ภาคที่ 1 บทที่ 194 กะหล่ำปลี “แก้วมรกต”

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 194 กะหล่ำปลี “แก้วมรกต”

ผู้อ่านหลายคนรู้สึกแปลกใจ

“ช่วงนี้คุณขัดสนงั้นเหรอ ทำไมคุณถึงได้รับโฆษณาล่ะ ร่องรอยของการโฆษณานั้นชัดเจนเกินไปแล้ว”

“ฉันไม่เคยเห็นคุณชมอาหารจานไหนขนาดนี้มาก่อน อาการเลิศรส กุ้งมังกร หอยเป๋าฮื้อนานาชนิดคุณก็เคยลิ้มรสมาแล้ว แต่วันนี้คุณกลับมาสรรเสริญกะหล่ำปลีงั้นเหรอ?”

“อะไรกัน มันกำลังจะกลายเป็นบัญชีการตลาดเร็ว ๆ นี้งั้นเหรอ ฉันผิดหวังมากจริง ๆ”

ทุกคนทิ้งข้อความไว้ด้วยความสงสัย

หลังจากเห็นข้อความเหล่านี้ นักชิมไม่รู้สึกว่าถูกใส่ร้าย แต่เริ่มโต้ตอบกับผู้อ่านอย่างจริงใจ

“แต่ไหนแต่ไรมาผมไม่เคยโกหก อร่อยก็คืออร่อย”

“ผมสามารถบอกทุกคนได้อย่างมั่นใจว่ากะหล่ำปลีของพวกเขาอร่อยมากจริง ๆ ผมจะไม่พูดถึงอาหารจานอื่นถ้าผมยังไม่ได้ลอง สำหรับรสชาติของกะหล่ำปลีในเมนูต่าง ๆ ผมสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่าจานนี้ของพวกเขา ไม่มีปัญหาเรื่องของรสชาติแน่นอน”

“คนที่แตกต่างกันกินอาหารที่ไม่เหมือนกัน อาจมีรสปากที่แตกต่างกันและพวกเขาจะรู้สึกว่าอร่อยหรือไม่อร่อย นี่เป็นส่วนที่ยากที่สุดในการตัดสินอาหาร”

“แต่ว่า เมนูกะหล่ำปลีในภัตตาคารแห่งนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับรสปากแน่นอน มันเป็นรสชาติที่อร่อยที่ได้มาจากตัวของกะหล่ำปลีเอง ผมรับประกันว่านี่เป็นคำแนะนำที่จริงใจให้กับทุกคน”

เห็นว่านักชิมคนนี้พูดขนาดนี้แล้ว

ทันใดนั้นทุกคนก็รู้สึกสนใจเล็กน้อย

ยังไงก็ตามแต่ อาหารที่นักวิจารณ์อาหารปากจัดคนนี้แนะนำได้โดยใช้ภาษาชื่นชม ไม่ว่าจะยังไง ก็คงไม่ถึงกับรสชาติแย่หรอก

ภายใต้การแนะนำของนักวิจารณ์อาหาร และการแนะนำของลูกค้าในไทม์ไลน์

เย็นวันเดียวกัน

ภัตตาคารหมิงหู คนเต็มร้าน

ในเวลาหนึ่งปีมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่โต๊ะเต็ม

ในสถานการณ์เช่นนี้ พนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารสีหน้าแสดงความตกตะลึง

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ลูกค้าที่มาทานอาหารที่ร้าน จะต้องสั่งกะหล่ำปลีผัดเผ็ดทุกโต๊ะ!

