บทที่ 129 งานประมูลหมู่เมฆ (1)
“ผู้อาวุโสคนหนึ่งในตระกูลต้องการมันน่ะ 2 ปีก่อนเขาบาดเจ็บสาหัส ไม่อาจฟื้นตัวได้เต็มที่ ไม่รู้ว่าจะรั้งได้อีกนานแค่ไหน จะให้เขารอดมีแต่ต้องปลุกสายเลือดมังกรสุริยะขึ้นมาเท่านั้น” กู่ชิงลั่วเอ่ย
สายเลือดมังกรสุริยะทรงพลังมาก มีพลังชีวิตเหลือล้น หากปลุกขึ้นมาแล้วร่างกายย่อมฟื้นฟูจนหายดี
“แต่เช่นนั้นแล้ว ผู้อาวุโสท่านนั้นก็ต้องจากตระกูลกู่แห่งหลงซีไปที่ภูผาสูญน่ะสิ ?” ซูเฉินว่า
“ถูกต้อง แต่อย่างไรเล่า ? อาณาจักรภูผาสูญเป็นคุกไว้ขังคนตระกูลกู่ แต่จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้มีข้อจำกัดขนาดนั้น หากไม่ออกจากภูผาสูญก็ยังมีอิสระอยู่บ้าง พื้นที่ที่มังกรสุริยะตระกูลกู่ครอบครองก็ไม่ใช่น้อย ๆ หากเขาไปที่นั่นก็คงไม่แย่นัก” กู่ชิงลั่วหัวเราะ
เป็นเช่นนี้เอง
หรือก็คือ ตระกูลกู่ทั้งหลายต่างเกิดมามีอาวุธลับในร่าง หากไม่อาจเอาชนะศัตรูก็เพียงแค่กระดกยาปลุกสายเลือดเพื่อพลิกสถานการณ์เอาชนะศัตรูได้ทันที
คนส่วนมากไม่อาจรับมืออุบายเช่นนี้ได้
ดูเหมือนว่ายาปลุกสายเลือดชั้นยอดเช่นนี้จะหาได้ยาก ไม่เช่นนั้นหากตระกูลกู่ได้ไปคนละขวด ทั่วทั้งแดนคงเกิดความโกลาหล
“ผู้อาวุโสหกถังเป็นผู้ดูแลงานประมูลหมู่เมฆ เดิมทีข้าหวังให้เขาหยุดงานประมูลแล้วขายมันให้ข้าโดยตรง แต่น่าเสียดายที่เขาปฏิเสธ ทว่าเขาก็ได้สัญญาว่าจะเก็บมันไว้เป็นชิ้นสุดท้าย ให้สมบัติล้ำค่าชิ้นอื่น ๆ ประมูลออกไปก่อน ถึงตอนนั้นคนจะได้ใช้เงินไปแล้ว การแข่งขันจะได้ไม่สูงมาก”
ตระกูลกู่ไม่ได้เป็นตระกูลที่มีสายเลือดทรงพลังตระกูลเดียว ตระกูลสายเลือดชั้นสูงหลาย ๆ ตระกูลก็มีสายเลือดแตกต่างซับซ้อนเช่นกัน และหากสืบไปถึงต้นสาย บางสายเลือดอาจมีเส้นสายของเทพอสูร และหากมีตระกูลสายเลือดชั้นสูงที่มีเชื้อสายมาจากเทพอสูรไปมีทายาทไว้ที่อื่นอยู่อีก สายเลือดนั้นก็จะถูกกดทับไว้ ทำให้เจือจางไปรุ่นต่อรุ่น แต่ก็นับว่ายังมีโอกาสผงาดขึ้นครองอำนาจ… ซึ่งคนเช่นนี้ก็ต้องการยาปลุกสายเลือดชั้นยอดเช่นกัน !
