ตอนที่ 263

เสน่ห์คมดาบ

“ฮ่าๆ มาแล้ว ข้าได้กลิ่นของออสตินมาแต่ไกลเลย” เทพเจ้ามังกรหัวเราะไปทางประตูแล้วพูด 

 

 

“ไอ้เฒ่าบาร์เทล ข้าจะแก้แค้นเจ้า”เสียงตะคอกดังมาจากด้านนอกแม้จะเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวทว่ายังคงเป็นเสียงที่น่าฟัง 

 

 

“มาสิ ข้าจะขอรับด้วยความยินดีเลย เจ้าคนงี่เง่าที่พนันสิบครั้งก็แพ้ไปเก้าครั้ง” เทพเจ้ามังกรลุกขึ้นจากโซฟาแล้วถกแขนเสื้อขึ้นยืนมองประตูรอให้ผู้พูดปรากฏตัว 

 

 

อ๋อ ชื่อของเทพเจ้ามังกรก็คือบาร์เทลนี่เองและนอกจากเทพเจ้าเอลฟ์จะชอบการพนันแล้ว เขายังพนันแพ้ถึงเก้าในสิบครั้งด้วยหรือ?! 

 

 

นี่เป็นเรื่องซุบซิบที่ใหญ่มากในโลกเทพเจ้าเลยทีเดียว 

 

 

ไม่รู้ว่าเผ่าเอลฟ์ในโลกมนุษย์รู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้วเทพเจ้าเอลฟ์ที่บริสุทธิ์สูงส่งในใจของพวกเขาเป็นเช่นนี้พวกเขาทั้งหมดจะโกรธจนกระอักเลือดหรือไม่นะ 

 

 

ในที่สุดเทพเจ้าเอลฟ์ก็ปรากฏตัวที่ประตู ชีอ้าวชวางมองไปที่ประตูแล้วก็ต้องตกตะลึงกับการปรากฏตัวของบุคคลเบื้องหน้าเขาเป็นคนที่รูปงามมาก! ผมสีเขียวนุ่มสลวยเปล่งประกายเย้ายวนปล่อยไว้อย่างเป็นธรรมชาติ ใบหน้าอ่อนโยนไร้ที่ติดวงตาสีเขียวสดใสและลมหายใจที่สง่างามในทุกท่วงท่า รอยยิ้มของเขาทำให้ลุ่มหลงได้เลย ท่าทางของเขาก็แพรวพราวมาก รูปร่างสูงเพรียวรอยตราประหลาดบนหว่างคิ้วที่ดูงดงามยิ่งทำให้เขาดูลึกลับงดงามมากขึ้นอีก 

 

 

แต่กิริยาท่าทางและการพูดการจาของเขาดูไม่สอดคล้องกับรูปลักษณ์ที่สง่างามของเขาอย่างสิ้นเชิง 

 

 

“ไอ้เฒ่าบาร์เทล ครั้งที่แล้วเจ้าชนะได้หินผลึกเขียวของข้าไป ครั้งนี้ข้าจะชนะเจ้าบ้าง” เทพเจ้าเอลฟ์ผู้งดงามพับแขนเสื้อขึ้นพร้อมตะคอกและวิ่งเข้าหา 

 

 

“คิดว่าข้ากลัวหรือ ก็เข้ามาสิ!”บาร์เทลก้าวขึ้นไปบนโต๊ะและจ้องออสตินอย่างดุร้าย 

 

 

ตอนนี้สายตาของชีอ้าวชวางยังไม่ได้เคลื่อนไปจากที่หน้าประตูเลยหลิงยวิ๋น หลิงยวิ๋นอยู่ที่ไหนล่ะ? เทพเจ้ามังกรบอกว่าหลิงยวิ๋นจะมาพร้อมกับเทพเจ้าเอลฟ์ไม่ใช่หรือ 

 

 

เส้นผมสีเงินปลิวมาเบาๆ พร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคยของเหลิ่งหลิงยวิ๋นปรากฏขึ้นที่ประตู 

 

 

“หลิงยวิ๋น!” ชีอ้าวชวางเรียกพร้อมรอยยิ้ม 

 

 

“อ้าวชวาง” ใบหน้าเย็นชาของเหลิ่งหลิงยวิ๋นมีรอยยิ้มเกิดขึ้นหลังจากที่ได้เห็นชีอ้าวชวาง ชายชุดสีเทาที่อยู่ข้างๆ เหลิ่งหลิงยวิ๋นยังคงสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่และหมวกปิดบังใบหน้าเขายังคงปกปิดใบหน้าที่แท้จริงเอาไว้อย่างลึกลับ 