“จะดังแล้วงั้นเหรอ” ทุกสิ่งที่อยู่ข้างหน้าหวังหงฮวาทำให้เขาตกตะลึงเจือแววยินดี

“ใครกันที่ช่วยโปรโมทออกไป ทำไมคนถึงมาเยอะขนาดนี้” เขารีบกำชับให้พนักงานทำงานให้ดี และในขณะเดียวกันก็ให้พ่อครัวด้านหลังเสิร์ฟอาหารอย่างรวดเร็ว โดยตรวจสอบคุณภาพและรสชาติอาหารให้ดี

อาหารจานแรกที่ขึ้นโต๊ะคือกะหล่ำปลีผัดเผ็ดจานเด็ดของร้าน

เมื่อลูกค้าเริ่มลิ้มรส ทันใดนั้น เสียงอุทานต่าง ๆ ก็ดังขึ้นทั่วห้องโถงของภัตตาคาร

“บ้าจริง อร่อยจริงนี่! นักชิมปากจัดนั่นพูดถูก!”

“ไม่ผิดจริง ๆ กะหล่ำปลีนี้อร่อยมาก”

“ฉันมาที่นี่ด้วยอารมณ์ที่คิดว่าตัวเองจะถูกหลอก ยังไงก็ช่างมันฟรีนี่น่า ไม่คิดว่าจะมีกะหล่ำปลีที่อร่อยขนาดนี้ ให้กิน มันสุดยอดมาก!”

“รสชาตินี้นี่มันสุดยอดไปเลย”

เสียงอุทานดังขึ้นทั่วทุกมุมของภัตตาคาร

ชั่วขณะหนึ่ง ผู้ที่มารับประทานอาหารในภัตตาคารต่างหยิบโทรศัพท์มือถือของตนออกมาเพื่อถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ โพสต์ไปที่ ไทม์ไลน์

ด้านนอกภัตตาคาร

ยังคงมีคนจำนวนไม่น้อยมาไม่ขาดสาย มองเห็นคนเต็มภัตตาคาร ตั้งใจจะพากันเดินออกไป แต่ว่าได้ยินเสียงโห่ร้องยินดีดังมาจากด้านใน ทำให้พวกเขารอคอยอย่างคาดหวัง

“สวัสดีครับ ขอถามอะไรหน่อยนะครับ อาหารร้านนี้อร่อยมากหรือครับ” คนหนึ่งเดินเข้ามาในภัตตาคารถามลูกค้าโต๊ะหน้าสุดอย่างสงสัย

“อร่อยสิ อร่อยมาก เมื่อก่อนทำไมผมพลาดร้านนี้ไปเสียได้” ผู้ถูกถามพลันยกนิ้วให้โป้งขึ้นมาแล้วกล่าว “ผัดเผ็ดกะหล่ำปลี จานนี้อร่อยมาก ฉันไม่เคยกินกะหล่ำปลีที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน มาคราวนี้ไม่ผิดหวัง”

ฟังดังนั้น คนที่เกือบจะหันหลังกลับเพราะคนเยอะเริ่มเข้าแถวกันที่หน้าประตู

เมื่อได้เห็นแบบนี้ หวังหงฮวาเรียกพนักงานเสิร์ฟสองสามคนอย่างรวดเร็วเพื่อไปที่ประตูเพื่อจัดคิวให้เรียบร้อย

หลังจากผ่านไปนาน ลูกค้าชุดแรกในร้านอาหารถึงได้อิ่มหมีพีมันและทยอยลุกออกไปอย่างพึงพอใจ

บรรดาลูกค้าที่ยืนเรียงรายอยู่ด้านนอกประตูต่างก็หิวโหย

ทันทีที่ได้ที่นั่งเรียบร้อยก็สั่งกะหล่ำปลีผัดเผ็ดทันที และสั่งอาหารจานอื่นไปด้วย

ครัวด้านหลัง เปิดเตาเต็มที่ รายการสั่งอาหารเพิ่งมาไม่กี่นาทีก็ออกไปเสิร์ฟได้

ลูกค้าที่รอจนหิวโซ ได้กินกะหล่ำปลีผัดเผ็ดบนโต๊ะ สุดยอด!

มันเป็นอาหารอันโอชะที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังในโลกจริง ๆ อร่อยอย่างที่ไม่เคยอร่อยมาก่อน!

