ในใจของเสี่ยวเชี่ยนนึกออกแล้วว่าคนๆนี้เป็นใครกันแน่ แต่กลับไม่ได้แฉเขาออกมา เธออยากรอดูว่าตานี่มาทำตัวใกล้ชิดสุ่ยเซียนเพื่อวัตถุประสงค์อะไร
นึกไม่ถึงว่าหลังจากที่กลับชาติมาเกิดจะมีหลายเรื่องที่เปลี่ยนไป เมื่อชาติก่อนเสี่ยวเชี่ยนจำไม่ได้ว่าข้างตัวสุ่ยเซียนมีผู้ชายคนนี้อยู่ด้วย
ชาติที่แล้วสุ่ยเซียนเป็นโรคเบื่ออาหารขั้นรุนแรง ช่วงเวลานี้น่าจะกำลังวิ่งวุ่นหาที่รักษาไปทั่ว แต่เสี่ยวเชี่ยนในตอนนั้นไม่ได้เรียนจบก่อนเวลาอันควร กว่าเธอจะได้เจอสุ่ยเซียนก็หลังจากนั้นอีกหลายปี
ถ้าเสี่ยวเชี่ยนไม่ได้กลับชาติมาเกิดแล้วรักษาโรคเบื่ออาหารของสุ่ยเซียน เวลานี้สุ่ยเซียนก็คงไม่ต้องตามพ่อไปเรียนรู้เรื่องธุรกิจทั่วโลกแบบนี้
ดังนั้นการที่สุ่ยเซียนเจอกับตาคนนี้จึงไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการที่เสี่ยวเชี่ยนกลับชาติมาเกิด จัดอยู่ในประเภททฤษฎีผีเสื้อขยับปีก
ส่วนตาคนนี้จะมาแบบมิตรหรือศัตรู เสี่ยวเชี่ยนยังตอบไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจรอดูไปก่อน
“เห็นแล้วก็หงุดหงิด” สุ่ยเซียนไม่อยากพูดถึงบอดี้การ์ดที่น่าเหนื่อยหน่ายอีก เธอเปลี่ยนหัวข้อคุยเรื่องเสี่ยวเชี่ยน
“ได้ยินว่าเธอแต่งงานแล้วเหรอ?”
“อืม เพิ่งไปจดทะเบียนมาเมื่อวานซืน”
สุ่ยเซียนสังเกตรอบบ้านที่ตกแต่งอย่างพิสดารนี้ “ดูท่าชีวิตเธอมีความสุขดีนะ?”
เสี่ยวเชี่ยน หึ ออกมา “นอกจากเรื่องบ้านที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไร เรื่องอื่นก็พอไหว”
เปิดกระเป๋าเดินทางของสุ่ยเซียน ในนั้นเต็มไปด้วยของที่เธอต้องการ
ของทุกชิ้นห่อมาอย่างแน่นหนา ซึ่งก็คือน้ำมันหอมระเหยที่เธอต้องการ เสี่ยวเชี่ยนหยิบขึ้นมาดูทีละขวด
“ทั้งหมด25ขวดอยู่ในนี้ จริงสิเชี่ยนเอ๋อ ตอนแรกบอกจะเอา26ขวดไม่ใช่เหรอ ทำไมอยู่ๆตัดทิ้งหนึ่งขวดล่ะ?”
