ตอนที่ 259

เสน่ห์คมดาบ

“ไปกันเถอะเสี่ยวชวางชวาง ข้ารอเจ้ามาตลอดเลย” ซิสทัลเดินนำหลังจากพูดประโยคนั้นแล้วหันกลับมายิ้มให้ชีอ้าวชวาง “มาเร็ว” 

 

 

ซิสทัลคนนี้เป็นผู้ชายที่หล่อเหลามาก และเสน่ห์ของเขาก็ไม่อาจหยุดยั้งได้ แต่น่าเสียดายที่ชีอ้าวชวางไม่มีความเห็นอกเห็นใจเลย ไม่แม้แต่จะมอง นางเดิมตามเขาไปอย่างไม่สนใจ 

 

 

มาริลินและทูตสวรรค์ทั้งสี่ก็รีบตามไป มาริลินไม่กล้าอยู่ห่างจากชีอ้าวชวางมากเกินไป อยู่ที่นี่มีเพียงแค่อยู่กับชีอ้าวชวางเท่านั้นที่นางจะรู้สึกปลอดภัย 

 

 

เดินตามซิสทัลเข้าไปยังพื้นที่ ตลอดทางที่เดินมา หลายสิ่งที่ชีอ้าวชวางเห็นจะเป็นสีดำ พืชและสัตว์ต่างๆ ก็เต็มไปด้วยสีดำ อัศวินเดินช้าลงและตามอยู่ข้างหลัง เสียงกีบม้าฟังดูเรียบร้อยโอ่อ่ามาก 

 

 

เดินไปจนสุดทางก็เจอพระราชวังขนาดใหญ่งดงามปรากฏต่อหน้าพวกเขา พระราชวังที่สวยงามน่าประหลาดใจ ชีอ้าวชวางแอบถอนหายใจ ซิสทัลคนนี้น่าจะเพลิดเพลินกับมันจริงๆ 

 

 

ระหว่างทาง ซิสทัลและชีอ้าวชวางก็คุยกันไปหัวเราะกันไปโดยไม่สนใจมาริลินและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างหลังเลย ราวกับว่าพวกเขาไม่มีตัวตน 

 

 

พอเข้าไปในวัง สาวใช้ข้างในก็สวมชุดสีดำซึ่งแตกต่างจากความคิดของชีอ้าวชวาง สาวใช้เหล่านี้ไม่ได้เป็นอย่างที่นางจินตนาการไว้ ทุกคนเคร่งครัดมาก และพวกเขาทั้งหมดให้ความเคารพซิสทัลเป็นอย่างมาก 

 

 

ซิสทัลเดินนำทุกคนไปตลอดทางผ่านห้องโถงผ่านทางเดินยาวจนมาถึงประตูห้องโถงเล็กๆ 

 

 

เขาค่อยๆ ดันประตูเข้าไป ห้องนี้เป็นห้องโถงเล็กๆ ที่ได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา ก่อนเข้าประตูชีอ้าวชวางก็ได้กลิ่นชากุหลาบที่คุ้นเคย 

 

 

หลังจากเข้าไปชีอ้าวชวางก็ตะลึง 

 

 

เพราะคนในห้องโถงเล็กๆ คือคนที่นางคุ้นเคยสุดๆ 

 

 

รอยยิ้มอ่อนโยนของคามิลล์ช่างคุ้นเคยและอบอุ่นเหลือเกิน เขาถือกาน้ำชาที่สวยงามในมือที่มีกลิ่นของชากุหลาบลอยมา 

 

 

คามิลล์อยู่ที่นี่หรือ? 

 

 

“เฮ้! ของเล่นตัวน้อย เจ้ามาช้าจัง!” เสียงที่หยาบคายดึงความคิดของชีอ้าวชวางกลับมา 

 

 

ชีอ้าวชวางตกใจมาก นางเห็นนายน้อย! นอกจากนี้ยังมีเฟิงอี้เซวียนที่มีใบหน้าซับซ้อนอยู่ข้างๆ นายน้อย เขายังคงมีความโศกเศร้าอยู่ลึกๆ ในดวงตาสีเข้มของเขา หลังจากมองกันและกัน เฟิงอี้เซวียนก็ค่อยๆ หันหน้าหนี ไม่มองชีอ้าวชวางอีก 

 

 

เฟิงอี้เซวียน เฟิงอี้เซวียน… 

 

 

ทำไมเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วถึงยังจำนางไม่ได้อีก? เกิดอะไรขึ้นกันแน่? 