“อร่อยจัง อร่อยมากเกินไปแล้ว”

“รสสัมผัสนี้ รสชาตินี้ ราวกับความอร่อยที่ทำให้ฉันน้ำลายสอในความฝัน!”

“รู้แล้วว่าทำไมคนโบราณถึงเรียกกะหล่ำปลีว่า ‘แก้วมรกต’ กะหล่ำปลีนี้นอกจากจะสวยและยังอร่อยด้วย”

ทุกคนรีบหยิบโทรศัพท์มือถือของตนออกมาแล้วโพสต์ลงบนไทม์ไลน์

กะหล่ำปลีที่อร่อยขนาดนี้ ถ้าไม่ได้โพสต์คงรู้สึกผิดกับมันน่าดู เมื่อเห็นว่าร้านอาหารที่แต่เดิมซบเซาเริ่มที่เป็นที่นิยม ถึงขนาดที่พูดได้ว่าดังมากกว่าช่วงที่ดังที่สุดในอดีตเสียอีก หวังหงฮวาในฐานะที่เป็นเถ้าแก่ ก้อนหินในใจเขาก็ตกลงไปทีละน้อย

เรียกได้ว่าเป็นวันที่ขายดีที่สุดตั้งแต่ตัวเขาเปิดกิจการมาจนถึงปัจจุบัน!

ต่อให้เป็นเพราะแจกกะหล่ำปลีผัดเผ็ดฟรีจำนวนมาก!

“จะดังแล้ว”

หวังหงฮวาถอนหายใจ เมื่อนึกถึงความเศร้าใจในปีนี้ น้ำตาก็แทบไหลลงมา

หลังรอส่งลูกค้าชุดสุดท้าย

เขาเรียกพนักงานทุกคนของร้านไปประชุมที่โถงของภัตตาคารทันที

“เดิมร้านของเราจะเจ๊งภายในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน ผมถึงกับคิดหาทางออกให้พวกคุณเรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้ทุกคนเห็นแล้ว ร้านอาหารของเรากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง!!” หวังหงฮวา กล่าวกับพนักงานทุกคนอย่างตื่นเต้น

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ภัตตาคารหมิงหูยอดนิยมกลับมาแล้ว ดังนั้นผมหวังว่าทุกคนจะทำงานหนักตั้งแต่วันนี้และใช้พลังงาน 120% ของคุณ ออกแรงเพื่อสนับสนุนการพัฒนาร้านอาหารของเรา !”

“ณ ที่แห่งนี้ ผมสัญญานะทุกคน”

“เมื่อธุรกิจร้านอาหารมั่นคงและเจริญรุ่งเรือง ผมจะจ่ายเงินเดือนให้ทุกคนและเพิ่มค่าจ้าง!”

เมื่อทุกคนได้ฟัง ก็เกิดกำลังใจขึ้นมาทันใด

“วันนี้เป็นวันแรก ทำให้ทุกคนยุ่งทั้งวันโดยไม่คาดคิด ผมไม่รู้จะขอบคุณยังไงดีสำหรับตอนนี้ ผมเลยเก็บกะหล่ำปลีไว้ให้ทุกคนโดยเฉพาะ พวกเรามาทานด้วยกันเถอะ”

“และให้พวกคุณชิมกะหล่ำปลีในร้านอาหารของเราด้วย!”

พูดจบ หวังหงฮวารีบขอความช่วยเหลือจากพ่อครัวให้ผัดกะหล่ำปลีอย่างรวดเร็ว

พนักงานรู้สึกฉงนสนเท่ห์กันมานานแล้ว

ทำไมกะหล่ำปลีถึงทำให้ธุรกิจร้านอาหารดีขึ้นได้ขนาดนี้ ทำไมถึงดึงดูดลูกค้าได้มากมายขนาดนี้และยังได้รับคำชมจากลูกค้าอย่างล้นหลาม

กะหล่ำปลีเสิร์ฟบนโต๊ะ

ทุกคนกินไปหนึ่งคำ รู้สึกตะลึงไปชั่วขณะ

ไม่เคยกินอะไรอร่อยขนาดนี้มาก่อน!

