ตอนที่ 260

เสน่ห์คมดาบ

มาริลินรู้สึกประหม่าเล็กน้อย นางบีบฝ่ามือและพูด “ท่านซิสทัล ข้าขอสัญญาอย่างจริงจังที่นี่ว่าหากข้าได้ปกครองศาลแห่งแสง ศาลแห่งแสงจะอยู่อย่างสันติกับท่านและจะหยุดการกดขี่และปราบปรามอันแสนยาวนานนั้น”

 

 

ซิสทัลไม่ได้พูดอะไรแต่ขมวดคิ้วคิดพิจารณา

 

 

ฝ่ามือที่ประหม่าของมาริลินเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ จะสำเร็จหรือล้มเหลวก็อยู่ตรงนี้แล้ว หากเทพเจ้าแห่งความมืดไม่ร่วมมือและไม่ช่วยนางสร้างศาลแห่งแสงใหม่ ทุกอย่างก็จบ

 

 

“เมื่อมีความมืดก็มีแสงสว่าง ความสว่างและความมืดต้องอยู่ร่วมกัน แยกจากกันไม่ได้ ท่านซิสทัล ข้าเข้าใจความจริงนี้อย่างลึกซึ้ง และข้าหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากท่านเพื่อโค่นล้มพวกเพรสไบทีเรียนที่ดื้อรั้นและไร้ยางอาย จากนั้นก็จะสร้างศาลแห่งแสงใหม่ ถ้าข้าได้เป็นผู้ปกครองของศาลแห่งแสง ข้าจะทำให้โลกเทพเจ้ามีแต่ความสงบสุข และยุติสงครามศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้ความหมาย จุดประสงค์ที่คุณหนูชีอ้าวชวางมาที่นี่ก็เพื่อยุติสงครามศักดิ์สิทธิ์” มาริลินพูดอย่างกระตือรือร้น

 

 

นางเห็นความสัมพันธ์ที่ผิดปกติระหว่างชีอ้าวชวางและซิสทัลแล้วนางก็เข้าใจว่าซิสทัลเป็นคนฉลาด และคุยกับคนฉลาดควรคุยง่ายๆ พูดเช่นนี้ซิสทัลก็น่าจะชัดเจนแล้วว่านางหมายถึงอะไร

 

 

“ขอให้ข้าคิดสักหน่อยเถอะ” ซิสทัลพูดจากนั้นก็หันไปมองชีอ้าวชวางและพูดด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวอ้าวชวาง เจ้าเพิ่งจะมาหาข้า เจ้ายังไม่ได้เยี่ยมชมวังข้าเลย ข้าจะพาเจ้าไปชมรอบๆ และคืนนี้ข้าจะให้เจ้าได้รับลม”

 

 

พอมาริลินเห็นปฏิกิริยาของซิสทัล นางก็กังวลคล้ายเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง

 

 

ชีอ้าวชวางหันหน้าไปมองมาริลินและหยุดนางไว้

 

 

ชีอ้าวชวางรู้จักนิสัยไร้ยางอายและเจ้าเล่ห์ของซิสทัลดี เขาไม่ได้ตอบรับในทันทีแต่กลับเปลี่ยนเรื่องและพูดในสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้อง สิ่งนี้ไม่ใช่ว่าเขาไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอแนะแต่เขากำลังชั่งน้ำหนักอยู่หรือ เขากำลังขยี้ความอดทนของมาริลิน ยิ่งมาริลินร้อนรนมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งได้เปรียบมากขึ้นเท่านั้น

 

 

ในที่สุดมาริลินก็เงียบและไม่พูดอะไรอีก

 

 

ซิสทัลเรียกสาวใช้ให้พามาริลินและทูตสวรรค์ของนางไปพักผ่อน จากนั้นเขาก็เริ่มพูดคุยกับชีอ้าวชวางอย่างจริงจัง

 

 

“เจ้าร้ายกาจเกินไป” ซิสทัลเดินไปรอบๆ และพูดกับชีอ้าวชวาง “เจ้าพาคนที่ร้อนรุ่มมาหาข้าถึงที่นี่ นี่มันเป็นการทำร้ายข้าไม่ใช่หรือไง?”

 

 

“ข้าร้ายกาจและไร้ยางอายเท่าท่านหรือ?” ชีอ้าวชวางพูดเบาๆ “ใครกันที่ใช้ข้าแล้วหนีไปอย่างไร้ยางอาย?”

