปก่อน เพื่อเทเลพอร์ตมายังที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะกลัวว่าหากเวลาเตรียมพร้อมผ่านไปแล้ว ตัวพวกเขายังไม่อยู่ที่จุดเตรียมพร้อม โทเคนของพวกเขาจะโดนระบบลบทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย
บุคคลที่กล่าวไว้ด้านบนนั้นมีเซียวเฟิงรวมอยู่ด้วย เขาไม่ใช่ผู้เล่นกลุ่มแรกที่เข้าสู่สถานที่สำหรับเตรียมพร้อม เพราะตัวเขานั้นมัวแต่ยุ่งกับการเคลียร์ดันเจี้ยนที่จะรีเฟรชตนเองในตอนเช้าอยู่ เสร็จแล้วถึงได้ตามไป
ฟู่
โทเคนในมือเซียวเฟิงเปล่งแสง และเมื่อแสงสว่างจางลงไป ชายหนุ่มก็พบว่าตัวเขานั้นโผล่มาในพื้นที่ที่ห้อมล้อมด้วยผู้คนมากมายที่มาจากทั่วเขตฮัวเซียหมดแล้ว ทุก ๆ คนต่างตื่นเต้นขณะที่ยืนคุยกับคนอื่นไปด้วย
“พี่ชาย ทางนี้ ทางนี้!”
“ผู้เล่นของไดนัสตี้ กรุณามายืนรอบ ๆ ฉันด้วย!”
“สมาชิกเบรฟสควอร์ดอยู่ที่ไหนกันหมด?”
“อิมมอทัลกับไออ้อนเมน มาทางนี้!”
….
ดูเหมือนเซียวเฟิงจะมาช้าไปนิดหน่อย หลังจากที่ชายหนุ่มพยายามทำตัวให้ชินกับสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยเสียงจอแจนี้ เขาก็เริ่มหันไปมองรอบ ๆ ตัวเพื่อดูว่าสถานที่สำหรับเตรียมพร้อมนี้เป็นอย่างไรบ้าง
ลมทะเลหวนปะทะเข้าใบหน้า จากนั้นเขาก็พบว่าตนเองและคนอื่น ๆ นั้นอยู่บนเรือประมงเก่า ๆ ลำหนึ่งที่กำลังแล่นไปบนทะเลที่ไร้ซึ่งปลายทาง เรือลำนี้มีขนาดใหญ่มาก และผู้เล่นทุกคนก็กำลังยืนอยู่ที่ดาดฟ้าเรือกันทั้งหมด จากที่สังเกตคร่าว ๆ ด้วยการมองผ่าน ที่แห่งนี้ต้องมีผู้เล่นขั้นต่ำต้องมีหลักพันแน่ ๆ
นอกจากผู้เล่นแล้ว ที่แห่งนี้ยังมี NPC อีก 2 คนอยู่ที่กลางลำเรือ คนหนึ่งสวมชุดเหมือนคนพายเรือ กำลังยืนหมุนพวงมาลัยควบคุมเรือลำนี้อยู่ ส่วนอีกคนถือแผ่นกระดาษม้วนเอาไว้ ซึ่งน่าจะเป็นคำอธิบาย กฏกติกาต่าง ๆ ของอีเวนต์นี้ชัวร์ ๆ อย่างไรก็ตามทั้งสองคนนี้ปฏิเสธที่จะพูดกับผู้เล่นทุกคนไม่ว่าจะถามอะไรก็ตาม
เรือประมงลำนี้กำลังมุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง ที่ตอนนี้เริ่มจะเห็นรูปร่างของเกาะอยู่ที่ปลายทางฝั่งนั้นแล้ว
เหมือน ๆ กับเซียวเฟิง ผู้เล่นบางคนเพิ่งจะมาถึง และเมื่อพวกเขาเห็นทัศนียภาพอันงดงามของทะเลที่ไกลสุดลูกหูลูกตา ผู้เล่นหลาย ๆ คนก็เริ่มโหวกเหวกขึ้นมา “ว้าว! นี่พวกเราอยู่บนทะเลเหรอ!? สวยจัง! นี่มันครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้เห็นทะเลแบบนี้ ไม่คิดเลยว่านี่เป็นภาพในเกมน่ะ!”