 

 

“ทำไมเจ้าถึงอยู่กับเทพเจ้าเอลฟ์ได้ล่ะ” ชีอ้าวชวางยิ้มพร้อมกับเข้าไปทักทาย 

 

 

“หลังจากที่ข้าผ่านเข้ามา ข้าก็ไปตกอยู่ในดินแดนของเทพเจ้าเอลฟ์ต่อจากนั้นพอพวกเจ้าเงียบไปไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เทพเจ้าเอลฟ์ก็เลยส่งคนไปสืบดู พอได้รู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ข้าก็เตรียมที่จะมาหาเจ้า เทพเจ้าเอลฟ์และเทพเจ้ามังกรก็มีนัดหมายว่าจะมาพบเทพเจ้าแห่งความมืดด้วย” เหลิ่งหลิงยวิ๋นอธิบาย 

 

 

ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วเล็กน้อย หากเป็นเช่นนี้ก็แสดงว่าเทพเจ้าเอลฟ์และเทพเจ้ามังกรก็คงจะสืบรู้เรื่องที่เทพเจ้าแห่งความมืดร่วมมือกับมาริลินแล้ว มิเช่นนั้นจะมาหาเทพเจ้าแห่งความมืดถึงที่นี่ทำไมล่ะ หรือว่าเทพเจ้าแห่งความมืดจะบอกกับพวกเขา 

 

 

ดูจากนิสัยร้ายกาจและไร้ยางอายของเทพเจ้าแห่งความมืดแล้ว เขาจะต้องยั้งมือแน่นอน ดูจากสิ่งนี้แล้วคงเป็นเทพเจ้าแห่งความมืดจงใจที่จะเปิดเผยให้เทพเจ้าเอลฟ์กับเทพเจ้ามังกรรู้สิ? ช่างเถอะ ขอแค่เขาเข้าใจและจัดการได้อย่างดีก็พอแล้ว 

 

 

“ไป๋ตี้กับเฮยหยู่ไม่ได้อยู่กับพวกเจ้าหรือ” ชีอ้าวชวางถาม 

 

 

“อืม ข้าไม่เจอพวกเขาเลย อีกทั้งยังไม่ได้ข่าวเกี่ยวกับพวกเขาเลยด้วย” เหลิ่งหลิงยวิ๋นมองไปรอบๆ พอเห็นคามิลล์และคนอื่นๆ ก็ไม่มีท่าทีแปลกใจอะไร 

 

 

เทพเจ้าเอลฟ์และเทพเจ้ามังกรก้าวขึ้นไปบนโต๊ะอย่างพร้อมจะท้าทายกันเต็มที่ 

 

 

แต่พอชีอ้าวชวางเห็นวิธีการพนันของพวกเขาสองคนก็ต้องอึ้งไปเลย! 

 

 

มันคือการเป่ายิ้งฉุบ! 

 

 

เป็นการพนันที่ไร้ฝีมือและเทคนิคมากๆ! 

 

 

ช่างทำให้คนที่เห็นรู้สึกเอือมระอาจริงๆ! 

 

 

จากนั้นเทพเจ้าเอลฟ์ก็ร้องออกมาเพราะว่าเขาออกกระดาษแต่เทพเจ้ามังกรออกกรรไกร… 

 

 

เทพเจ้าเอลฟ์ผู้น่าสงสาร 

 

 

“เทพเจ้ามังกรเทพเจ้าเอลฟ์ ข้ามีวิธีพนันที่สนุกยิ่งกว่านี้อีก อยากลองดูหรือไม่”ชีอ้าวชวางเหลือบมองและยิ้มร้าย เทพเจ้ามังกรและเทพเจ้าเอลฟ์อาจจะเป็นกุญแจสำคัญในการปรับสมดุลพลังของโลกเทพเจ้า ต้องทำดีกับพวกเขาเข้าไว้ชีอ้าวชวางมีลางสังหรณ์ว่าในอนาคตจะต้องมีหลายเรื่องที่ต้องให้พวกเขาช่วย 

 

 

“วิธีอะไร”ทั้งเทพเจ้าเอลฟ์และเทพเจ้ามังกรหันไปมองชีอ้าวชวางอย่างอยากรู้อยากเห็น 

 

 

ชีอ้าวชวางยิ้มและไม่พูดอะไรออกมา 

 

 

แต่ไม่นานนัก ในห้องโถงเล็กตรงสวนด้านหลังของศาลแห่งแสงที่มีการวางเขตกั้นไว้เป็นการตัดขาดจากโลกภายนอกก็เกิดเสียงดังขึ้น! 