ขวดที่ไม่เอาชื่อแปลกมาก แพงมากด้วย สุ่ยเซียนแปลกใจจึงถามดู
“อ๋ออันนั้นเหรอ มันมีผลข้างเคียงน่ะ ถ้าเอามาวางปนกับขวดอื่นมันจะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี กับคนน่ะไม่เท่าไร แต่ถ้าเป็นจมูกหมาที่ไวต่อกลิ่นมันจะส่งผลเป็นอย่างมาก ถ้าในบ้านเลี้ยงหมาตัวผู้แล้วมันได้กลิ่นนี้จะเอามันไม่อยู่เลยนะ”
“รุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“แน่นอน ในบ้านเราไม่มีขายหรอกนะ แล้วก็น้อยคนด้วยที่จะเอาน้ำมันหอมระเหยสองชนิดนี้มาผสมกัน ดังนั้นไม่ค่อยมีคนรู้จักหรอก”
“งั้นของอันตรายแบบนั้นอย่าใช้เลยเนอะ”
เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้า “อืม ถูกต้อง ต่อไปไม่ใช้แล้ว”
คาดว่าต่อไปเธอคงไม่มีโอกาสต้องลงโทษใครแทนสวรรค์แล้ว อย่างไรเสียคนเลวที่ทำให้เสี่ยวเชี่ยนโมโหได้ขนาดนี้ ทำให้อวี๋หมิงหลางเห็นด้วยกับการลงโทษคนแทนสวรรค์ มีไม่เยอะหรอก
ดูน้ำมันหอมระเหยเสร็จเสี่ยวเชี่ยนก็หยิบกล่องเล็กๆออกมาจากกระเป๋า ในนั้นมีของเล่นที่ช่วยคลายเครียด มีลูกเต๋าเล็กๆที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวล ด้านบนมีด่านต่างๆ อยู่ว่างๆกดเล่นก็แก้เซ็งได้ดี
นี่เป็นของเล่นที่เสี่ยวเชี่ยนตั้งใจให้สุ่ยเซียนซื้อกลับมาให้เวยเวย
ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้อาการของเวยเวยดีขึ้น เย่ต้าเชียนถูกสวรรค์ลงโทษจนเข้าโรงพยาบาลไปแล้ว ความอึดอัดใจของเวยเวยได้รับการระบายออกมาบ้าง การรักษาสามารถดำเนินการขั้นต่อไปได้แล้ว ซื้อของเล่นคลายเครียดมาให้เล่นน่าจะช่วยได้บ้าง
เสี่ยวเชี่ยนหยิบของเล่นออกมาเตรียมเอากลับไปให้เวยเวย สายตาเหลือบไปเห็นสุ่ยเซียนนั่งอยู่ที่โซฟาเล่นเกมลูกเต๋า เธอเลิ่กคิ้ว
“เธอก็เล่นด้วยเหรอ?”
“ตอนซื้อลองเล่นดูฉันว่ามันสนุกดี ก็เลยซื้อมาอันนึง” สุ่ยเซียนกดไปกดมา เสี่ยวเชี่ยนเห็นแล้วก็รู้สึกว่าเธอเหมือนคนมีเรื่องในใจ
“มีเรื่องในใจเหรอ?”
“เปล่า จริงสิ ชองขวัญแต่งงานที่พ่อให้เธออยู่ในกระเป๋าแน่ะ เธอดูเอาเองนะ” สุ่ยเซียนชี้ไปที่กระเป๋า
“ฉันเพิ่งจะจดทะเบียนเมื่อวานซืน พ่อบุญธรรมหาเตรียมของขวัญได้ไวขนาดนี้เลยเหรอ?”
“เตรียมไว้นานแล้ว ตั้งแต่ต้นปี เขาคิดไว้ว่าปีนี้เธอก็คงจะแต่งงานก็เลยซื้อเตรียมไว้”
สุ่ยเซียนพูดมาแบบนี้เสี่ยวเชี่ยนก็พอจะเดาออกแล้วว่าของในนั้นคืออะไร
เสี่ยวเชี่ยนหยิบหนังสือตกแต่งบ้านออกมา ตามคาด ใต้นั้นมีซองเอกสารสีน้ำตาล เธอหยิบเอกสารในนั้นออกมาดู ไม่ต่างจากที่เธอคิดเท่าไรนัก แต่ตัวเลขมันดูเยอะจากที่เธอจินตนาการไว้ไปหน่อย
“ไม่รับได้ไหม?”
สุ่ยเซียนเบ้ปาก “เหมือนจะไม่ได้ พ่อบอกว่า เธอรับไว้ก็รับ ไม่รับยังไงก็ต้องรับ”
“แย่ละ ฉันมือไม้อ่อนหมด ของขวัญนี่มันใหญ่เกินไป”
“ถ้าเทียบกับสิ่งที่เธอทำให้ครอบครัวเราแค่นี้มันเล็กน้อยมาก รับไว้เถอะ ของที่พ่อฉันให้ใครแล้วไม่มีทางเก็บกลับคืน พ่อบอกว่า เธออย่าเพิ่งไปบอกคนนอก บางทีพอถึงช่วงเวลาสำคัญมันอาจช่วยพวกเราได้”
“ฉันกลายเป็นบุคคลลึกลับที่ถือหุ้นใหญ่ของตระกูลทังแล้วเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนเบ้ปาก