“ดูแผนที่ย่อสิ! เรากำลังออกจากดินแดนแห่งพระเจ้าแล้ว! โห นี่มัน อยู่ท่ามกลางทวีปหลาย ๆ ทวีปเลยนี่นา!”
อีกคนหนึ่งตะโกนขึ้น “พวกโง่! นี่มันอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์นะ มันก็ต้องออกจากดินแดนแห่งพระเจ้าอยู่แล้วสิ! ในเมื่อทุกเขตต่างสามารถเข้าร่วมได้ มันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะมารวมกันที่ส่วนกลางแบบนี้!” ได้ยินแบบนั้นเซียวเฟิงก็เปิดแผนที่ย่อขึ้นมาดูด้วย เขามาช้ากว่าคนอื่นนิดหน่อย เพราะงั้นเข้าจึงไม่รู้ข้อมูลพวกนี้เลย
แผนที่ย่อนั้นแสดงให้เห็นว่าพวกเขากำลังเคลื่อนที่ออกจากดินแดนแห่งแสงจริง ๆ จากเหนือท้องทะเลที่กำลังแล่นเรืออยู่นี้ พวกเขาสามารถเห็นวี่แววของทวีปต่าง ๆ ที่ห้อมล้อมจุดที่คาดว่าน่าจะเป็นพื้นที่จัดอีเวนต์ไว้อยู่รำไร
ใครคนหนึ่งพูดขึ้นกับเซียวเฟิง “สหาย มาคนเดียวเหรอ? อยากจะร่วมปาร์ตี้กับพวกเราไหม? พออีเวนต์เริ่มเราจะได้ทำภารกิจด้วยกันตั้งแต่ต้นเลย” เซียวเฟิงหันกลับไปมองแล้วพบว่าเจ้าของเสียงนั้นมาจากปาร์ตี้เล็ก ๆ ที่รวมเหล่าคนไร้กลุ่มเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นทุก ๆ คนในปาร์ตี้ก็ดูจะเป็นผู้เล่นที่มีประสบการณ์ที่คาดว่าน่าจะรับมืออีเวนต์นี้ไหว
เซียวเฟิงส่ายหน้าแสดงให้เห็นถึงการปฏิเสธ ในขณะเดียวกันเขาก็หันหน้าออกไปมองรอบ ๆ เรือประมองลำนี้แทนด้วย
มันเป็นเรือประมงหาปลาขนาดใหญ่ ใหญ่มากจริง ๆ มันก็สมเหตุสมผล เพราะไม่งั้นแล้วมันคงไม่สามารถรองรับผู้เล่นกว่าพันคนได้ แม้ว่าเรือลำนี้จะกำลังมุ่งหน้าตรงไปด้านหน้าช้า ๆ แต่ที่ผิวน้ำก็ไม่มีร่องรอยของคลื่นที่เกิดจากการเคลื่อนที่ให้เห็นเลย ราวกับว่าเรือลำนี้กำลังจอดอยู่เฉย ๆ แล้วเกาะเป้าหมายนั้นกำลังมุ่งหน้าเข้ามาเสียมากกว่า
เรือลำนี้บรรจุคนจากเขตฮัวเซียไว้จนเต็มลำ ดูเหมือนว่าสถานที่เตรียมพร้อมของแต่ละเขตจะถูกแยกจากกัน
ตลอดเวลาที่เรือกำลังแล่นอยู่บนผิวน้ำที่นิ่งสงัดนี้ เขาสามารถเห็นกลุ่มแสงสีขาวปรากฏขึ้นบนเรือได้เรื่อย ๆ และแสงพวกนี้ก็คือผู้เล่นที่เข้ามาทีหลัง ผู้เล่นที่เข้ามาตั้งแต่แรกนั้นจัดปาร์ตี้และวางแผนกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ผู้เล่นที่มาทีหลังก็ยังคงตามหาผู้เข้าร่วมปาร์ตี้อยู่ มันเป็นภาพที่เห็นได้ทั่วไปบนเรือ และภาพนี้ก็ปรากฏขึ้นกับเซียวเฟิงด้วย เพราะตัวเขาก็โดนชวนเข้าปาร์ตี้อยู่ตลอดเหมือนกัน
