ภาคที่ 1 บทที่ 195 ไร้ทางถอย วางเดิมพันทั้งหมด

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 195 ไร้ทางถอย วางเดิมพันทั้งหมด

หวังหงฮวาเอ่ยถาม

“ตอนนี้คือเดือนธันวาคม อากาศหนาวเย็น จึงไม่เหมาะกับการปลูกกะหล่ำปลี”

ซูเย่กล่าวต่อ: “กะหล่ำปลีชุดต่อไป ไม่ว่าจะว่าอย่างไรก็ต้องเป็นเดือนกุมภาพันธ์ถึงจะเริ่มได้ เร็วที่สุดที่สามารถส่งสินค้าได้น่าจะเป็นเดือนเมษายน”

“เก็บในห้องเย็นสี่เดือนคงไม่มีปัญหา”

หวังหงฮวาพูด

“เก็บในห้องเย็นไม่มีปัญหาแน่นอน แต่คุณมีแค่ภัตตาคารหมิงหู คุณจะขายกะหล่ำปลีจำนวนมากขนาดนี้หมดเหรอ” ซูเย่เอ่ยครุ่นคิด

“ฮ่าฮ่า…”

ดวงตาของหวังหงฮวามีแสงแห่งความบ้าคลั่งอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ผู้กล้าหาญจะอิ่มตาย และให้คนขี้ขลาดอดตาย! ร้านเดียวขายไม่ทันงั้นผมก็จะเปิดสาขาย่อย สองร้านไม่ทันก็เปิดสามร้านเสียเลย!”

นี่เป็นความคิดในใจของเขา

เคล็ดลับกะหล่ำปลีนี้ไม่สามารถให้ผู้อื่นล่วงรู้ได้ เขาต้องเก็บความลับนี้เอาไว้!

กะหล่ำปลีได้รับความนิยมมากขนาดนี้ เมื่อเห็นภัตตาคารกลับมามีชื่ออีกครั้ง เขาไม่มีทางปล่อยโอกาสนี้ไปแน่

ต่อให้มีสัญญาก็เถอะ

ดังนั้นเขาเลยต้องรีบคว้ากะหล่ำปลีทั้งหมดมาไว้ในกำมือก่อน!

ซูเย่เหลือบมองเขา

ซึ่งชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไร

ดูเหมือนว่ากะหล่ำปลีจะเป็นที่นิยมมากทีเดียว

อีกด้านหนึ่ง

ไทม์ไลน์กลุ่มลูกค้าของภัตตาคารหมิงหูจำนวนมาก ยังคงแพร่ข่าวออกไป

จากหนึ่งบอกต่อเป็นสิบ จากสิบบอกต่อร้อย

ในกรณีของชื่อเสียงที่พุ่งสูงขึ้น เพียงสามวันภัตตาคารหมิงหูก็ประสบความสำเร็จในการไปถึงจุดสูงสุด และกลายเป็นอันดับหนึ่งของเมืองจี้หยางในแอปอร่อยบอกต่อ และกะหล่ำปลีผัดก็กลายเป็นเมนูที่ทุกคนต้องสั่งเมื่อมาเยือนเมืองจี้หยาง!

นักข่าวท้องถิ่นในเมืองจี้หยาง เพราะว่าไม่มีประเด็นร้อนให้เขียน จึงถูกจัดให้ออกไปค้นหาหัวข้อข่าวด้านนอก

เขาเดินสำรวจไปทุกที่ทั้งวัน จนในตอนที่เตรียมจะหาข้าวกิน

นักข่าวคนนี้มักจะเปิดแอปอร่อยบอกต่อ วันปกติเขาจะกินอาหารจานด่วนและไม่เคยกินอะไรอร่อยๆ เลย ตอนนี้ได้มีโอกาสพอดี เขาจึงเลือกดูว่าเมืองจี้หยางมีอะไรน่ากินบ้าง

พอเปิดดูก็เห็นกะหล่ำปลีผัดหนึ่งจาน

และกะหล่ำปลีแสนแพงจานนี้ราคาสูงถึง 88 หยวน!

