เล่มที่ 10 บทที่ 274 หอคอยใกล้น้ำ ได้ยลโฉมจันทราก่อน

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

หลังจากฮวาเหนียงใช้สบู่ดอกจินหยินสองวัน ยิ่งใช้ยิ่งรู้สึกพึงพอใจ ประจวบเหมาะกับที่ยังขายสบู่ไม่ออกแม้แต่ก้อนเดียว ฮวาเหนียงห่อสบู่หกก้อน ให้ลูกจ้างที่กำลังจะไปส่งสินค้าในเมืองหลวงนำไปเมืองหลวงด้วย

มองส่งจนรถม้าหายลับไป ฮวาเหนียงหันตัวเตรียมจะกลับเข้าไปในร้าน

เวลานี้เอง รถม้าประณีตงดงามคันหนึ่งหยุดจอดอยู่หน้าประตูฮวาหม่านยี ฮวาเหนียงที่ยืนอยู่หน้าประตูมองเพียงแวบเดียว ก็รีบเดินเข้าไปหาด้วยความเคารพนอบน้อม พร้อมกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง “ฮูหยินเฒ่ากู้…”

นั่นคือรถม้าของเรือนตระกูลซ่ง

จื่อเยียนกระโดดลงจากรถม้า เปิดม่านขึ้น “ฮูหยินเฒ่า คุณหนู ถึงฮวาหม่านยีแล้วเจ้าค่ะ”

คนแรกที่ออกมาคือฮูหยินเฒ่ากู้ คนที่ตามออกมาคือกู้ซินเยว่ พยุงฮูหยินเฒ่ากู้ไว้

ฮวาเหนียงยิ้มอย่างหน้าชื่นตาบาน “ฮูหยินเฒ่ากู้ คุณหนูกู้ พวกท่านมาแล้วหรือ…”

ฮูหยินเฒ่ากู้แย้มรอยยิ้ม “มาตัดชุดฤดูร้อนสักสองชุดให้หลานสาวของข้า และตัดชุดให้บุตรชายข้าอีกสองตัว เสร็จแล้วท่านส่งไปให้เขา”

ฮวาเหนียงพาพวกนางเข้าไปอย่างเป็นกันเอง “ได้ จะตัดชุดที่ดูดีที่สุดให้คุณหนูกู้และท่านซ่งสองตัว”

เข้าไปในร้าน กู้ซินเยว่เลือกผ้าสองพับ ฮูหยินเฒ่ากู้ที่อยู่ข้างๆ กล่าวกับนาง “ซินเยว่ เจ้ามีสายตาเฉียบแหลม เจ้าเลือกให้ญาติผู้พี่ของเจ้าสองสี สวมใส่เสื้อสีเดียวกันทุกวัน เห็นแล้วรู้สึกไม่สบายตาเอาเสียเลย”

ซ่งฉางชิงชอบสีฟ้าคราม นอกจากเสื้อด้านในที่เป็นสีขาว เสื้อตัวนอกของเขา ส่วนใหญ่ล้วนเป็นสีฟ้าคราม

กู้ซินเยว่ขานตอบทีหนึ่ง เลือกผ้าสีน้ำเงินหนึ่งพับและสีม่วงหนึ่งพับ “สองสีนี้ดูสีสันสดใส ญาติผู้พี่สวมใส่สีฟ้าครามดูเป็นผู้ใหญ่เกินไป ใส่เสื้อสีสันสดใสบ้างจะดีกว่า”

ฮูหยินเฒ่ากู้พยักหน้า “ใช่ ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่มีสีสันสดใสบ้าง เช่นนั้นก็เลือกสองสีนี้”

ฮวาเหนียงมองดูผ้าสองพับที่สีสันสดใสเป็นอย่างยิ่ง ในห้วงความคิดก็นึกถึงใบหน้าของซ่งฉางชิงที่เคร่งขรึมไม่ยิ้มแย้ม เกิดความลังเลเล็กน้อย

ซ่งฉางชิงจะชอบสีเช่นนี้หรือ?