ชายหนุ่มมองไปรอบ ๆ ก่อนจะไปสะดุดตากับกลุ่มผู้เล่นขนาดใหญ่ที่รวมกลุ่มกันเห็นเด่นชัดอยู่บนดาดฟ้าเรือนี้ คนพวกนั้นคือเหล่าพันธมิตรกิลด์ใหญ่ ๆ ในเขตฮัวเซีย พวกเขามีจำนวนคนมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้เล่นบนเรือนี้เสียอีก และคนพวกนี้ต่างก็เป็นสมาชิกหลักของแต่ละกิลด์ที่ระบุไว้อยู่หน้าชื่อตัวละครบนหัวด้วย เห็นได้ชัดสุดก็น่าจะมีวอร์สปิริตแล้วหนึ่ง เพราะเขาเจอจืออี้ยืนอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้นด้วย
ผู้เล่นส่วนน้อยที่อยู่ส่วนท้าย ๆ ของดาดฟ้าเรือนั้นเป็นพวกผู้เล่นที่ไม่ได้โดดเด่นในเขตฮัวเซียและไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับกิลด์ใหญ่ ๆ ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่ได้มีปัญหากับใคร แต่ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกกระแสผู้คนผลักออกมาให้อยู่บริเวณนี้
นอกจากนี้เซียวเฟิงยังเห็นผู้เล่นจากกิลด์มิดซัมเมอร์อยู่ท่ามกลางคนเหล่านี้ด้วย ซึ่งรวมไปถึงหลิวเฉียงเหว่ยเองก็เช่นกัน เนื่องจากกิลด์มิดซัมเมอร์นั้นไม่ได้มีสัมพันธ์อันดีกับกิลด์อื่นสักเท่าไหร่ เป็นเพราะการประมูลโทเคนกิลด์ชิ้นแรกที่เธอให้ราคาสูงลิ่วนั่นแหละ หลาย ๆ กิลด์ยังคงรู้สึกไม่พอใจเธอ สังเกตได้จากการที่พวกเขาเตรียมที่จะเข้าโจมตีกิลด์นี้ตอนที่เกิดสงครามป้องกันฐานที่ตั้งด้วย
เหล่ากิลด์เล็ก ๆ ที่ไม่ได้ปรากฏใน 10 อันดับกิลด์นั้นไม่สามารถเข้าร่วมกับกิลด์ขนาดใหญ่ได้ พวกเขาทำได้เพียงอยู่ท้ายเรือกับเหล่าคนของมิดซัมเมอร์เท่านั้น และดูเหมือนว่าในตอนนี้พวกเขาจะมองมิดซัมเมอร์เป็นเสมือนแกนกลางไปแล้ว เพราะยังไงเสียกิลด์มิดซัมเมอร์ก็ยังเป็นกิลด์ขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่งมากอยู่ดี แถมยังเป็นกิลด์ที่ 2 ในเขตฮัวเซียที่สามารถเอาชนะในสงครามป้องกันฐานที่ตั้งมาได้ด้วย ดังนั้นแล้วความแข็งแกร่งของกิลด์นี้จึงไม่ใช่เล่น ๆ แน่นอน
สิ่งที่ทำให้เซียวเฟิงรู้สึกขบขันขึ้นมานิดหน่อยคือ หลิวเฉียงเหว่ยที่เป็นถึงอันดับ 1 ในอันดับเทพธิดากลับมีผู้คนห้อมล้อมเพียงนิดหน่อยเท่านั้น ในขณะที่จืออี้ที่อยู่อันดับ 3 กลับมีผู้เล่นไปรุมล้อมมากกว่าหลายเท่า