“บ้าจริง ราคาข้าวของแพงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน กะหล่ำปลีหนึ่งจาน 88 หยวน ยี่มันร้านเถื่อนอย่างงั้นหรอ”

เขารีบคลิกดูรีวิวอาหาร

ผลปรากฏว่า

รีวิวกะหล่ำปลีราคาสูงเสียดฟ้าจานนี้ มีแต่คำชมระดับห้าดาวทั้งหมด รีวิววิจารณ์ไม่มีแม้แต่ข้อความเดียว

แถมในนั้นมีคนรีโพสต์บทความจากนักวิจารณ์อาหารมาด้วย

ในบทความนี้ ล้วนเป็นการยกย่องกะหล่ำปลีนี้อย่างบ้าคลั่ง และใช่คำชมต่าง ๆ จนแทบจะครบทุกคำ

“อะไรวะเนี่ย กองทัพไอโอรึเปล่า”

“บนโลกนี้จะมีอาหารที่ได้รับการรีวิวห้าดาวได้อย่างไร แถมยังเป็นกะหล่ำปลีหนึ่งจานขายในราคา 88 หยวน กะหล่ำปลีนี้เลี่ยมกรอบทองงั้นหรือ”

นักข่าวบ่นออกมา การตลาดแบบนี้ดูน่าสะอิดสะเอียนสิ้นดี

ในขณะที่เขากำลังเตรียมที่จะเลื่อนผ่านไป

ก็เหลือบไปเห็น ข้อความแนะนำอาหารจานนี้ มีข้อความหนึ่งแถว : เมนูแนะนำใหม่ล่าสุด จานแรกลองฟรี

เมื่อมองดูคำเหล่านี้ ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย

“ช่วงนี้ฉันไม่มีต้นฉบับส่งพอดีเลย วันนี้ฉันจะเขียนเกี่ยวกับเจ้าสิ่งนี้! ถ้าเป็นร้านเถื่อนจริง ฉันจะแฉพวกแก!”

ต่อจากนั้นก็ขึ้นแท็กซี่ มุ่งหน้าไปที่ภัตตาคารหมิงหูอย่างเร่งด่วน

เมื่อถึงภัตตาคารหมิงหู

นักข่าวก็ต้องรอเป็นเวลานานกว่าที่จะถึงคิวของเขา

เดินเข้าไปโถงที่พลุกพล่าน โดยมีพนักงานนำมาที่มุมหนึ่งตรงที่นั่งสำหรับสองคน

“ผัดกระหล่ำปลีฟรีหนึ่งจาน อย่างอื่นไม่ต้อง”

นักข่าวพูดอย่างไม่กระดากอาย

“ครับ กรุณารอสักครู่”

พนักงานพยักหน้ายิ้มเล็กน้อยแล้วก่อนเดินออกไป

“เอ๊ะ”

นักข่าวผงะไปครู่หนึ่งและกล่าวเสียงเบา “การบริการนี้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว”

เดิมทีเขาคิดว่า ภัตตาคารแห่งนี้จงใจใช้กิจกรรมกะหล่ำปลีฟรีจานแรกเพื่อที่จะดึงดูดลูกค้า ให้สั่งอาหารจานอื่น ๆ ด้วยเพื่อทำกำไร

คิดไม่ถึงว่า แค่เมนูฟรีเดี่ยว ๆ ก็เสิร์ฟให้หรอเนี้ย

เขาเริ่มประทับใจขึ้นเรื่อย ๆ

“ฉันอยากจะรู้จริงๆว่ากะหล่ำปลีราคาสูงเสียดฟ้านี้แท้จริงแล้วมันอร่อยแค่ไหน!”

“สวัสดีครับ นี่คืออาหารที่คุณต้องการ และมีข้าวฟรีให้คุณด้วย ทานให้อร่อยนะครับ”

ไม่นานพนักงานก็ยกจานอาหารมาเสิร์ฟ

“ข้าวสวยฟรี?”

นักข่าวตะลึงไปชั่วขณะ บริการทุกระดับประทับใจจริง ๆ

หยิบตะเกียบมาคีบอาหารเข้าปาก

“กรุบ”

กะหล่ำปลีชิ้นหนึ่งเข้าปาก กรอบนุ่มลิ้น หอมหวานถูกปาก

“อื้ม?”

นักข่าวเบิกตากว้างทันที

ดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสับกลายเป็นความประหลาดใจโดยพลัน

เอ่อล้นไปด้วยความตกตะลึง

นี้มันคือรสอะไร?

ให้ตายเถอะ ฉันไม่เคยกินอาหารอร่อยแบบนี้มาก่อน!

อร่อย!

อร่อยมากจริง ๆ!

นักข่าวมองจานกะหล่ำปลีด้วยความตกใจ พลันคิดไม่ออกว่าจะอธิบายความสุขที่แสนอร่อยนี้อย่างไร

ในหัวก็มีข้อความทุกข้อความจากแอพอร่อยบอกต่อแวบเข้ามาทันที

ที่แท้แล้วคำชมเหล่านั้นเป็นความจริง!