 

 

พวกเฟิงอี้เซวียนอยู่ที่นี่แล้วคนอื่นๆ ล่ะ? 

 

 

สายตาของชีอ้าวชวางมองกวาดไปทั่วห้องโถงเล็กๆ แต่ไม่เจอใครเลย 

 

 

“ไม่ต้องมองแล้ว ที่นี่มีแค่พวกเรา คนงี่เง่าพวกนั้นที่มาด้วยกัน ตอนนี้ไม่รู้ว่าไปอยู่ไหน” นายน้อยจ้องชีอ้าวชวางและพูดอย่างโกรธเคือง “ยังจะมัวทำอะไรอยู่ตรงนั้น? มานั่งสิ!” 

 

 

ชีอ้าวชวางผงะไปครู่หนึ่งแล้วยิ้มจางๆ จากนั้นหันไปหามาริลินและพูด “มาสิ” 

 

 

มีความสับสนในดวงตาของมาริลิน แต่พอมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มของชีอ้าวชวา งในที่สุดนางก็สงบอารมณ์ได้เล็กน้อยแล้วตามชีอ้าวชวางไปนั่งลงอย่างเชื่อฟัง 

 

 

“เฮ้ เจ้าเก่งจริงๆ พอมาที่นี่ก็ผูกมิตรกับเทพีแห่งแสงได้เลย” นายน้อยกระโดดลงจากที่นั่งวิ่งไปข้างหน้าแล้วก็ลดตัวลงเพื่อมองมาริลิน 

 

 

มาริลินและนายน้อยสบตากันแล้วก็ตกใจลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว จากนั้นนางก็ร้องออกมาด้วยความเหลือเชื่อ “ปีศาจ?!” 

 

 

“ใช่! จะเรียกทำไม!” นายน้อยตะโกนอย่างร้อนรน “ปีศาจแล้วทำไม ปีศาจก็ยังดีกว่าพวกเจ้าเล่ห์อย่างพวกเจ้ามาก” 

 

 

มาริลินขบกรามแน่นและสั่นเทาเล็กน้อย น้ำตาแห่งความอัปยศอดสูไหลออกมา วันนี้นางได้รับการดูถูกเหยียดหยามมากกว่าที่นางได้รับมาทั้งชีวิตอีก 

 

 

“พอแล้ว นายน้อย ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” ชีอ้าวชวางพูดเบาๆ “คราวนี้สถานการณ์ของมาริลินไม่ดีเท่าไหร่ อย่าทำแบบนี้กับนางอีก นางเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการยุติสงครามศักดิ์สิทธิ์” 

 

 

ทันใดนั้นสีหน้าของนายน้อยก็เปลี่ยนไป นางกระแทกโต๊ะและจ้องชีอ้าวชวางอย่างโมโห “ไม่ใช่เพราะว่า…” 

 

 

“ลาเดีย!” เฟิงอี้เซวียนตะโกนอย่างดุๆ แล้วนายน้อยก็เงียบไป 

 

 

สีหน้าของนายน้อยดูโกรธมากจนมองชีอ้าวชวางอย่างดุร้ายราวกับว่าเขาอยากจะโจมตีชีอ้าวชวางสักพันครั้ง แต่ในที่สุดดวงตาของเขาก็ค่อยๆ นิ่งลง เขาพลันทำอะไรไม่ถูกแล้วหันหน้าไปทางอื่นด้วยความโกรธและนั่งก้มหน้าเงียบๆ อยู่ข้างเฟิงอี้ซวนโดยไม่พูดอะไร 

 

 

นายน้อยชื่อลาเดีย? 

 

 

ชีอ้าวชวางตะลึงและมองเฟิงอี้ซวียน แต่เฟิงอี้เซวียนหันหน้าหนีและไม่ได้มองชีอ้าวชวางเลย ส่วนนายน้อยก็ดูเหมือนจะไม่พอใจอยู่ 

 

 

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? 

 

 

เฟิงอี้เซวียนปิดบังอะไรจากนาง? เขามีปัญหาอะไร? 