จากนั้นเซียวเฟิงก็หันไปมองที่กลางลำเรือที่เขายืนอยู่แทน เรือลำนี้ไม่มีห้องพัก ดาดฟ้าเรือนี้เป็นดาดฟ้าโล่ง ๆ ที่มีแต่ผู้เล่นเท่านั้น
กลางลำเรือที่ชายหนุ่มอยู่นี้ก็มีเพียงพวกคนที่ยังไม่มีปาร์ตี้กับปาร์ตี้ของผู้เล่นที่ดูมีประสบการณ์เท่านั้น ทางหัวเรือและท้ายเรือถูกจับจองด้วยพวกที่มีกิลด์ไปหมดแล้ว บางคนในนี้ก็เลือกที่จะทำอีเวนต์คนเดียวแต่ส่วนมากก็จะจับปาร์ตี้กันหมด ดังนั้นเหล่าผู้ที่คิดจะทำอีเวนต์คนเดียวจึงกลายเป็นเป้าหมายในการชวนเข้าปาร์ตี้อยู่เรื่อย ๆ
ในเวลาอันสั้น เซียวเฟิงต้องเผชิญกับผู้ที่มาชวนจัดปาร์ตี้มากกว่า 5-6 คนไปแล้ว มันทำให้เขาเบื่อมาก ๆ หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง เซียวเฟิงก็ตัดสินใจยกเลิกการปลอมตัว เขาถอดเสื้อดาด ๆ ที่ซื้อจากร้านค้าในระบบออก ทันใดนั้นออร่าโอ่อ่าของอุปกรณ์ที่อยู่บนตัวมันก็กระทบกับสายตาทุกคู่ ซึ่งในขณะเดียวกันมันก็แสดงตัวตนของเซียวเฟิงให้ทุกคนเห็นด้วย
กลุ่มของผู้เล่นที่กำลังคิดจะมาชวนเซียวเฟิงเข้าปาร์ตี้ถึงกับต้องชะงักและกรีดร้อง
“พระเจ้า! ดูไอเทมบนตัวเขาสิ ฉันคุ้นมากเลย!”
“เขาคือเจ้าแห่งฮีลเลอร์!”
“เจ้าแห่งฮีลเลอร์เหรอ!? ตัวจริงเสียงจริงเหรอเนี่ย!!”
แม้ว่าชื่อของเขาจะยังไม่ได้ถูกเปิดเผย แต่เซียวเฟิงก็เป็นที่สนใจของผู้เล่นคนอื่น ๆ อยู่แล้ว เพราะเขาเป็นถึงอันดับ 1 ในอันดับรายการต่าง ๆ ดังนั้นอุปกรณ์ของเขาย่อมต้องโดดเด่นจนเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวไปแล้ว โดยเฉพาะหลังจากที่ต่อสู้กับกิลด์กลอรี่
‘เจ้าแห่งฮีลเลอร์’ ฉายาสั้น ๆ นี้เปรียบเสมือนระเบิดที่ถูกทิ้งลงมาท่ามกลางลำเรือของเหล่าผู้เล่นเขตฮัวเซีย
เสียงถกเถียงหารือกันในเรื่องอื่น ๆ เงียบลงโดยพลัน ทุกคนหันมาจับจ้องเซียวเฟิงที่อยู่กลางลำเรือผู้มาพร้อมกับรูปลักษณ์สุดเท่อย่างพร้อมเพรียงกัน ภายในใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะอิจฉา สรรเสริญ หลงใหล ละโมบหรือแม้แต่ไม่เป็นมิตร
ชายผู้หนึ่งเข้ามาโค้งให้เซียวเฟิง เขาคือเล่าสวีผู้ที่กล้าเดินออกมาจากเหล่าฝูงชนและหัวเราะ “ฮ่ะ ๆๆ เจ้าแห่งฮีลเลอร์อยู่ที่นี่ด้วยสินะครับ ไม่เห็นบอกพวกเราเลย พวกเรากำลังวางแผนเกี่ยวกับอีเวนต์ครั้งนี้อยู่พอดี จะมาด้วยกันไหมครับ?”