 

 

“คือ…” ซิสทัลกะพริบตาและพูดไม่ออก

 

 

“ตอนนี้สบายแล้วนี่ เทพเจ้าแห่งคำสั่ง พลังศรัทธาก็ยังคงหลั่งไหลมาอย่างต่อเนื่องด้วย” ชีอ้าวชวางประชด“แต่ก็ยังหลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกว่าในอนาคตก็จะต้องถูกคนของศาลแห่งแสงไล่ล่าจนต้องหนีไปทุกที่อยู่ดี ตอนนี้ท่านเอาวิหารแห่งคำสั่งมาแทนที่วิหารแห่งแสงในโลกมนุษย์ได้ แต่เวลาผ่านไป คนอื่นเขาก็ทำได้เช่นเดียวกัน ครั้งนี้เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นโอกาสที่ดี ท่านยังจะมาว่าข้าทำร้ายท่านอีกหรือ?”

 

 

ซิสทัลขมวดคิ้วแล้วเดินไปเดินมา ดูแล้วน่าเวียนหัว

 

 

“พอแล้ว ไม่ต้องมาเสแสร้ง” ชีอ้าวชวางพูดอย่างเกียจคร้าน “ข้าอยากพักผ่อน ข้าอยากนอน ให้ความร่วมมือกับเทพีแห่งแสงเสียดีๆ เถอะ สร้างศาลแห่งแสงใหม่แน่นอนว่าท่านจะต้องระวังเรื่องนิสัยร้ายกาจไร้ยางอายด้วย ที่จริงก็ไม่ต้องให้ข้าเตือนก็ได้สินะ?”

 

 

ซิสทัลแสยะริมฝีปากและมองชีอ้าวชวางอย่างพูดไม่ออก

 

 

“มาเถอะ เสี่ยวอ้าวชวาง ข้าจะพาเจ้าไปที่ห้องพัก” คามิลล์ลุกขึ้นพูดกับชีอ้าวชวางด้วยรอยยิ้ม

 

 

แมวล่าสมบัติกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของชีอ้าวชวาง มันเหลือบมองแล้วร้องเหมียวออกมาสองครั้ง ความหมายชัดเจนมาก มันก็เหนื่อยเช่นกัน

 

 

ชีอ้าวชวางตามคามิลล์ออกมา แต่ก่อนออกไป นางมองแผ่นหลังของเฟิงอี้เซวียน แต่เฟิงอี้เซวียนก็ไม่มองกลับมาที่นางเลย เขาเพียงแค่นั่งเงียบๆ และไม่ขยับไปไหน

 

 

ชีอ้าวชวางลอบถอนหายใจแล้วเดินจากไป

 

 

ภายในห้องพักสุดหรูพร้อมเตียงใหญ่นุ่มสบาย ชีอ้าวชวางอาบน้ำตนเองและแมวล่าสมบัติเรียบร้อย จากนั้นก็นอนลงบนเตียงด้วยกัน ชีอ้าวชวางมองผ้าม่านเตียงหรูหราเหนือศีรษะของนางด้วยความไม่เข้าใจ

 

 

เฟิงอี้เซวียน…

 

 

ทำไมไม่พูดคุยกับนางเลย?

 

 

ทนไม่ไหว ทนไม่ไหวแล้ว!

 

 

รอให้เขามาบอกเองไม่ไหวแล้ว!

 

 

คืนนี้ต้องหาโอกาสถามให้รู้เรื่อง

 

 

จะต้องถามเขาต่อหน้าว่ามันเกิดอะไรขึ้น

 

 

เขามีปัญหาเรื่องอะไร?

 

 

ทำไมในดวงตาของเขาถึงมีความเศร้าที่ดูยังไม่คลี่คลายอยู่เสมอ มันเป็นเพราะตัวนางเองหรือไม่?

 

 

พอตกกลางคืน ซิสทัลก็เตรียมงานเลี้ยงเพื่อให้ความบันเทิงแก่ชีอ้าวชวาง แต่นายน้อยและเฟิงอี้เซวียนไม่ได้เข้าร่วม คนที่มีความสุขที่สุดในงานเลี้ยงนี้คือแมวล่าสมบัตินำโชค มันได้กินอาหารดีๆ แล้ว สุดท้ายก็ตบท้องของมันอย่างพึงพอใจและนอนอยู่บนโต๊ะตรงหน้าชีอ้าวชวางโดยที่เท้าของมันตั้งตรงและเริ่มกรน

 

 

มาริลินและทูตสวรรค์ของนางก็เข้าร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้ด้วย และตอนนี้ซิสทัลก็สุภาพกับพวกเขามากขึ้นแล้ว ดูท่าทางคงจะคุยเรื่องรายละเอียดของปัญหาต่างๆ รู้เรื่องแล้ว

 

 

ชีอ้าวชวางกินอาหารเย็นแสนอร่อยและจากไปพร้อมกับแมวล่าสมบัติ มาริลินและซิสทัลไปที่ห้องหนังสือตามลำพังเพื่อพูดคุยในรายละเอียดกัน พวกเขาไม่มีเวลาที่จะสนใจความผิดปกติของชีอ้าวชวางเลย