 

 

คิ้วของชีอ้าวชวางขมวด หัวใจของนางก็เต็มไปด้วยความสงสัยและความกังวล 

 

 

“อี้เซวียน…” ชีอ้าวชวางเรียกออกมาเบาๆ แล้วคามิลล์ก็เดินมาหานางด้วยรอยยิ้ม บังนางที่กำลังมองไปยังเฟิงอี้เซวียนอยู่ 

 

 

“เสี่ยวอ้าวชวาง เจ้ามาเหนื่อยๆ เรามาดื่มชากันก่อนดีกว่า” คามิลล์ยังคงมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าของเขาและรินชากุหลาบหอมๆ ให้ชีอ้าวชวางอย่างสง่างามแล้ววางไว้ข้างๆ นาง 

 

 

ชีอ้าวชวางดึงสายตากลับมาและมองชากุหลาบในมืออย่างเหม่อลอย ฉากเมื่อครู่นี้ยังเล่นอยู่หัวของนางซ้ำๆ เฟิงอี้เซวียนกำลังปิดบังอะไรอยู่? ทำไมนายน้อยถึงตอบสนองอย่างรุนแรงเช่นนั้น? 

 

 

“สาวสวย เจ้าก็ทำงานหนัก มาดื่มชาสักหน่อยสิ” คามิลล์ยิ้มอย่างอ่อนโยนและเป็นมิตร เขารินชาร้อนให้มาริลินด้วยหนึ่งถ้วย 

 

 

มาริลินมองคนหล่อที่อยู่ตรงหน้าอย่างชื่นชมยินดี หลังจากมาถึงสถานที่ของเทพเจ้าแห่งความมืดนางก็หดหู่อย่างมาก คนๆ นี้เป็นคนแรกที่เป็นมิตรกับนาง ความอ่อนโยนเช่นนี้ ความสง่างามเช่นนี้ คนที่มีประกายเช่นนี้ เขาเป็นคนของเทพเจ้าแห่งความมืดหรือ? 

 

 

“ขะ ขอบคุณ…” มาริลินตอบอย่างเชื่องช้า 

 

 

คามิลล์ยิ้มเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไร 

 

 

ชาร์ลอตต์ก้มหน้าอยู่ด้านหลังมาริลินและมีประกายที่อธิบายไม่ได้สว่างวาบในแววตาของเขา 

 

 

“เหมียว?” แมวล่าสมบัติกระโดดจากหัวของชีอ้าวชวางไปที่โต๊ะและมองชีอ้าวชวางด้วยความงุนงงแล้วสัมผัสนางด้วยอุ้งเท้าของมัน 

 

 

ชีอ้าวชวางเรียกสติกลับมาอีกครั้ง นางยิ้มให้แมวล่าสมบัติและยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบเบาๆ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองทุกคนและพูดเบาๆ “พวกเจ้าเดาว่าข้าจะมาที่นี่ ดังนั้นเลยมารอข้าที่นี่หรือ?” 

 

 

“อืม” คามิลล์พยักหน้าเบาๆ และเติมน้ำชาให้ชีอ้าวชวาง 

 

 

“แต่ข้าไม่ได้คิดว่าเจ้าจะพาเทพีแห่งแสงมาตรงๆ แบบนี้” ซิสทัลยังคงพูดอย่างเย็นชา 

 

 

“ที่ข้าพานางมาที่นี่เพราะข้ามีจุดประสงค์” ชีอ้าวชวางพูดอย่างไม่ไว้หน้าซิสทัล น้ำเสียงของนางเย็นชาและเยาะเย้ยเล็กน้อย “ซิสทัล ท่านถูกแสงสว่างกดมาหลายปี ท่านอยากจะให้มันเป็นเช่นนั้นไปตลอดหรือ?” 

 

 

ใบหน้าของซิสทัลดูไม่พอใจและเขาก็มองมาริลินอย่างดุร้าย เห็นได้ชัดว่าเขาคิดว่ามาริลินเป็นคนบอกข่าวพวกนี้กับชีอ้าวชวาง 

 

 

มาริลินกะพริบตาอย่างไร้เดียงสาและเสียใจมาก นางพูดเรื่องแบบนี้ที่ไหนกัน? ทั้งหมดนี้เป็นการคาดเดาของหญิงสาวคนนี้เอง ไม่เกี่ยวอะไรกับนางสักนิด! 

 

 

“แล้วอย่างไร?” ซิสทัลกัดฟันถาม “เจ้าเปลี่ยนสถานการณ์ที่เป็นแบบนี้มานานนับหมื่นปีได้หรือ?” 