แต่ก็ยังมีหนทางต่อสู้เอายาปลุกสายเลือดชั้นยอดนี้มา กู่ชิงลั่วไม่อาจซื้อมันตรง ๆ ได้ แต่ก็สามารถใช้กลยุทธ์เพื่อลดความเข้มข้นในการแข่งขันลงได้
ซูเฉินได้ยินก็หัวเราะ “ไม่ต้องห่วง มีข้าอยู่ เจ้าได้มันมาแน่”
กู่ชิงลั่วส่ายหน้า “ไม่จำเป็นหรอก ก็แค่ประมูลมาให้ผู้อาวุโสที่กำลังจะออกจากตระกูลเท่านั้น ถึงเจ้าจะเป็นฝ่ายออกเงินให้ก็ไม่ได้อะไรหรอก”
กู่ชิงลั่วอธิบายปัญหาได้ในประโยคเดียว
แม้คนตระกูลกู่จะมีความสามารถในการ ‘เปลี่ยน’ ไปได้อยู่ตลอดเวลา แต่หลังจากเปลี่ยนไปแล้วพวกเขาก็จะถูกนับว่า ‘ถูกใช้ไปแล้ว’ ทำให้แรงสนับสนุนจากตระกูลหลังจากนั้นลดลงอย่างมาก
ไม่มีตระกูลไหนจะลงทุนไปกับคนที่อีกไม่นานก็จะต้องออกจากตระกูลไปหรอก
ดังนั้นกู่ชิงลั่วจึงมาตามคำสั่งตระกูลเท่านั้น แต่เงินที่ใช้เป็นของผู้อาวุโสท่านนั้น ทางตระกูลเพียงแต่มอบหินพลังต้นกำเนิดสัก 2 หมื่นก้อนให้ตามมารยาทเท่านั้น
ในหลักการเดียวกันนั้น กู่ชิงลั่วไม่อยากให้คนในตระกูลต้องเสียเงินให้ผู้อาวุโสที่กำลังจะจากไป
มองเช่นนี้แล้วก็เห็นได้ชัดว่านางเติบโตขึ้นมาก ไม่ใช่หญิงสาวอ่อนต่อโลกเช่นแต่ก่อน
ซูเฉินเข้าใจกู่ชิงลั่วจึงไม่ต่อความยาวสาวความยืด
คนทั้งสองยังใช้วันเวลาอย่างมีความสุข เดินจับมือเที่ยวเมืองฉางผานไปด้วยกันจนกระทั่งถึงกำหนดงานประมูลหมู่เมฆ
ในวันนั้น ซูเฉิน กู่ชิงลั่ว กู่จิ่นถัง อวิ๋นเป้า และกังเหยียน พากันเดินทางมายังศาลาหมู่เมฆ
แล้วเวลาที่เงินจำนวนมหาศาลจะถูกนำออกมาใช้ก็ใกล้มาถึงเสียที
————————————————
ศาลาหมู่เมฆนั้นเต็มไปด้วยผู้คนคลาคล่ำ
แขกทั้งหลายที่มาจากทั่วแดนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ซึ่งแต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่มาจากตระกูลร่ำรวยน่าเหลือเชื่อ
ศาลาหมู่เมฆส่งข้ารับใช้ที่มีประสบการณ์ที่สุดออกมา ทั้งยังส่งสาวใช้หน้าตางดงามออกมา ประดับประดาห้องโถงเสียหรูหราเพื่อต้อนรับแขกทั้งหลายอย่างดี
เมื่อกู่จิ่นถังและคนอื่น ๆ ก้าวเข้ามาในโถงประมูลก็พบเข้ากับเพดานฝังเศษดินเผาสีกว่า 4800 ส่วน ที่พื้นทำจากหนังอสูรกายระดับสูง 12 ชนิด ทำให้อวิ๋นเป้ากับกังเหยียนเห็นแล้วตะลึงไปในทันที
ตระกูลกู่ได้อยู่ห้องหมายเลข 16
เมื่อเข้ามาในห้องแล้วก็พบว่ามีสาวใช้สองคนยืนรออยู่ในนั้นก่อนแล้ว ทั้งยังมีแก้วผลึกขนาดใหญ่ที่มีเหล้ารินไว้ หรือก็คือ ‘เหล้าหยกอำพัน’ อยู่ด้วย
เหล้าชนิดนี้จอกละหินพลังต้นกำเนิด 500 ก้อน ไม่มีผลข้างเคียง อาจดื่มเอารสชาติหรือเพื่อโอ้อวดก็ยังได้ คนรวยส่วนมากหากไม่ได้โอ้อวดบ้างก็คงอึดอัดใจตาย
ตอนนี้ซูเฉินยังไม่มีปัญหาเช่นนั้น เขาหยิกเหล่าขึ้นจิบแล้วหัวเราะ “นี่น่ะหรือเหล้าหยกอำพัน ? ก็ไม่เห็นเท่าไหร่”
“ก็จริง เจ้าซดเหล้าแพงกว่านี้มากนี่”
เขาไม่ได้โกหก ในการเพิ่มพลังจิตให้สามารถคุมเรือเหาะจักรพรรดิมังกรวารีหลากได้ดีขึ้น ซูเฉินจึงเริ่มดื่มโอสถปลุกวิญญาณรัว ๆ อีกครั้งหนึ่ง
หากแต่สาวใช้ทั้งสองในห้องกลับเริ่มรู้สึกขุ่นเคือง
สาวใช้ของศาลาหมู่เมฆนั้นล้วนมีสายตาเฉียบคม รู้ทันทีว่าซูเฉินและคนอื่น ๆ มากับตระกูลกู่ คนตระกูลกู่ยังไม่ทันเอ่ยปาก แต่ผู้ติดตามสองคนกลับกล่าวหยิ่งผยองเช่นนี้ แน่นอนว่าพวกนางได้แต่บ่นอยู่ในใจด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนเท่านั้น
ระหว่างที่คุยกัน งานประมูลหมู่เมฆก็เริ่มขึ้น
ชายวัยกลางคนก้าวขึ้นมาบนพื้นยกสูง เขาเป็นเจ้าภาพงานประมูลในครั้งนี้
กังเหยียนเห็นแล้วผิดหวังนัก “ไม่ใช่สาวงามหรอกหรือ ? งานประมูลชั้นสูงไม่ใช่ว่าให้สาวงามเป็นคนดำเนินหรอกหรือ ?”