 

 

คามิลล์นั่งอยู่ในที่นั่งของเขาและจิบไวน์แดงอย่างหรูหราพร้อมมองแผ่นหลังของชีอ้าวชวางอย่างครุ่นคิด

 

 

ชีอ้าวชวางอุ้มแมวล่าสมบัติที่กำลังหลับอยู่แล้วไปถามห้องพักของเฟิงอี้เซวียนจากสาวใช้แล้วเดินตรงไปทันที

 

 

ชีอ้าวชวางยืนอยู่ที่หน้าประตูเตรียมจะยกมือขึ้นเคาะแต่ก็ไม่ทำสักที นางครุ่นคิดถึงท่าทางที่ซับซ้อนของเฟิงอี้เซวียนและดวงตาที่เศร้าหมองของเขา

 

 

เกิดอะไรขึ้นกับเขาหลังจากแยกกับนางครั้งที่แล้วนะ?

 

 

หลังจากยืนอยู่ที่ประตูเป็นเวลานาน ในที่สุดชีอ้าวชวางก็เคาะประตูเบาๆ

 

 

เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านในของประตู

 

 

“ใคร?” เสียงต่ำของเฟิงอี้ซวนดังมา

 

 

ชีอ้าวชวางไม่ได้พูดอะไร นางกลัวหากนางส่งเสียงแล้วเฟิงอี้เซวียนจะไม่เปิดประตูให้นาง

 

 

นางคาะประตูเบาๆ อีกครั้งและก็มีเสียงฝีเท้ามาที่ประตูช้าๆ

 

 

เมื่อประตูเปิดออก ก็เผยให้เห็นใบหน้าที่รูปงามของเฟิงอี้เซวียน

 

 

เฟิงอี้เซวียนยืนอยู่ตรงนั้นและมองคนตรงหน้าอย่างเงียบงันและลึกซึ้ง ในความเป็นจริงเขารู้อยู่แล้วว่าคนที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูเป็นใคร เพียงแต่…

 

 

“อี้เซวียน ทำไม? ทำไมเจ้าจำข้าไม่ได้? ในเมื่อข้าก็เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเจ้าคืออี้เซวียนที่ข้ารู้จัก!” ชีอ้าวชวางมองคนตรงหน้าเขาและในที่สุดก็อดไม่ไหวแล้วเอ่ยปากถามออกมาอย่างร้อนใจ

 

 

“ข้า…” เฟิงอี้เซวียนเปิดปากเล็กน้อยแต่พูดออกมาแค่นั้น

 

 

“อี้เซวียน! ทำไม? ปัญหาของเจ้าคืออะไร? ข้าเห็นนะว่ามีความเศร้าลึกๆ ในแววตาของเจ้า ทำไม? อะไรที่ทำให้เจ้าลำบากใจมากขนาดนี้? มันเป็นเพราะข้าหรือ?” ชีอ้าวชวางวู่วามขึ้นมาทันที จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเฟิงอี้เซวียนที่อยู่ตรงหน้ากำลังจะจากไปไกลแสนไกลและจะไม่กลับมาอีกเลย

 

 

“ไม่ใช่ ข้าจะยุติสงครามศักดิ์สิทธิ์เพื่อเจ้า ข้าจะทำแน่นอน! ข้าจะไม่ทำให้เจ้าเสียใจ…” เฟิงอี้เซวียนค่อยๆ พูดประโยคดังกล่าวออกมาด้วยเสียงต่ำโดยไม่ละสายตาไปจากใบหน้าที่สดใสของชีอ้าวชวางเลย แต่เขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องอื่นอีก

 

 

“อี้เซวียน!” ชีอ้าวชวางมองเฟิงอี้เซวียนอย่างแปลกใจและมองความอดทนและความเจ็บปวดที่ชัดเจนในดวงตาของเขา เสียงของนางก็หายไป พอคิดจะถามอะไรบางอย่างก็มีเสียงดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน

 

 

“ชีอ้าวชวาง! เจ้ามาทำอะไรที่นี่? ไปให้พ้นเลย!” เสียงโกรธเคืองของนายน้อยดังขึ้น ไม่นานนายน้อยก็มายืนอยู่ข้างๆ และมองชีอ้าวชวางอย่างโกรธๆ

 

 

“นายน้อย…” ชีอ้าวชวางหันหน้าไปมองนายน้อย สีหน้าของนายน้อยมีแต่ความโกรธ ดวงตาของนายน้อยแทบลุกเป็นไฟเลย

 

 

“ที่นี่ไม่ต้อนรับเจ้า เจ้ารีบกลับไปที่ห้องของเจ้าเลย!” พอนายน้อยขึ้นเสียงใส่ชีอ้าวชวางเสร็จก็รีบดันให้เฟิงอี้เซวียนเข้าห้องไปแล้วปิดประตู