“บ้าเอ้ย ฉันเป็นคนใจแคบหรือนี่!”

นักข่าวสบถด่าตัวเองออกมาก่อนจะก้มหน้ากินต่อ

“กรุบกรุบ…”

ไม่มีการหยุดพัก

“อร่อย อร่อยมากจริง ๆ ”

ยิ่งกินเขายิ่งกังวล

รายงานนี้จะเขียนยังไงดี

ชื่นชม?

แต่ร้านไม่จ่ายค่าโฆษณานี่

ช่างมันเถอะ ฉันกินกะหล่ำปลีของคุณไปฟรี ๆ แล้ว ฉันจะเขียนบทความเพื่อชื่นชมพวกคุณหนึ่งบท!

แต่ฉันต้องบอกเป็นนัยเสียหน่อย ว่าต้องมีค่าปากกาเล็กน้อย

เขาเหลือบมองกล่องผ้าเช็ดปากบนโต๊ะและเห็นโทรศัพท์ที่แผนกต้อนรับของภัตตาคารหมิงหูบนกล่อง

รีบต่อสายไปทันที

“สวัสดีค่ะ ภัตตาคารหมิงหูยินดีให้บริการค่ะ”

มีคนรับแล้ว พลันเสียงพนักงานต้อนรับแสนไพเราะก็ดังมา

“สวัสดี ผมเป็นนักข่าวจากช่องจี้หยางเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เถ้าแก่ของคุณอยู่ที่นี่หรือเปล่า ผมจะเขียนรายงานพิเศษเกี่ยวกับกะหล่ำปลีผัดเผ็ดในร้านของคุณ มีรายละเอียดบางอย่างที่ต้องสัมภาษณ์กับเถ้าแก่ของคุณ”

นักข่าวกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

ในยามปกติ เขาไม่มีทางพูดชัดเจนตรงไปตรงมาแบบนี้แน่นอน

แต่วันนี้ต่างออกไป เขากระตือรือร้นอยากที่จะสัมภาษณ์ และต้องการจะทุ่มเทพลังให้กับอาหารจานนี้

“ขออภัยด้วยค่ะ เถ้าแก่ของเราไม่อยู่”

เสียงมาจากปลายสายกล่าว “อย่างไรก็ตาม ฉันจะลองติดต่อเถ้าแก่ให้ คุณสามารถโทรมาอีกครั้งในภายหลัง”

“ตกลง”

นักข่าวจึงวางสายแล้วเริ่มกินต่อ

อีกด้านหนึ่ง

พนักงานต้อนรับโทรหาหวังหงฮวาทันที

แปลงผักที่หมู่บ้านฉีเจี๋ยซุน

“ฮัลโล”

หวังหงฮวากดรับสาย

“เถ้าแก่คะ มีนักข่าวสถานีโทรทัศน์มาขอสัมภาษณ์คุณ ฟังดูแล้วเขาดูอยากจะช่วยโปรโมทร้านให้เรา”

พนักงานกล่าวรายงาน

“บอกเขาว่าวันนี้ฉันไม่ว่างจริง ๆ พรุ่งนี้จะมีกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นในภัตตาคารพอดี ถือว่าเป็นข่าวดี ถ้าถึงเวลาเขาเต็มใจมา เขาสามารถสัมภาษณ์ได้เลย”

หวังหงฮวาครุ่นคิดครู่หนึ่ง

ตอนนี้เขาปลีกตัวจากไปไม่ได้จริงๆ เขาต้องสังเกตการณ์ขณะเก็บเกี่ยว

เมื่อเห็นกะหล่ำปลีเรียงรายบนพื้นตรงหน้า เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น

“กะหล่ำปลีเยอะขนาดนี้นี้ ฉันจะได้กำไรเท่าไหร่เนี่ย!”

เมื่อครู่เขาหยิบติดมือมาสองสามหัวแล้วกินมันลงไป อร่อยจริง ๆ !

เขากำลังจะร่ำรวยแล้ว

ซูเย่มองเห็นเหตุการณ์

ชาวบ้านในหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุนทุกคนต่างช่วยกันเก็บเกี่ยวกะหล่ำปลี

แม้ว่าจะเหนื่อยมาก แต่ทุกคนก็มีความสุขมากเพราะกะหล่ำปลีที่พวกเขาช่วยซูเย่ปลูกทั้งหมดได้ถูกขายไปจนหมดเกลี้ยง อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ได้ทำให้ซูเย่ขาดทุน!