สาวใช้ทั้งสองอดส่งสายตารังเกียจให้พวกเขาไม่ได้
ใช้สาวงามในงานประมูลเช่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่งานประมูลชั้นสูงเขาทำกัน จริง ๆ แล้วมันกลับกันเลยต่างหาก เพราะงานประมูลที่ไม่ค่อยมีระดับมักใช้กลยุทธ์นี้มาดึงแขก หากเป็นงานประมูลใหญ่จริง ๆ จะดูถูกวิธีเช่นนี้ ด้วยพวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้สาวงาม แต่ต้องการคนมีความสามารถและเข้าใจสินค้าที่จะถูกประมูลมากกว่า
เขาคือซุนเจิ้งเทา ผู้ดำเนินงานประมูลที่มีฝีมือที่สุดของศาลาหมู่เมฆ มีความรู้ความสามารถมากมาย
หลังจากซุนเจิ้งเทากล่าวเปิดงานประมูลแล้ว เขาก็เอ่ยว่า “ต่อไปเราจะเริ่มการประมูลด้วยของชิ้นแรก นั่นก็คือกำไลหยกผีซานเซียง”
เมื่อผ้าแดงถูกเปิดออก กำไลหยกสีม่วงอมน้ำเงินก็ปรากฏสู่สายตา
“กำไลหยกผีซานเซียงเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของปรมาจารย์หลอมอุปกรณ์ ผู้อาวุโสช่างคง แม้จะเป็นเพียงเครื่องมือต้นกำเนิดระดับ 6 แต่ก็มีความสามารถพิสดาร มีทักษะต้นกำเนิดระดับสูงสลักอยู่ คือวิชากรงเล็บวิญญาณร้าย จากการทดสอบมีพลังโจมตีที่ 150 ทีเดียว !”
ปกติแล้ว พลังโจมตีของทักษะต้นกำเนิดที่ปลดปล่อยโดยคนด่านก่อเกิดลมปราณจะอยู่ที่ราว 30 คนด่านกลั่นโลหิตที่ 100 และคนด่านทะลวงลมปราณนั้นราว 300
เครื่องมือต้นกำเนิดระดับ 6 นั้นจะสามารถใช้ได้ต้องเป็นคนด่านกลั่นโลหิต ทำให้มันเป็นของที่น่ากลัวไม่น้อย
โดยจำนวนดังกล่าวนั้นสูงเกือบถึงขีดสุด สำหรับคนส่วนมากการที่สามารถปล่อยพลังโจมตีได้สัก 60-70 ในด่านกลั่นโลหิต เท่านั้นก็นับว่าเก่งกาจมากแล้ว
ทว่าเครื่องมือต้นกำเนิดระดับ 6 นี้กลับมีค่าโจมตีพุ่งสูง 150 ทำให้ใกล้เคียงกับเครื่องมือต้นกำเนิดระดับ 5 นับว่าหาได้ยากนัก
หากคนด่านกลั่นโลหิตมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ไว้ครองก็นับว่าเป็นอาวุธสังหารที่ดีไม่น้อย
ผู้ประมูลกล่าวเสริมขึ้น “ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 800,000 ขอรับ !”
เครื่องมือต้นกำเนิดระดับ 6 ธรรมดาทั้งหลายมักจะมีราคาตั้งต้นที่หินพลังต้นกำเนิด 300,000 – 500,000 ก้อน ส่วนเครื่องมือต้นกำเนิดระดับ 5 นั้นอย่างน้อยก็เป็นล้านก้อน
แต่ราคาเริ่มต้นของเครื่องมือต้นกำเนิดชนิดนี้กลับตั้งไว้ที่ 800,000 ก้อนทีเดียว !