แต่ฮูหยินเฒ่ากู้ก็บอกว่าจะเอาแล้ว ฮวาเหนียงปฏิเสธไม่ได้ “ได้ เช่นนั้นก็เลือกสองสีนี้”

กู้ซินเยว่ดีอกดีใจ ระหว่างที่พูดคุยกับฮูหยินเฒ่ากู้ เห็นของบนโต๊ะคิดเงินพอดี จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ของในตะกร้านั่นคืออะไรหรือ? ลองเอามาดู”

ฮวาเหนียงหันมองไปเห็นสบู่ จึงรีบกล่าว “อ่อ นั่นคือสบู่ดอกจินหยิน ใช้อาบน้ำในฤดูร้อนแล้วผิวเรียบเนียน ทั้งยังสะอาดสดชื่น ที่สำคัญคือหากใช้ในฤดูร้อน ต่อให้อากาศร้อนเพียงใดตุ่มแดงก็จะไม่ขึ้นง่ายๆ”

กู้ซินเยว่รู้สึกยินดียิ่ง “มีสรรพคุณอย่างที่ท่านกล่าวมาจริงหรือ? ”

“แน่นอน ข้าใช้มาสองวันแล้ว ใช้ดีมากทีเดียว” ใช้ดีมากจริงๆ ไม่อย่างนั้นนางคงไม่ห่อถึงหกก้อนแล้วส่งไปยังเมืองหลวง

กู้ซินเยว่หันมองฮูหยินเฒ่ากู้ “ท่านป้า นี่ก็ฤดูร้อนแล้ว ญาติผู้พี่ต้องใส่ชุดตรงเป็นประจำ อยู่ในภัตตาคารทั้งวัน ฮวาเหนียงบอกว่าสบู่นี่ดีถึงเพียงนี้ มิสู้ส่งไปให้ญาติผู้พี่สักสองก้อน ให้ญาติผู้พี่ใช้ดีหรือไม่เจ้าคะ? ”

ฮูหยินเฒ่ากู้ย่อมต้องเห็นด้วย “ดีมาก เจ้าส่งไปให้ญาติผู้พี่ของเจ้าสองก้อนแล้วกัน”

กู้ซินเยว่ยิ้มอย่างเบิกบานใจ “เช่นนั้นท่านป้า ข้าจะนำไปมอบให้ญาติผู้พี่ประเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ”

“ไปเถอะ ไปเถอะ ให้คนรถส่งข้ากลับไปก่อน ประเดี๋ยวจะให้เขาไปรับเจ้าที่เซียนจวีโหลว” ฮูหยินเฒ่ากู้ย่อมยินดีจะให้หลานสาวได้มีเวลาอยู่กับบุตรชายตนเองให้มาก จะปล่อยโอกาสดีเช่นนี้ไปได้อย่างไร

กู้ซินเยว่ขานตอบอย่างดีอกดีใจ ให้ฮวาเหนียงห่อสบู่สองก้อน ก่อนพาจื่อเยียนไปด้วย

ฮวาเหนียงเห็นท่าทางของกู้ซินเยว่ที่ดีใจจนออกนอกหน้าเช่นนั้น จะดูไม่ออกได้อย่างไร

ซ่งฉางชิงผู้นั้นมีทั้งความรู้ความสามารถ รูปลักษณ์หน้าตาดี ทั้งยังมีทรัพย์สินเงินทอง ทั่วทั้งเมืองโยวหลัน ใครบ้างไม่อยากได้บุรุษที่มีทั้งความสามารถ รูปลักษณ์หน้าตา และทรัพย์สินเงินทองมาครองเล่า

ญาติผู้น้องที่อยู่ข้างกายเขา อาศัยศักดิ์ญาติผู้น้อง ทั้งยังอาศัยอยู่ในเรือนตระกูลซ่ง ดูท่า หอคอยที่อยู่ใกล้น้ำ คงได้ยลโฉมจันทราก่อนแล้ว

กู้ซินเยว่ถือสบู่ แทบจะพาจื่อเยียนวิ่งไปยังเซียนจวีโหลว

เมื่อเห็นว่าเซียนจวีโหลวอยู่ใกล้แค่คืบ กู้ซินเยว่ผ่อนฝีเท้าช้าลง ไปหาญาติผู้พี่ของตนเองด้วยท่าทางงามสง่าที่สุด

ยามนี้ยังไม่ถึงเวลาเปิดร้าน เซียนจวีโหลวเงียบสงบมาก การมาเยือนอย่างกะทันหันของกู้ซินเยว่ ทำให้ซ่งฝูรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “คุณหนู ท่านมาได้อย่างไรขอรับ? ”

กู้ซินเยว่ฝืนสะกดความตื่นเต้นในใจไว้ “ญาติผู้พี่อยู่หรือไม่? ”

“อยู่ขอรับ คุณชายอ่านตำราอยู่ชั้นบน” ซ่งฝูกล่าว

กู้ซินเยว่แย้มรอยยิ้มบาง นำของไปหาซ่งฉางชิงด้วยตัวเอง

ซ่งฝูจะตามขึ้นไปรายงาน กลับถูกจื่อเยียนขวางไว้ “เจ้าจะไปทำไม? ”

