ภาคที่ 3 บทที่ 130 งานประมูลหมู่เมฆ (2)

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 130 งานประมูลหมู่เมฆ (2)

ซุนเจิ้งเทาเพิ่งจะเอ่ยแนะนำก็มีเสียงดังขึ้น “ข้าให้ราคา 8 แสน !”

“9 แสน !”

“1 ล้าน !”

“1.1 ล้าน !”

ราคาพุ่งเกิน 1 ล้านไปอย่างรวดเร็ว ทะลวงไปถึงราคาของเครื่องมือต้นกำเนิดระดับ 5 แล้ว

สมบัติระดับสูงก็เรียกความสนใจได้มากมายเช่นนี้ ยามผู้เชี่ยวชาญพลังทั่วไปใช้เครื่องมือต้นกำเนิดระดับ 6 ปล่อยพลังที่เหนือกว่าขีดจำกัดออกมา จะทำให้เพิ่มความแกร่งได้อีกนิดหน่อย นับว่าจ่ายเงินมากหน่อยก็ยังคุ้มค่า

ซูเฉินยิ้มให้กู่ชิงลั่ว “กำไลนั่นงามนักท่าทางดูสวยสง่า ข้ามอบให้เจ้าเป็นอย่างไร ?”

ซูเฉินรู้ว่าสตรีมองความสวยงามอยู่เหนือการใช้งาน ดังนั้นเขาจึงเน้นเรื่องทรงของกำไล

กู่ชิงลั่วหัวเราะตอบคำ “จะดีหรือ ?”

“ข้าว่าไม่เป็นไร” ซูเฉินว่าแล้วก็ยกมือขึ้น “1.5 ล้าน !”

“แต่นี่เพิ่งจะของชิ้นแรกเท่านั้นนะ”

“ไม่ต้องห่วง หากมีของดีกว่านี้ก็แค่ซื้อมันมาเท่านั้น”

“……”

เมื่อประกาศราคา 1.5 ล้านออกไปก็ไม่มีใครเสนอราคาตามมาอีก

ไม่ใช่ว่าไม่สู้ราคา แต่เพราะอยากใช้เงินให้คุ้มค่าที่สุดต่างหาก

มันเป็นแค่เครื่องมือต้นกำเนิดระดับ 6 ราคาเท่านี้นับว่าสูงมากแล้ว หากมากเกินไปก็ไม่คุ้มค่าอีก

พริบตาต่อมา กำไลหยกผีซานเซียงก็ถูกส่งมาให้ซูเฉิน เขาหันมาสวมมันใส่ข้อมือกู่ชิงลั่วด้วยตนเอง กำไลหยกสีม่วงแผ่แสงเรืองอ่อน ๆ ตัดกับผิวขาวของกู่ชิงลั่ว

“ครั้งหน้าหากเจ้าทำตัวไม่ดี ข้าจะใช้มันต่อยเจ้า” กู่ชิงลั่วว่า

ซูเฉินหัวเราะขื่น “แม่นาง ข้าให้ของขวัญเจ้าแต่เจ้ากลับจะทำเช่นนั้นตอบแทนข้าหรือ ?”

กู่ชิงลั่วปิดปากหัวเราะคิก ทำเอาทุกคนชะงักค้างไป

สาวใช้ทั้งสองชะงักไป รู้สึกโชคดีนีกที่ไม่ปากพล่อยไปเมื่อครู่ ไม่เช่นนั้นคงถูกตบหน้าบวมเป็นแน่

สมบัติชิ้นที่สองถูกนำออกประมูลแล้ว มันคือ เครื่องมือต้นกำเนิดประเภทดาบระดับ 8

ซูเฉินไม่สนใจเจ้านี่ กู่ชิงลั่วก็ได้ดาบวิญญาณเยือกแข็งจากเขามาแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงเมินมันไป นั่งดูคนอื่น ๆ สู่ราคากันแทน

บางครั้งก็มีของล้ำค่าปรากฏขึ้นบ้าง ทำให้การประมูลไม่น่าเบื่อจนเกินไป มีเสียงอึกทึกครึกโครมอยู่ตลอด