เพียงเวลาไม่นาน

กะหล่ำปลีทั้งหมดได้เก็บเกี่ยวเสร็จหมดแล้ว และมีน้ำหนักเกินกว่าที่คิดไว้มาก

กะหล่ำปลีทั้งหมดรวมกันเป็นจำนวน 858 ตัน!

“กะหล่ำปลี 858 ตัน”

เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ หวังหงฮวาก็สูดหายใจลึก

มากเกินไปเล็กน้อย

แต่ว่าปริมาณยิ่งเยอะก็ยิ่งดี

เขาทุ่มสุดตัว!

“4 หยวน 1 จิน ซึ่งเท่ากับ หกล้านแปดแสนหกหมื่นสี่พันหยวน!”

มองดูกะหล่ำปลีกำลังบรรทุกขึ้นรถ หวังหงฮวาพูดกับซูเย่ที่อยู่ข้าง ๆ เขา “ไม่ต้องห่วง ฉันเตรียมเงินไว้แล้ว”

พอพูดเสร็จก็โทรไปหานักบัญชีให้โอนเงิน

เงินจำนวนนี้ล้วนยืมมาจากมือของเพื่อนฝูง ไปจนถึงขั้นเอาภัตตาคารไปค้ำประกัน ครั้งนี้เขาทุ่มสุดตัวจริง ๆ

“คาดว่าจะเข้าบัญชีภายใน24 ชั่วโมง”

เมื่อได้รับข้อมูลจากนักบัญชี หวังหงฮวาก็กล่าวกับซูเย่

“ครับ”

ซูเย่กล่าวยิ้ม ๆ พลางพยักหน้า

ทางฝั่งนี้

หวังหงฮวาผู้เกือบจะวางจำนองบ้านจนหมดตัว สูดหายใจเข้าลึก และความบ้าคลั่งก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา

เขาไม่มีทางถอยแล้ว ถ้าจะบ้าก็ต้องบ้าให้ถึงที่สุด

เช้าวันถัดมา

กิจกรรมลองชิมฟรีของภัตตาคารหมิงหูจบลงแล้ว

การขายแท้จริงก็ได้เริ่มต้นขึ้นเช่นกัน!

หวังหงฮวาตั้งป้ายขนาดใหญ่ตรงทางเข้าภัตตาคาร

“ผัดเผ็ดกะหล่ำปลี” สูตรพิเศษ ลองลิ้มชิมรสฟรี!

สามารถชิมได้ทุกอย่าง ขอเพียงบอกคุณบอกว่าไม่อร่อย มอบเงินให้ทันที 88 หยวน แต่คุณต้องลงทะเบียนบัตรประจำตัวประชาชน

ทุกคนที่คิดไม่อร่อย คงเป็นเพราะว่าร้านเราไม่ถูกปากคุณ และจะถูกห้ามเข้าร้านตลอดชีวิต! ”

ทันทีที่กิจกรรมนี้ออกมา ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างตกตะลึง

เถ้าแก่คนนี้บ้าไปแล้วหรือเปล่า?

นี่จะมอบเงินให้ฟรีงั้นเหรอ

กินกะหล่ำปลีหนึ่งคำ แค่บอกว่าไม่อร่อยก็ให้ 88 หยวน?

ไม่รู้ว่าจะผลาญเงินยังไงงั้นหรือ?

กะหล่ำปลีมันจะอร่อยแค่ไหนกันเชียว!

เงื่อนไขคือห้ามเข้าร้าน ห้ามเข้าก็ห้ามเข้าสิ!

ไม่มีอะไรขาดทุนสักหน่อย?

พนักงานร้านมองดูเขาราวกับคนโง่ ไม่เข้าใจสักนิดว่าเถ้าแก่กำลังทำอะไรอยู่

แต่หวังหงฮวาไม่สนใจแม่แต่น้อย ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้พ่อครัวผัดกะหล่ำปลีผัดเผ็ดกะทะใหญ่แล้ววางไว้ที่ประตู

พร้อมกันนี้ก็ได้โพสต์ลงไทม์ไลน์เพื่อประชาสัมพันธ์

ซูเย่ที่กำลังพักระหว่างคาบเรียน เข้าไปให้โพสต์ของหวังหงฮวา ฉับพลันมุมปากของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย

“ช่างมีความกล้าได้กล้าเสีย”

“หากไม่ยอมเสียสละ ผลตอบแทนจะมาจากไหนเล่า”

“ดูท่าว่าคงจะสำเร็จ”