“คุณหนูคิดจะ…”

“คุณหนูของข้ามีธุระจะคุยกับคุณชายของเจ้า ปล่อยให้พวกเขาคุยกันตามลำพังครู่หนึ่งเถอะ! ” จื่อเยียนยิ้มพร้อมกล่าว

ซ่งฝูพยักหน้า “เช่นนั้นเจ้านั่งก่อน ข้ายังต้องไปทำอย่างอื่นอีก” อย่างไรเสียคุณหนูก็เป็นญาติผู้น้อง เขาไม่ไปรายงาน คุณชายก็น่าจะไม่ตำหนิเขา

“ไปเถอะ ไปเถอะ มีข้าอยู่ที่นี่ หากคุณชายกับคุณหนูมีเรื่องอะไร เรียกใช้ข้าก็พอแล้ว” จื่อเยียนกล่าว

ซ่งฝูเงยหน้ามองชั้นบนทีหนึ่ง ก่อนหันมองจื่อเยียน จากนั้นจึงไปทำงานต่อ

กู้ซินเยว่ขึ้นชั้นบน มาถึงหน้าประตูห้องของซ่งฉางชิงอย่างมีความสุข ยกมือขึ้นเคาะประตูเบาๆ

ซ่งฉางชิงกำลังเพ่งสมาธิอ่านตำราในมือ ไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูจากด้านนอกเลยแม้แต่น้อย กู้ซินเยว่เคาะอีกสามครั้ง ยังคงไม่ได้ยินเสียงจากด้านใน ดังนั้นนางจึงผลักเปิดประตูเข้าไปเอง

เสียงประตูดัง “แกร๊ก” ซ่งฉางชิงตอบสนองทันที เงยหน้าหันมองไปทางประตู

แววตาของเขาเย็นเยียบถึงขีดสุด กู้ซินเยว่เห็นแล้วหัวใจแทบหยุดเต้น ความรู้สึกยินดีเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นน้อยเนื้อต่ำใจ หยาดน้ำตาพลันเอ่อล้นในเบ้าตา “ญาติ… ญาติผู้พี่! ”

ระหว่างที่ซ่งฉางชิงอ่านตำรา จะไม่ชอบถูกรบกวนเป็นที่สุด เวลานี้เขาไม่มองกู้ซินเยว่ที่มีท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจดูน่าสงสารแม้แต่น้อย ก้มหน้าตั้งใจอ่านตำราในมือต่อทันที

“ญาติผู้พี่…” กู้ซินเยว่เอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอีกครั้ง หยาดน้ำตาเม็ดโตร่วงหล่นราวกับสร้อยไข่มุกที่สายร้อยขาด ใบหน้างดงามดูน่าสงสารจับใจ

ซ่งฉางชิงรู้ว่าตัวเองอ่านต่อไม่ได้แล้ว ได้แต่วางตำราที่เขาอยากอ่านให้จบในคราเดียวลง นวดคลึงหว่างคิ้ว เอ่ยถามอย่างเย็นชา “มีธุระอะไรหรือไม่? ”

กู้ซินเยว่เห็นว่าในที่สุดซ่งฉางชิงก็ยอมสนใจนางแล้ว จึงไม่มีแก่ใจจะเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้า ยื่นส่งของที่ตัวเองนำมาด้วยไปยังตรงหน้าซ่งฉางชิงด้วยความดีอกดีใจ “ญาติผู้พี่ นี่คือของที่ข้าหามาให้ท่านโดยเฉพาะ ท่านลองดูเจ้าค่ะ”

แววตาของซ่งฉางชิงดูเรียบสงบ ไม่มีกระแสอารมณ์แม้แต่น้อย

ตั้งแต่กู้ซินเยว่รู้ว่าซ่งฉางชิงมีอุปนิสัยเย็นชา หลังจากรู้สึกสับสน ขุ่นเคือง และเศร้าเสียใจ ตอนนี้ก็ปล่อยวางแล้ว

ต่อให้ซ่งฉางชิงจะเย็นชาและไร้อารมณ์เพียงใด นางก็เป็นสตรีเพียงคนเดียวที่สามารถเข้าใกล้เขาได้ นางไม่เชื่อว่า ด้วยความพยายามของนาง จะละลายอิฐน้ำแข็งก้อนใหญ่นี้ไม่ได้

“ญาติผู้พี่ ข้าซื้อซีโหยวจี้มาให้ท่านแล้วเจ้าค่ะ” กู้ซินเยว่วางของลงบนโต๊ะราวกับมอบสมบัติล้ำค่าอย่างไรอย่างนั้น