เล่มที่ 10 บทที่ 275 ความในใจนับหมื่น มอดไหม้จนสิ้น

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

ในที่สุดซ่งฉางชิงก็ไหวคิ้วทีหนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้นเห็นก็เห็นตัวอักษรใหญ่สามตัวที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเคยอ่านและเขียนตามกี่หนแล้ว — ซีโหยวจี้

ตัวอักษรดูทรงพลัง งามสง่าดูโดดเด่น เปี่ยมล้นด้วยพลัง มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ผู้เขียนต้องเป็นคนสูงวัยที่เขียนพู่กันมาหลายสิบปีเป็นแน่ ไม่ใช่แค่เรื่องราวที่น่าติดตาม แม้แต่ลายมือที่เขียนตำราทั้งเล่ม ก็ดึงดูดซ่งฉางชิงจนหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง

ซ่งฉางชิงฝึกเขียนตามตัวอักษรเหล่านั้นอยู่นาน ยังไม่อาจฝึกให้มีความคล้ายสักหนึ่งถึงสองส่วนได้เลย

ซ่งฉางชิงแววตาลุกวาว เขาเอื้อมมือไปหยิบซีโหยวจี้ขึ้นมา เริ่มจากลูบตัวอักษรใหญ่สามตัวที่อยู่บนปก จากนั้นจึงเปิดอ่านทันที ท่าทางอดใจรอไม่ไหวของเขา กู้ซินเยว่เห็นแล้วรู้สึกยินดีเสียยิ่งกว่าอะไร

“ญาติผู้พี่ ยังมีสบู่ด้วยเจ้าค่ะ เห็นว่าเป็นสบู่ดอกจินหยิน ใช้อาบน้ำในฤดูร้อน อาบแล้วทั้งสะอาดทั้งหอม นอกจากนั้น อาบน้ำให้สะอาดในฤดูร้อน ตุ่มแดงก็จะไม่ขึ้นง่ายๆ สบู่นี่ท่านป้าเป็นคนให้ข้านำมามอบให้ท่านเจ้าค่ะ”

ใบหน้าของซ่งฉางชิงไม่เย็นชาเหมือนก่อนหน้านี้ แม้แต่น้ำเสียงก็ไม่เย็นเยียบเหมือนเมื่อครู่ “ได้”

กู้ซินเยว่เห็นซ่งฉางชิงรับของที่ตัวเองมอบให้ไว้ทั้งหมด รู้สึกดีใจจนแทบอยากกระโดดโลดเต้น นางไม่แสดงออกทางสีหน้า ยังคงทำท่าทางว่าง่ายจนน่าเอ็นดู “ญาติผู้พี่ ท่านมีงานยุ่ง ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ”

ท่าทางราวกับรู้จักทำเพื่อส่วนรวมและคิดเผื่อคนอื่น

ซ่งฉางชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่มองกู้ซินเยว่แม้แต่น้อย

ออกจากเซียนจวีโหลว กู้ซินเยว่จับแขนของจื่อเยียน ทั้งตื่นเต้นทั้งยินดี “จื่อเยียน ญาติผู้พี่รับไว้แล้ว เขารับของไว้ทั้งหมดแล้ว”

จื่อเยียนก็รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก “คุณหนู คุณชายรับของของท่านไว้แล้ว เขาต้องรู้ความในใจของท่านแน่นอนเจ้าค่ะ! ”

กู้ซินเยว่พยักหน้า ท่าทางดีอกดีใจ

ในเมื่อญาติผู้พี่ไม่เข้าหาก่อน เช่นนั้นนางก็เข้าหาก่อน

นางเขียนข้อความไว้ในซีโหยวจี้เล่มนั้นไม่น้อยเลย

นอกจากนั้น นางยังเขียนความในใจไว้ในนั้นด้วย ขอเพียงเขาพลิกอ่านถึงช่วงหลัง ก็ต้องรู้ความในใจของนางแน่

เริ่มแรกซ่งฉางชิงอ่านซีโหยวจี้อย่างหลงใหลจริง อ่านรวดเดียวสิบกว่าหน้า เมื่อเปิดพลิกหน้าอีกครั้ง บนตำรามีลายมืออื่นเขียนอยู่ด้วย เขียนเกี่ยวกับข้อคิดที่ได้จากการอ่านตำรา ตัวหนังสือเหล่านั้นปรากฏอย่างโจ่งแจ้งอยู่ในพื้นที่ว่างในตำรา