เซียวเฟิงส่ายหน้า “พวกนายวางแผนกันไปเลย ฉันไม่ได้จะเข้าไปอยู่ในแผนด้วยอยู่แล้ว”
จริง ๆ เซียวเฟิงเห็นเล่าสวีอยู่ท่ามกลางเหล่าพันธมิตรกิลด์ขนาดใหญ่ก่อนหน้าแล้ว ชายหนุ่มเดาไม่ออกเลยว่ากิลด์ไหนจะรับหน้าที่ปกป้องเล่าสวีเมื่ออีเวนต์เริ่ม เพราะเจ้าตัวนั้นไม่มีความสามารถในการต่อสู้อะไรเลย
เล่าสวีส่ายหน้าและพูดด้วยความช่วยไม่ได้ “เจ้าแห่งฮีลเลอร์ ผมว่าครั้งนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าจะทำคนเดียวก็ได้นะครับ นั่นเพราะพวกเราเองก็เพิ่งได้ข่าวมาว่าอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ครั้งนี้น่ะ เขตฮัวเซียของพวกเราจะกลายเป็นเป้าหมายการถล่มด้วย”
คำพูดของเล่าสวีทำให้ทุก ๆ คนที่ได้ยินหันมาฟังต่อทันที มีหลายคนที่ตกใจและเอ่ยถาม “หา? เล่าสวี…ที่พูดนั่นหมายความว่ายังไงน่ะ?”
“ใช่แล้ว นายกำลังพูดเรื่องอะไรกันแน่?”
เจ้าตัวไม่ได้คิดจะปิดบังเรื่องนี้จากผู้อื่นอยู่แล้ว เพราะงั้นจึงอธิบาย “จริง ๆ นอกจากฮัวเซียของพวกเรา เขตอื่น…”
ทว่าคำพูดของเขาก็ถูกเซียวเฟิงขัดไว้ก่อน “เดี๋ยวก่อน!”
เซียวเฟิงจ้องมองไปยังร่างที่พยายามหลบเลี่ยงสายตาของเขาท่ามกลางฝูงชน เขาถอดหน้ากากกระโหลกออกเผยให้ทุก ๆ คนเห็นใบหน้าที่ดูอารมณ์ไม่ดีของเขา
เกิดอะไรขึ้น?
ทุกคนตระหนักได้ถึงท่าทีที่แปลกไปของเซียวเฟิง และพวกเขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีในตอนนี้
แต่เพียงไม่นานนัก ใบหน้านั้นก็แสยะยิ้มออกมา เขาชักจะสนุกขึ้นมาแล้ว ก่อนหน้านี้เซียวเฟิงเคยคิดไว้ว่าที่แห่งนี้มีเทพธิดาอันดับ 1 และอันดับ 3 อยู่กันพร้อมหน้าแล้ว แม้จะแอบสงสัยว่าทำไมอันดับ 2 ไม่อยู่ที่นี่ด้วย มันก็กลับกลายเป็นว่าอันดับ 2 เองก็อยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน
ร่างที่เดินตรงเข้าไปกลางฝูงชนของเซียวเฟิงนั้นดูไม่น่าไว้วางใจแบบสุด ๆ ใบหน้าของเขายังคงเผยรอยยิ้มที่ดูน่ากลัวออกมาอยู่เรื่อย ๆ
ผู้เล่นที่อยู่ตรงหน้าเซียวเฟิงต่างหวาดกลัวและหลบทางให้เขา ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์ตอนนี้จะต้องกำลังหาตัวคนที่ก่อเรื่องไว้กับเขาแน่ ๆ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้ายืนขวางทางเขา ผู้คนมากมายหลีกทางซ้ายและขวาออกจนเกิดเป็นเส้นทางขึ้นมาแม้ว่าบนเรือคนจะแน่นไปหมดก็ตาม
ที่ส่วนปลายของทางเดินพิเศษนี้ ผู้เล่นหญิงที่หน้าตาสะสวยคนหนึ่งผู้ที่แอบอยู่หลังฝูงชนตลอดก็ถูกเผยตัวออกมา เธอคือเทพธิดาอันดับ 2 ของเขตฮัวเซียรวมไปถึงเทพธิดานานาชาติด้วย ใช่แล้ว เธอคือ ชูเมิ่งอิ๋ง!
