ผู้ถือธงสงสัยน้อยลงแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เชิญทุกท่านลงมาตรวจร่างกายสักหน่อย”

กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “ศัตรูกำลังไล่ตามมาแล้วยังจะต้องตรวจร่างกายอีกหรือ? เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าสมรู้ร่วมคิดกับศัตรูและจงใจให้พวกเขาไล่ตามพวกเราทัน?”

“ปรักปรำ พวกข้าจะสมรู้ร่วมคิดกับศัตรูได้อย่างไร”

“งั้นยังไม่รีบปล่อยให้ผ่านอีก พวกเจ้าขวางพวกเขาเอาไว้ก่อน พวกข้าไปตรวจร่างกายที่ยอดเขาลูกที่สี่ก็เหมือนกัน”

“คือ……”

อี้เฉินเฟยกล่าวขึ้นในเวลาที่เหมาะสมว่า “ทำตามที่นางบอก จำไว้ หากไม่ขวางพวกเขาเอาไว้นับจากวันนี้ไปพวกเจ้าไม่ต้องประจำการอยู่ที่นี่แล้ว”

คำพูดของอี้เฉินเฟยนั้นเบาแต่พลังการยับยั้งนั้นเต็มเปี่ยมนัก

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่าปกติเจียงซวี่ใช้อำนาจและบารมีมากมาย พวกคนใช้จึงได้เกรงกลัวที่จะทำให้เขาขุ่นเคือง

ในระยะไกลก็ไม่รู้ว่าปรมาจารย์หลินได้กรงเลื่อนมาจากที่ใดซึ่งกำลังไล่ตามพวกเขามาพร้อมตะโกนอยู่ด้านหนึ่ง

“ขวางพวกเขาเอาไว้……รีบขวางพวกเขาเอาไว้”

ระยะนั้นไกลปรมาจารย์หลินพูดสิ่งใดทุกคนนั้นไม่ได้ยิน

กู้ชูหน่วนกล่าวเร่งเร้าว่า “มัวแต่ทำสิ่งใดอยู่ ปล่อยธนูยิงพวกเขาตายให้หมด อย่าได้ปล่อยให้พวกเขากระทำสำเร็จโดยเด็ดขาด แม้ว่าผู้นำกองธงจะไม่สนใจความเป็นความตายของผู้คอยปรนนิบัติเหล่านี้แต่ก็ไม่มีวันให้ผู้คอยปรนนิบัติถูกคนช่วยเหลือไปได้”

เหล่าผู้ถือธงทั้งหลายลังเลครู่หนึ่งจากนั้นก็ให้นักยิงธนูปล่อยลูกธนูในทันที

อี้เฉินเฟยเสริมประโยคหนึ่งขึ้นว่า “เปิดเส้นทาง”

“เปิดประตูออกให้พวกเขาผ่านไป”

“ขอรับ”

ประตูเปิดออกกรงเลื่อนเดินหน้าไปตามเส้นทางต่อโดยไปทางด้านยอดเขาลูกที่สี่

กู้ชูหน่วนยกมือชมผู้ถือธงและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ทำได้ดีมาก หากเจ้าสามารถฆ่าคนสารเลวพวกนั้นได้ ข้าจะให้ปรมาจารย์เจียงขึ้นเงินค่าจ้างและเลื่อนตำแหน่งให้เจ้าในภายหลัง”

เหล่าผู้ถือธงแต่ละคนต่างตกตะลึง

ปรมาจารย์เจียงเป็นผู้ที่เข้ากับคนได้ยากมาโดยตลอด เหตุใดถึงได้ดีกับผู้ถือธงเล็กๆได้? ทำให้ผู้ถือธงน้อยผู้นั้นหยิ่งผยองจองหองขึ้น

ความสงสัยก็ส่วนความสงสัยแต่พวกเขาก็ยังต้องสั่งให้นักธนูยิงไปยังด้านหน้านั้นให้ตาย จำต้องยิงศัตรูที่ปลอมแปลงเป็นปรมาจารย์หลินให้ตายทั้งที่มีชีวิตอยู่

ปรมาจารย์หลินนั้นจิตใจเลวทรามต่ำช้าก็มีมาแล้ว

คนของป้อมปราการยอดเขาที่ห้าก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันจึงริเริ่มเปิดประตูออกให้ศัตรูจากไปแล้วจะลงมือกับพวกเขาให้ตาย

ปรมาจารย์หลินกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “บังอาจ รีบหยุดยั้งพวกเขาไว้ ข้าคือปรมาจารย์หลินผู้ดูแลหอคอยลมเมฆ”

“เจ้าสิบังอาจ ถึงกับกล้าเปลี่ยนเป็นลักษณะท่าทางของปรมาจารย์หลิน พี่น้องทั้งหลาย ฆ่าพวกเขาให้ข้ากันให้หมด”

กู้ชูหน่วนพิงอยู่ตรงขอบกรงเลื่อนและมองเกียจไปยังการต่อสู้อันดุเดือดเบื้องหน้าอย่างเกียจคร้าน

แม้ว่าจะไม่ได้ยินปรมาจารย์หลินกล่าวด้วยหูของตนเองแต่ทุกคนก็รู้สึกว่าได้ว่าปรมาจารย์หลินนั้นโมโหถึงที่สุด

หลังของเหล่าผู้คอยปรนนิบัตินั้นเปียกกันซะแล้ว ซึ่งแทบจะไม่กล้าจินตนาการว่าตนเองสามารถหนีออกจากปากเสือยอดเขาลูกที่ห้าได้จริงๆ

อี้เฉินเฟยทำเสียงแล้วกล่าวพร้อมกับหัวเราะว่า “ทำให้ผู้ใดขุ่นเคืองก็อย่าได้ทำให้ท่านขุ่นเคือง ท่านช่างใจดำยิ่งนักเพียงแค่ขยับมือก็สามารถเล่นสนุกให้คนตายได้”

กู้ชูหน่วนบิดขี้เกียจทีหนึ่งพร้อมกับยิ้มในดวงตาอันเปล่งประกาย “ท่านพี่เฉินเฟยหากท่านยังพูดจาไร้สาระอีก ข้าจะฟ้องท่านที่กล่าวหาละเมิดสิทธิชื่อเสียงของข้านะ”

ผู้คอยปรนนิบัติในกรงเลื่อนเดียวกันไม่รู้ว่าสิทธิชื่อเสียงมีความหมายว่าสิ่งใดแต่อี้เฉินเฟยกลับมองไปยังป้อมปราการที่สี่ จากนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปบางส่วนและถูกแทนที่ด้วยความกังวลมากขึ้นบางส่วน

เขาถอนหายใจ “ป้อมปราการที่สี่เกรงว่าจะบุกเข้าไปไม่ได้ง่ายๆ”

“มีสิ่งใดไม่ง่าย ท่านดูว่าข้าจะบุกเข้าไปเช่นไรให้ท่านดู”

ทุกคนต่างสงสัยว่านางจะบุกเข้าไปได้อย่างไรกันแน่?

หรือว่าจะใช้วิธีการเดิมอีกแล้วหรือ?

แต่ว่าเสียงเครื่องเป่าส่งสัญญาณดังขึ้น คนในป้อมปราการที่สี่จะเชื่ออย่างง่ายดายได้อย่างไร?