 

 

ชีอ้าวชวางแทบจะสำลักออกมา หลายหมื่นปี? เป็นเวลาหลายหมื่นปีแล้วที่ซิสทัลถูกเทพีแห่งแสงกดดันและคอยปราบ ไม่แปลกใจเลยที่เขามีความแค้นอย่างมาก ไม่แปลกใจที่เขามีความเกลียดชังอย่างสุดซึ้งต่อเทพีแห่งแสง และไม่แปลกใจที่เขาเยาะเย้ยมาริลิน 

 

 

ที่แท้นี่คือฝ่ายที่ถูกกดมาตลอดนับหมื่นปีมิน่าเล่า มิน่าเล่า… 

 

 

ชีอ้าวชวางมองการแสดงออกของซิสทัลด้วยความเห็นใจ เด็กที่น่าสงสาร… 

 

 

ซิสทัลมองชีอ้าวชวางอย่างดุร้ายโดยไม่สนใจความเห็นใจของนาง 

 

 

“อย่ามองข้าแบบนั้น ไม่ใช่ข้าเสียหน่อยที่รังแกท่านมาหลายหมื่นปี” ชีอ้าวชวางยิ้มหยอกและพูด “ข้ามาที่นี่เพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นี้ กุญแจสำคัญในการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นี้คือเทพีแห่งแสงที่แท้จริง…มาริลิน” 

 

 

“อะไรนะ?!” ซิสทัลขมวดคิ้วและร้องออกมา “นางตกมาถึงจุดนี้แล้วนางจะเปลี่ยนอะไรได้?” 

 

 

ใบหน้าของมาริลินซีดลงและน่าสงสารมาก ความเชื่อมั่นและศักดิ์ศรีของนางเกือบจะถูกทำลายเพราะซิสทัล 

 

 

“อย่าพูดอย่างนั้นสิ” ชีอ้าวชวางพูดช้าๆ แล้วกระซิบกับมาริลิน “ไม่ต้องถือสาหรอก ผู้ชายคนนี้ก็นิสัยไม่ดีเช่นนี้แหละ” 

 

 

มาริลินพยักหน้าอย่างน่าสงสาร นางไม่กล้าพูดอีกต่อไปเพราะกลัวว่ามันจะมาถึงตัวของนางอีก หัวใจที่เปราะบางของนางทนต่อการทำลายครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ได้อีกต่อไป 

 

 

“แสดงสัญลักษณ์สถานะของเจ้าให้พวกเขาดูสิ” ชีอ้าวชวางพยักหน้าให้มาริลิน 

 

 

มาริลินแสดงคริสตัลหลากสีบนหน้าผากของนางทันที 

 

 

“สิ่งนี้จะทำอะไรได้?” ซิสทัลเห็นอย่างชัดเจน นั่นเป็นสมบัติที่เทพีแห่งแสงใช้เพื่อดูดซับพลังแห่งศรัทธาและยังเป็นสัญลักษณ์สถานะของเทพีแห่งแสงอีกด้วย แต่จำนวนผู้ศรัทธาเทพีแห่งแสงในโลกมนุษย์ลดลงอย่างมาก และพลังของเทพีแห่งแสงก็อ่อนแอลงมากเช่นกัน สิ่งนี้จะทำอะไรได้ล่ะ? เทพีแห่งแสงที่อ่อนแอเช่นนี้น่ะหรือที่ต้องการจะหยุดสงครามศักดิ์สิทธิ์ ความฝันหรือไง? 

 

 

“นางเป็นเทพีแห่งแสงที่แท้จริง” ชีอ้าวชวางพูดอย่างมีความหมาย “เทพีแห่งแสงที่แท้จริงคือผู้ที่มีสัญลักษณ์นี้ นางนี่แหละที่เป็นเจ้านายที่แท้จริงของศาลแห่งแสง…” 

 

 

“ความหมายของเจ้า?!” ซิสทัลเป็นคนร้ายกาจ หลังจากที่คิดดูเขาก็เข้าใจแผนของชีอ้าวชวางแล้วก็รู้สึกตื่นเต้น เรื่องใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ? เจ้าวางแผนที่จะทำสิ่งนี้จริงๆ หรือ? 

 

 

“เจ้าเป็นคนฉลาด และมาริลินก็เป็นคนฉลาดเช่นกัน” ชีอ้าวชวางจิบชากุหลาบและมองซิสทัลด้วยรอยยิ้ม 

 

 

ซิสทัลลูบคางของเขาและมองมาริลินแต่ไม่ได้พูดอะไรราวกับว่าเข้ากำลังครุ่นคิดอยู่