 

 

ชีอ้าวชวางยืนอยู่ที่ประตูอย่างว่างเปล่าและมองประตูที่ปิดอยู่นานก่อนจะเดินออกไป

 

 

ภายในห้อง เฟิงอี้เซวียนยืนพิงหน้าต่างอยู่อย่างเงียบๆ เขามองความมืดด้านนอกราวกับว่านั่นคือใจของเขา…

 

 

“โมโห โมโหมาก ว๊ากกกกก!” นายน้อยกำลังโวยวายอยู่อย่างนั้น

 

 

เฟิงอี้เซวียนทำเป็นไม่ได้ยินแล้วมองออกไปข้างนอกอย่างเงียบสงบ แต่ในใจของเขากลับมีความคิดมากมายที่กำลังเกิดขึ้น

 

 

อ้าวชวาง อ้าวชวาง…

 

 

ที่จริงข้ามีเรื่องมากมายที่อยากจะพูดกับเจ้า

 

 

ข้าจะยุติสงครามศักดิ์สิทธิ์เพื่อเจ้าให้ได้

 

 

ข้าจะไม่ทำให้เจ้าเสียใจอย่างแน่นอน!

 

 

เพียงแต่ ครั้งหนึ่งที่ข้าเคยสัญญาเอาไว้ว่าจะอยู่เคียงข้างเจ้าตลอดไป

 

 

เกรงว่าข้าคงจะทำไม่ได้อีกแล้ว…

 

 

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ในเวลามื้อเช้า ชีอ้าวชวางได้เห็นรอยยิ้มของซิสทัลและการแสดงออกที่ยิ้มแย้มพึงพอใจของมาริลินแล้วก็เข้าใจว่าทั้งสองคนน่าจะคุยรายละเอียดกันแล้ว

 

 

การแสดงออกของสองคนนี้ดูคลุมเครือและง่ายต่อการทำให้คนคิดมาก

 

 

อีกทั้งท่าทีของซิสทัลที่มีต่อมาริลินก็สุภาพมากด้วย

 

 

ในเมื่อได้มีการเจรจากันแล้วก็ได้เวลาลงมือทำ

 

 

ขั้นตอนแรกคือการสร้างฐานใหม่ของศาลแห่งแสง มาริลินเลือกสถานที่ตั้งของวิหารแห่งแสงแห่งใหม่ในเมืองออร์ลีนส์ซึ่งห่างไกลจากใจกลางเมืองและตั้งอยู่ระหว่างวิหารแห่งแสงเดิมและวิหารแห่งความมืดในปัจจุบัน ซึ่งค่อนข้างสะดวก

 

 

ซิสทัลมีความกระตือรือร้นอย่างมาก และสถานการณ์ที่ถูกรังแกมานานนับหมื่นปีกำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว เขาจะพยายามที่จะช่วยมาริลินสร้างอำนาจให้เต็มที่

 

 

ตอนนี้ซิสทัลรวยมาก แน่นอนทุกคนรีบไปที่เมืองออร์ลีนส์อย่างลับๆ และซื้อบ้านหลังใหญ่ใจกลางเมืองออร์ลีนส์แล้วก็เริ่มสร้าง

 

 

การสร้างอาคารของโลกเทพเจ้าไม่ได้ซับซ้อนเหมือนโลกมนุษย์ สามวันต่อมาพระราชวังอันสง่างามจะถูกสร้างขึ้น และตราสัญลักษณ์ที่ประตูพระราชวังทำให้ทุกคนในเมืองตกใจ นั่นคือสัญลักษณ์ของศาลแห่งแสง!

 

 

ในตอนที่มาริลินปรากฎตัวในแสงสีขาวศักดิ์สิทธิ์และกลุ่มทูตสวรรค์สิบปีกทั้งสี่ ผู้คนในเมืองออร์ลีนส์ต่างตื่นเต้นกัน

 

 

เทพีแห่งแสงมาแล้ว!

 

 

พอเทพีแห่งแสงพูดอะไรบางอย่างที่สง่างาม ทุกคนในเมืองต่างก็ตื่นเต้นและกระตือรือร้น

 

 

“ตั้งแต่วันนี้ไป วังแห่งแสงจะย้ายมาที่ออร์ลีนส์อย่างเป็นทางการ ข้า…มาริลินซูฟีล ข้าจะพาทุกคนขับไล่ความมืดและเติมเต็มโลกทั้งใบด้วยแสงสว่างความบริสุทธิ์และความซื่อสัตย์” มาริลินดูศักดิ์สิทธิ์และสวยงามมาก นางดูศักดิ์ศรีจนไม่อาจฝ่าฝืนได้เลย