“เธอเป็นไพ่ใบสุดท้ายของครอบครัวทัง และก็เป็นน้องสาวของฉันด้วย”
เสี่ยวเชี่ยนยัดเอกสารกลับเข้าไป “ที่บ้านเกิดเรื่องเหรอ? ไม่อย่างนั้นพ่อบุญธรรมคงไม่ให้ไอ้นี่กับฉันหรอก”
“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ช่วงสองปีนี้พ่อฉันสุขภาพไม่ค่อยดี เขาวางแผนจะดันฉันขึ้นไปแทน แต่พวกผู้ถือหุ้นไม่ค่อยเห็นด้วย ช่วงนี้เลยมีปัญหากันอยู่น่ะ แต่เธอไม่ต้องคิดมากนะ การให้นี่กับเธอไม่ได้ต้องการจะให้เธอเข้ามาเอี่ยวเรื่องพวกนี้ด้วย เธอเป็นลูกบุญธรรมของพ่อฉัน เป็นน้องสาวบุญธรรมของฉัน ให้สิ่งนี้เป็นของขวัญแต่งงานเธอมันก็สมควรแล้ว”
“คิดดีแล้วเหรอที่จะไปนั่งตำแหน่งนั้น?”เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้ตาลุกวาวกับผลประโยชน์ตรงหน้า เธอเป็นห่วงสุ่ยเซียน
เมื่อชาติก่อนสุ่ยเซียนเป็นท่านประธานสาวที่แสนเด็ดเดี่ยว มีความสัมพันธ์อันดีกับเสี่ยวเชี่ยน แต่ชาตินี้มีความเป็นพี่น้องเพิ่มเข้ามา ความรู้สึกจึงเปลี่ยนไป
หากมองในมุมของผลประโยชน์ การที่สุ่ยเซียนได้ขึ้นเป็นประธานเร็วกว่าเดิมมีแต่จะเป็นประโยชน์กับเสี่ยวเชี่ยน แต่ถ้ามองในมุมของพี่น้อง เสี่ยวเชี่ยนไม่อยากให้สุ่ยเซียนเหนื่อยเหมือนเมื่อชาติก่อน ตำแหน่งนั้นล่อตาล่อใจคน แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความลำบาก
“จะอยากไม่อยากฉันก็ต้องขึ้นไปอยู่ดี นั่นคือบริษัทที่พ่อฉันสร้างมาเองกับมือ ฉันไม่มีทางยกให้คนอื่น ตอนนี้เขาอายุมากแล้ว จะให้ฉันทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตไปเรื่อยๆไม่ได้ เชี่ยนเอ๋อ ถึงตอนนั้นเธอต้องช่วยฉันนะ”
“เอาเงินเขามาแล้วก็ต้องช่วยเขา แน่นอน” เสี่ยวเชี่ยนวางซองเอกสารไว้ข้างๆ
“ช่วยฉันก็เพราะสิ่งนี้เหรอ? เธอเป็นคนคิดอะไรผิวเผินแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
“ฉันเป็นคนชอบเงินมาตลอด เธอเพิ่งรู้จักฉันวันแรกหรือไง? นี่อะไรน่ะ?”
มีกล่องที่อยู่ล่างสุดของกระเป๋า นาฬิกาข้อมือล้อมเพชรของBVLGARI ถึงจะไม่รู้ราคา แต่เห็นเพชรที่รายล้อมแล้วก็รู้ได้ว่าราคาไม่ใช่ถูกๆ
“ของขวัญแต่งงานที่ฉันควักกระเป๋าซื้อให้ผู้หญิงที่สนิทกับฉันเพียงผิวเผิน นี่ เชี่ยนเอ๋อ บอกมานะที่เธอช่วยฉันไม่ได้เพราะสิ่งนั้นใช่ไหม?” สุ่ยเซียนมองไปที่ซองเอกสาร
ช่วงสองปีนี้เธอเปลี่ยนไปมาก ได้ตามพ่อไปดูเรื่องธุรกิจมากมาย เติบโตขึ้นไม่น้อย แต่ไม่ว่าจะเจอคนเลวร้ายข้างนอกมากแค่ไหน เสี่ยวเชี่ยนก็ยังเป็นเหมือนเดิมในใจเธอ
“แม่เสือสาว ดุเหลือเกิน ทำไมดุแบบนี้? แน่สิไม่ใช่เพราะของแค่นี้ ยังมีนี่อีกชิ้นไง!” เสี่ยวเชี่ยนยกนาฬิกาขึ้น
สุ่ยเซียนหัวเราะ เธอเข้าใจแล้ว
เสี่ยวเชี่ยนมองเธอเป็นพี่น้อง
“เชี่ยนเอ๋อ ตอนนี้คนที่ฉันคุยด้วยสนิทใจมีแค่ไม่กี่คน นอกจากพ่อแล้วก็มีเธอนี่แหละ”
สุ่ยเซียนเปิดใจ ยิ่งเธออยู่สูงคนที่คุยด้วยแล้วสบายใจก็ยิ่งน้อย ถ้าเสี่ยวเชี่ยนหักหลังเธอ งั้นเธอก็ไม่เหลือใครแล้ว
“เธอจะดราม่าทำไม เธอยังมีจูขี้บ่นอีกคนนะ ตอนนี้บ้านเธอเกิดปัญหาเขาว่าไงมั่ง?”