ซ่งฉางชิงมองแวบเดียวก็ดูออกว่าเป็นลายมือของกู้ซินเยว่

เขาเปิดอ่านต่อ ในนั้นยังมีพื้นที่ว่างที่ถูกเขียนไว้อีกไม่น้อย ซ่งฉางชิงอ่านสองสามจุด ยังคงเขียนข้อคิดที่ได้จากการอ่านตำรา

กู้ซินเยว่เคยร่ำเรียนและฝึกเขียนหนังสือมาก่อน ตัวหนังสือที่เขียนนั้นเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย

เพียงแต่…

กู้ซินเยว่เห็นเพียงเปลือกนอก ข้อคิดที่นางเขียนก็ตื้นเขิน อ่านซีโหยวจี้มากว่าครึ่งเล่ม เรื่องราวกล่าวถึงปีศาจ แต่มีเพียงเรื่องของปีศาจที่ไหนกัน!

ในบางครั้ง มนุษย์ ก็น่ากลัวกว่าปีศาจมากนัก

เหมือนข้อคิดที่กู้ซินเยว่เขียน ก็มีความในใจของนางด้วยไม่ใช่หรือ

นางบอกว่ามาเพื่อมอบตำรา แต่มาเพื่อมอบตำราเท่านั้นจริงหรือ?

ความสนใจของซ่งฉางชิงที่ถูกกระตุ้นโดนข้อคิดเหล่านั้นทำให้สับสนวุ่นวาย เขาโยนตำราลงไปในโอ่งใหญ่ ในนั้นมีม้วนภาพวาดอยู่ไม่น้อย ตำราถูกโยนเข้าไป ขณะปลิวไปในอากาศ มีจดหมายฉบับหนึ่งร่วงหล่นออกมาจากตำรา ร่วงลงไปในโอ่ง จมหายเข้าไปในกองภาพวาด

ไม่มีผู้ใดพบเห็น

เวลานี้เอง ซ่งฝูมารายงานสถานการณ์จากการเดินสำรวจเมื่อครู่ ซ่งฉางชิงไม่รอให้เขาเอ่ยอะไร กล่าวตำหนิเขาทันที “เมื่อครู่คุณหนูมาหา เหตุใดเจ้าถึงไม่มารายงาน? ”

ซ่งฝูได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบทันที “คุณชาย…”

“สิ่งที่ข้าเคยบอกเจ้า ไม่ต้องปฏิบัติตามตั้งแต่เมื่อไรกัน หรือว่าในสายตาเจ้าไม่มีคุณชายอย่างข้าอยู่เลย! ” ซ่งฉางชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยา แววตาเย็นเยียบ ซ่งฝูเห็นแล้วถึงกับมือสั่น

เขาไม่กล้าแก้ต่าง ได้แต่ปล่อยให้คุณชายว่ากล่าวเขา

“หากต่อไปเจ้ายังปล่อยให้ผู้อื่นเข้าออกห้องของข้าตามอำเภอใจ ต่อไปเจ้าก็ไม่ต้องติดตามอยู่ข้างกายข้าแล้ว” ซ่งฉางชิงเป็นคนให้ความสำคัญกับกฎระเบียบเป็นอย่างยิ่ง คนที่ฝ่าฝืนกฎ เขาย่อมไม่ปล่อยให้อยู่ข้างกาย

ถึงแม้เขากับซ่งฝูจะเติบโตมาด้วยกัน ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่นอกจากจะเป็นนายบ่าวแล้ว ยังมีความสัมพันธ์ฉันพี่น้องและมิตรสหายอยู่ด้วย

เพียงแต่ ถึงแม้ความสัมพันธ์จะดี ก็ไม่อาจกระทำขัดกับหลักการของเขา ฝ่าฝืนกฎที่เขากำหนดไว้

ซ่งฝูรู้ว่าคุณชายโมโหแล้วจริงๆ จึงรีบกล่าวตอบ “คุณชาย ต่อไปข้าน้อยจะไม่ทำผิดอีกขอรับ”

ซ่งฉางชิงนวดคลึงหว่างคิ้ว โบกมือพร้อมกล่าว “ช่างเถอะ เจ้าไปได้”

เรื่องนี้จะโทษซ่งฝูก็ไม่ได้ เพียงแต่ เขาถูกกระตุ้นให้เกิดความอยากในการอ่านตำราแล้ว ได้อ่านเนื้อเรื่องช่วงแรก ไม่ได้อ่านช่วงหลัง ภายในใจซ่งฉางชิงรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง

“เจ้าไปร้านขายหนังสือซื้อซีโหยวจี้เล่มสองมาให้ข้าเล่มหนึ่ง” ซ่งฉางชิงกล่าว

ซ่งฝูรีบขานตอบ หันขวับกำลังจะเดินไป

ซ่งฉางชิงกลับเรียกเขาไว้ “ช้าก่อน อย่าเพิ่งไป”