อร่อยมากจริง ๆ !

ทันใดนั้นทุกคนก็มั่นใจ มีกะหล่ำปลีเลิศรสแบบนี้ ยังจะต้องกังวลว่าธุรกิจของภัตตาคารจะเฟื่องฟูไม่ได้อีกหรือ?

ในขณะที่ทุกคนกำลังกินข้าวอยู่ หวังหงฮวาเดินออกมาที่ด้านข้างและกดต่อสายหาซูเย่

“น้องซู” หวังหงฮวากล่าวอย่างจริงจัง: “กะหล่ำปลีวันพรุ่งนี้ผมจะสั่งอีก 2,000 จิน”

“โอเคครับ คุณแค่เข้าไปขนก็ได้” ซูเย่กล่าว

“พรุ่งนี้ผมอยากพบคุณเรามาคุยกันสักหน่อย” หวังหงฮวา กล่าวอย่างจริงจัง

“ร้านอาหารของคุณไม่ได้ทำกิจกรรมโปรโมทอยู่เหรอ?”

“ไปคุยกันก่อน ผมมีความคิดใหม่” หวังหงฮวาวางแผนที่จะติดต่อซูเย่หลังกิจกรรมโปรโมทสามวันเพื่อพิสูจน์ว่ากะหล่ำปลีจะกลายเป็นที่นิยมหรือไม่ แต่ตอนนี้ เขารอไม่ไหวแล้ว

“ได้ครับ”

เช้าวันถัดมา

ซูเย่มาที่หมู่บ้านฉีเจี๋ยซุน และหวังหงฮวาก็มาถึงด้วยรถขนส่ง

“ผมต้องการกะหล่ำปลีทั้งหมดของคุณ เก็บเกี่ยวครั้งเดียวให้หมดเลย” ทันทีที่พวกเขาพบกัน หวังหงฮวาแทบรอไม่ไหวที่จะพูดกับซูเย่

“เก็บทั้งหมด?” ซูเย่มองเขาอย่างแปลกใจและถามว่า “คุณจะเก็บรักษามันยังไง”

“เรื่องนี้คุณไม่จำเป็นต้องกังวล” หวังหงฮวายิ้มพลางกล่าว “ผมมีเพื่อนที่ทำงานห้องเย็น ผมสามารถเช่าห้องเย็นของเขาในราคาถูกและเก็บกะหล่ำปลีทั้งหมดไว้ในห้องเย็นของเขา”

ซูเย่พยักหน้ารับรู้ เดิมทีเขาต้องการสร้างห้องเย็นสำหรับจัดเก็บด้วยตัวเอง เพราะกะหล่ำปลีในทุ่งนั้นเกือบจะโตเต็มที่แล้ว และเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยมันเอาไว้ ตอนนี้ประหยัดเงินไปแล้ว

“อีกอย่าง หลังจากเก็บกะหล่ำปลีชุดนี้แล้ว เมื่อไหร่จะมีชุดต่อไป” หวังหงฮวาเอ่ยถาม

“ตอนนี้คือเดือนธันวาคม อากาศหนาวเย็น จึงไม่เหมาะกับการปลูกกะหล่ำปลี” ซูเย่กล่าวต่อ “กะหล่ำปลีชุดต่อไป ไม่ว่าจะว่าอย่างไรก็ต้องเดือนกุมภาพันธ์ถึงจะเริ่มได้ เร็วที่สุดที่สามารถส่งสินค้าได้น่าจะเป็นเดือนเมษายน”

“เก็บในห้องเย็นสี่เดือนคงไม่มีปัญหา” หวังหงฮวากล่าวอย่างพิจารณา