เธอคือ ‘ยัยสารเลว’ ผู้ที่นำความ ‘อัปยศ’ มาให้เซียวเฟิงเมื่อตอนที่อยู่บึงสีเทา เธอเป็นคนวางกับดักให้ชายหนุ่มตกลงไปหนองน้ำจนไม่สามารถขยับตัวไปไหนมาไหนได้
ผู้คนรอบ ๆ แหวกทางจนชูเมิ่งอิ๋งไม่มีที่ซ่อนอีกต่อไป จริง ๆ เธอเห็นเซียวเฟิงมาตลอด และเพราะเธอมัวแต่ระแวดระวังเซียวเฟิง กลัวไปกับท่าทีที่ดูดุร้ายของเขาที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อย ๆ พอรู้ตัวอีกทีรอบตัวของหญิงสาวก็ไม่เหลือใครให้ไปหลบซ่อนด้วยแล้ว
ชูเมิ่งอิ๋งก้าวถอยหลังออกไปโดยไม่รู้ตัวขณะที่เซียวเฟิงกำลังเดินเข้าไปใกล้เธอพร้อมพูดด้วยเสียงที่สั่นเทาไปด้วยความกังวล “นะ…นะ…นายจะทำอะไรน่ะ!?”
ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ตอนนี้ต่างก็พากันงุนงงไปหมด พวกเขาไม่รู้ว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์ผู้นี้ต้องการจะทำอะไรกันแน่น แต่ดูเหมือนว่าเขามีปัญหากับเทพธิดานานาชาติ ชูเมิ่งอิ๋งจริง ๆ
เกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนี้นะ?
เล่าสวีเองรู้สึกประหลาดใจที่เซียงฟังขัดบทสนทนา ไม่เพียงเท่านั้น ผู้เล่นระดับแนวหน้ากว่าพันคนของเขตฮัวเซียเองก็ประหลาดใจ ตอนนี้ทุกสายตามองไปยังเซียวเฟิงหมดแล้ว
“ฉันใช้เวลาตามหาตัวเธอมานานมากเลยจริง ๆ นะ” เซียวเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงก้าวร้าว ซึ่งทุกคนสามารถรับรู้ได้ถึงความโกรธผ่านน้ำเสียงของเขาได้
ในตอนนี้ทุก ๆ คนเข้าใจกันหมดแล้วว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์มีเรื่องกับเทพธิดานานาชาติชูเมิ่งอิ๋งอย่างแน่นอน
มองไปยังสีหน้าที่ดุร้ายของเซียวเฟิงผนวกกับฟังสิ่งที่เขาพูด ชูเมิ่งอิ๋งก็ยิ่งรู้สึกวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอถอยหลังไปแบบไม่รู้ตัวจนกระทั่งชนเข้ากับขอบดาดฟ้าเรือและเกือบจะตกทะเลไป ที่แห่งนี้ไม่มีที่ให้เธอถอยหนีไปได้อีกแล้ว มันบีบบังคับให้เธอทำได้เพียงตะโกนใส่อีกฝ่ายด้วยความกลัว “ถอย…ถอยออกไปจากฉัน! ถะ…ถะ…ถ้านายเข้ามาล่ะก็ ฉันจะตะโกนขอให้คนอื่นช่วย!”
ชัดเจนเลยว่าเธอเองก็ไม่เคยลืม ‘ปัญหา’ ระหว่างเธอกับเซียวเฟิง เพราะนั่นถือเป็นครั้งแรกด้วยที่เธอโดนตะคอกใส่ว่า ‘ยัยสารเลว’ เช่นนั้นแล้วคิดว่าจะลืมได้ง่าย ๆ เหรอ?