ซูเฉินเองก็เข้าร่วมการประมูลไปหลายครั้งแล้ว และได้แจกจ่ายของให้ทุกคน

“ตอนนี้มาถึงชิ้นที่ 37 แล้วนะขอรับ คือแหวนกักวิญญาณน้ำนิ่ง คุณสมบัติล้ำค่าคือมุกสะท้านวิญญาณ สามารถโจมตีและขัดขวางจิตใจคนได้ แต่ตัวแหวนไม่ได้มีพลังโจมตีสูงส่งอะไร ผลนั้นขึ้นอยู่กับผู้ใช้ และเพราะเป็นเครื่องมือต้นกำเนิดประเภทพลังจิตที่นำมาใช้สอยได้ ราคาจึงยากจะประเมิน ดังนั้นจะนับว่าเป็นสมบัติหายาก ราคาเริ่มต้นที่ 2 ล้านขอรับ”

“โอ้ ? ล้ำค่าน่าดูนี่” เมื่อได้ยินราคา ซูเฉินก็เหยียดหลังตรง

ในหมู่เครื่องมือต้นกำเนิด เครื่องมือต้นกำเนิดประเภทพลังจิตนั้นหายากที่สุด เพราะพลังจิตขิงแต่ละคนนั้นลึกลับซับซ้อนไม่อาจจับต้องได้ ไม่มีรูปไม่มีร่าง เครื่องมือต้นกำเนิดส่วนมากพึ่งพาวัตถุดิบที่ใช้สร้างและค่ายกลต้นกำเนิดที่ฝังไว้ในตัวเพื่อสร้างผลต่าง ๆ นานา ทำให้ดูมีค่ากว่าเดิม

เครื่องมือต้นกำเนิดประเภทพลังจิตนั้นแตกต่าง ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับลักษณะพลังจิตของวัตถุดิบที่ใช้สร้าง อาทิเช่น แหวนกักวิญญาณน้ำนิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใส่มุกสะท้านวิญญาณ ปรับมาจนกลายเป็นแหวนเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน ไม่เช่นนั้นหากจะสู้แล้วต้องหยิบออกมาทุกครั้งคงไม่สะดวก ดังนั้นหากแยกมุกออกจากแหวนก็จะยังใช้งานได้ดี

เมื่อได้ยินซุนเจิ้งเทาเอ่ยขึ้นมา ซูเฉินก็เปิดใช้เครื่องสะท้อนเสียงภายในห้องทันที “สิ่งนี้สามารถทำให้พลังจิตแกร่งขึ้นได้หรือไม่ ?”

ซุนเจิ้งเทาส่ายหน้า “ไม่ได้ขอรับ”

“แล้วมีผลต่อความมั่นคงของจิตมากแค่ไหน ? มีข้อจำกัดในการใช้หรือไม่ ?”

“หากใช้ตรง ๆ ก็จะสามารถทำให้ศัตรูมึนงงได้บ้าง แต่ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับพลังจิตของคนทั้งสองขอรับ หากท่านมีวิชาประเภทพลังจิตอยู่ แหวนวงนี้จะช่วยเสริมวิชาได้ ข้อจำกัดก็ขึ้นอยู่กับพลังงานจิตของผู้ใช้ขอรับ”

ประโยชน์ของการที่มีผู้ดำเนินงานมีประสบการณ์ได้เห็นกันก็คราวนี้ เขารู้จักตอบคำถามและเตรียมตัวมาพร้อม อธิบายจุดแข็งของสินค้าได้ในไม่กี่ประโยค

ฉะนั้นมันก็คือเครื่องมือต้นกำเนิดที่สามารถลดค่าพลังป้องกันจิตได้นี่เอง

แต่จริง ๆ แล้วไม่ว่าคำตอบจะออกมาอย่างไร ซูเฉินได้ยินว่ามันเป็นเครื่องมือต้นกำเนิดประเภทพลังจิต เท่านั้นเขาก็ตัดสินใจคว้ามันไว้แล้ว

แต่กำลังจะเอ่ยปาก เสียงหนึ่งพลันดังขึ้น “2.5 ล้าน ข้าต้องการมัน”

เป็นเสียงจากห้องที่อยู่ไม่ไกลนัก ไม่อาจรู้ตัวตนคนกล่าวได้ แต่น้ำเสียงอิดโรยยังได้ยินได้ชัดเจน คำเรียบง่ายทว่าทรงพลังนั้นมีความมั่นใจอยู่หลายส่วน

ซูเฉินเลิกคิ้วกล่าว “3 ล้าน”

ฝูงชนเริ่มพึมพำทันที

แหวนกักวิญญาณน้ำนิ่งจะใช้ได้ก็ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญพลังที่มีพลังจิตกล้าแข็งเท่านั้น หรือก็คือในการประมูลครั้งนี้ อย่างน้อย ๆ มีผู้เชี่ยวชาญที่มีพลังจิตสูงส่งอยู่ 2 คน แต่จำนวนที่แน่ชัดนั้นไม่อาจรู้ได้

“4 ล้าน” อีกฝ่ายไม่ยอมถอย เสนอราคาเพิ่มไปอีก 1 ล้าน

ซูเฉินเองก็ไม่ถอยเช่นกัน “5 ล้าน !”