จากนั้นจึงชี้ไปยังโอ่งใหญ่ที่อยู่ข้างๆ กล่าวกับซ่งฝู “เจ้าหยิบซีโหยวจี้ในโอ่งออกมา ฉีกที่ว่างในตำราที่ถูกคนอื่นเขียนไว้ออกให้หมด”

เขารู้สึกอดใจรอไม่ไหวแล้ว เพียงแต่ เขาไม่อยากเห็นสิ่งที่คนอื่นเขียนในตำรา สิ่งนั้นจะรบกวนเขาจนหมดความสนใจ

ซ่งฝูรีบไปหาตำราในโอ่งใหญ่ เมื่อหาตำราออกมาแล้ว จึงรีบเดินไปอีกด้านหนึ่ง พลิกดูทีละหน้า ฉีกออกทีละหน้า

ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเห็นตำราเล่มนี้ ดูท่าตำรานี่คุณหนูเพิ่งส่งมาเมื่อครู่

ตำแหน่งพื้นที่ว่างในตำรามีตัวหนังสือสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบ ดูท่าคุณหนูเป็นคนเขียน

ใครกันจะมอบตำราที่ตัวเองเคยอ่านทั้งยังเคยเขียนแล้วมาให้คนอื่น คุณหนูก็เหลือเกิน เหตุใดถึงไม่รู้ว่าญาติผู้พี่ของนางผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องการทะนุถนอมตำรา

ขอเพียงเป็นตำราที่คุณชายโปรดปราน ไม่ว่าราคาเท่าไรก็จะซื้อ นอกจากนั้น ตำราที่เคยเปิดอ่าน จะไม่มีรอยเปื้อนและการขีดเขียนแม้แต่น้อย แม้แต่รอยพับเปิด ก็เป็นเพียงรอยจางๆ เท่านั้น

ซ่งฉางชิงเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง ใช้วิธีนี้เพื่อคลายความร้อนรนในจิตใจ เหลือบไปเห็นของสองก้อนที่วางอยู่บนโต๊ะ

ก่อนหน้านี้บนโต๊ะไม่มีของสิ่งนี้

“นี่มาจากไหน? ”

ซ่งฝูหันกลับมามองแวบหนึ่ง “ไม่ทราบขอรับ น่าจะเป็นของที่คุณหนูส่งมาให้”

ซ่งฉางชิงเหลือบมองซ่งฝูแวบหนึ่ง ยกนิ้วขึ้นสองนิ้ว หยิบของโยนลงไปในถังใส่กระดาษที่จะทิ้งทันที

อีกด้านหนึ่ง ซ่งฝูตรวจสอบโดยละเอียดหนหนึ่ง ในตำราไม่มีตัวหนังสือของคุณหนูแล้ว จึงยื่นส่งให้ซ่งฉางชิง

ซ่งฉางชิงโบกมือ “ไปได้แล้ว”

ซ่งฝูรู้สึกราวกับได้รับการปลดปล่อย หันขวับรีบเดินไปทันที

ซ่งฉางชิงยกตำราขึ้น อ่านอย่างเพลิดเพลิน ความเข้มงวดและเย็นชาก่อนหน้านี้กำลังผ่อนคลายลงทีละเล็กทีละน้อย

ซ่งฝูรีบสาวเท้าก้าวเดินออกจากห้องไป พอออกประตูก็เช็ดเหงื่อที่ซึมชื้นบนหน้าผากทีหนึ่ง

ไม่เห็นคุณชายโมโหมานานแล้ว ครั้งนี้โมโหไม่เบาเลย! ในมือของเขายังกำตัวหนังสือที่ฉีกออกจากตำราเมื่อครู่ ตัวหนังสือเหล่านี้คุณหนูเป็นคนเขียน จะให้คุณชายเห็นอีกไม่ได้เป็นอันขาด

เขาเดินเข้าไปในห้องครัว โยนเศษกระดาษทั้งหมดเข้าไปในเตาไฟ เผาทิ้งทั้งหมด

ความในใจนับหมื่นของคุณหนู ถูกเผามอดไหม้จนสิ้น กลายเป็นควันลอยไป

อีกประมาณครึ่งชั่วยามก็ต้องเปิดร้านแล้ว ซ่งฝูภาวนาอย่าให้เกิดเรื่องอะไรอีกเลย ทางนี้เพิ่งภาวนากับพระโพธิสัตว์เสร็จ หน้าประตูก็มีคนคุ้นเคยมาอีกสองคน