“ฮึ่ม !” น้ำเสียงไม่พอใจเยียบเย็นจากอีกห้องส่งตรงมาถึงซูเฉิน พยายามจะแทรกซึมเข้าสู่จิตของเขา

ชายหนุ่มรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทดสอบตนอยู่

แทบไม่ต้องคิด พลังงานจิตของเขาก็แผ่ออกมาล้อมกายเขาคล้ายกำแพง สกัดจิตที่ส่งมาสอดรู้สอดเห็นนั่นไว้ จากนั้นเขาก็ตวัดสายตากลับใส่อีกฝ่าย ซัดพลังงานจิตไปสู่ห้องอีกฝ่ายทันที ด้วยพลังจิตที่มี เขาสัมผัสได้ว่าอีกห้องหนึ่งมีผู้ใช้พลังจิตอันแข็งแกร่งอยู่คนหนึ่ง ทำให้เขารู้สึกสนใจขึ้นมาทันที

แต่เหมือนการโจมตีจะไร้ผล เพราะมันหายไปราวกับน้ำหยดลงมหาสมุทรเมื่อถูกตัวศัตรู

แต่ถึงกระนั้น อีกฝ่ายคงไม่คิดว่าซูเฉินจะโต้กลับมาเช่นนี้ ทั้งตกใจทั้งโกรธขึ้ง ส่งคลื่นพลังงานจิตรุนแรงกลับมาโจมตีซูเฉินอีกครั้ง

ซูเฉินทานมันได้ไม่มีปัญหา ก่อนจะส่งพลังโต้กลับไป

แล้วทั้งสองก็ซัดพลังที่มองไม่เห็นใส่กันต่อไปเรื่อย ๆ

ที่เบื้องหน้า พวกเขาก็ยังเสนอราคาแข่งกันอยู่ไม่ได้หยุด

หลังจากซูเฉินเสนอไป 5 ล้าน อีกฝ่ายก็ร้อง 6 ล้านออกมาทันที เห็นได้ชัดว่าเป็นคนมีอำนาจและเงินตรามาก

ซูเฉินร้องราคา 7 ล้านออกไปอย่างดุเดือด

อีกฝ่ายเพิ่มราคาเป็น 8 ล้าน

ฝูงชนแตกฮือทันที นี่มันราคาน่าผวาแล้ว แท้จริงแล้วทั้งสองไม่ได้สู้ราคากันอีกต่อไป แต่กำลังเอาชนะกันอยู่ต่างหาก

ขณะที่คนอื่น ๆ รอให้ซูเฉินเสนอราคาเพิ่ม เขาก็พลันหยุดเงียบไป

ผู้ดำเนินงานประกาศราคา 8 ล้านสามหน เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเสนอราคาอีก ทั่วทั้งโถงเงียบสนิท ก็ประกาศว่าสินค้าถูกประมูลไปได้แล้ว

คนอีกห้องไม่คิดว่าจู่ ๆ ชายหนุ่มจะหยุดไปเช่นนี้จึงชะงักไป ซูเฉินจึงฉวยจังหวะนี้โต้การโจมตีกลับไป และด้วยอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวจึงพลั้งเผลอ ถูกพลังงานจิตเล่นงานจนตัวลอย

พลังจิตเสี้ยวหนึ่งของซูเฉินแทรกเข้าไปในสมองของอีกฝ่าย

สงครามพลังจิตไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ หากแพ้ไม่เพียงจิตได้รับผลกระทบ แต่อีกฝ่ายยังสามารถแทรกซึมเข้ามาในจิตใจ ทำให้อาจถูกชิงเอาความทรงจำหรือถูกคุมจิตได้

อีกฝ่ายรู้ว่าตนเสียเปรียบ คิดป้องกันตนเองเต็มที่ ร้องลั่นขึ้นมาทันที “เร็วเข้า เอาแหวนกักวิญญาณน้ำนิ่งมาให้ข้า !”

คนข้าง ๆ จึงหยิบแหวนออกมา

หากแต่น้ำบ่อไกลไม่อาจดับกระหายได้ทันท่วงที ซูเฉินดื่มโอสถปลุกวิญญาณ ก่อนจะซัดพลังงานจิตเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างจัง !