 

 

มาริลินมองเหล่าคนตรงหน้าที่กำลังสู้อย่างดุเดือดหน้าดำหน้าแดงอยู่ในนั้น ส่วนสิ่งของเล็กๆนั่นชื่อว่าไพ่นกกระจอกหรือ มันมีเสน่ห์ดึงดูดมากขนาดนั้นเลยหรือถึงขนาดทำให้เทพเจ้าแห่งความมืดเทพเจ้ามังกรและเทพเจ้าเอลฟ์ลุ่มหลงได้ถึงเพียงนั้นจะมีก็แต่คามิลล์เท่านั้นที่เล่นไพ่ด้วยท่าทางสง่างาม 

 

 

เทพเจ้าเหล่านี้หัวไวมาก ชีอ้าวชวางสอนพวกเขาไม่นาน ตอนนี้ก็เล่นกันอย่างดุเดือดจนหยุดไม่ได้แล้ว 

 

 

“ผู้อาวุโสจะต้องมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่แน่นอน เจ้าลองไปคิดดูเถอะว่าจะจัดการอย่างไรดี”ชีอ้าวชวางพูด 

 

 

สีหน้าของมาริลินเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นนางก็บอกลาชีอ้าวชวางและรีบไปห้องหนังสือทันที 

 

 

ชีอ้าวชวางยืนพิงเสามองร่างของมาริลินที่กำลังเดินไป แต่แววตากลับมีความลุ่มลึกอยู่ในนั้น 

 

 

“อ้าวชวางมีอะไรหรือ”เหลิ่งหลิงยวิ๋นยืนอยู่ข้างๆ ชีอ้าวชวางจึงสังเกตเห็นสายตาที่เปลี่ยนไปของนาง 

 

 

“หลิงยวิ๋น เจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าช่วงนี้มาริลินได้รับดอกไม้และการชื่นชมมากเกินไป หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เจ้าคิดว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อ”ชีอ้าวชวางถามพร้อมกับยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยอย่างเยาะเย้ย 

 

 

“เมื่อความทะเยอทะยานของคนคนหนึ่งได้รับการเติมเต็มและขยายออกไปมากยิ่งขึ้น ความปรารถนาของคนคนนั้นก็จะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ…” เหลิ่งหลิงยวิ๋นเหลือบตามองทิศทางที่ร่างของมาริลินเดินไปแล้วพูดอย่างเย็นชา 

 

 

ชีอ้าวชวางยิ้มอยู่เงียบๆ 

 

 

มาริลิน สายตาของเจ้ามันร้อนขึ้นเรื่อยๆ แล้วเจ้าไม่รู้จักซ่อนมันไว้เลยหรือ? 

 

 

ภายในห้องหนังสือที่กว้างใหญ่และสว่างไสวของศาลแห่งแสง มาริลินกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสารพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้างดงามของนาง 

 

 

เพียงแค่หนึ่งเดือน เวลาหนึ่งเดือนก็มีนักรบทูตสวรรค์สองปีกและสี่ปีกจำนวนมากขนาดนี้แล้ว ไม่นานก็จะมีนักรบทูตสวรรค์หกปีกเกิดขึ้น 

 

 

ยอดเยี่ยมยิ่งนัก คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีผลลัพธ์เช่นนี้ได้ 

 

 

ทุกคนคุกเข่าให้นาง สายตาของพวกเขาที่มองนางเต็มไปด้วยความเคารพอย่างมาก ดอกไม้เสียงปรบมือ คำสรรเสริญไม่เคยมีมากมายขนาดนี้มาก่อนเลย! เรื่องทุกอย่างล้วนยึดจากการตัดสินใจของนางเองโดยไม่จำเป็นต้องผ่านใคร ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าใคร 

 

 

นี่คืออำนาจงั้นหรือ 

 

 

ความรู้สึกของอำนาจมันดีอย่างนี้นี่เอง! 

 

 

มาริลินเหยียดนิ้วเรียวสวยของนางออกและจับที่เอกสารบนโต๊ะทำงานอย่างสบายๆ 

 

 

ฮ่าๆ อำนาจ ที่แท้รสชาติของอำนาจก็เป็นเช่นนี้นี่เอง! 

 

 

อยู่ที่นี่ทุกคนจะมองนางด้วยความเทิดทูนนักรบทูตสวรรค์ก็มองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคารพรัก 

 

 

ความรู้สึกนี้มันสุดยอดมาก! 

 

 

แต่ดูเหมือนว่าจะไม่พอ มันยังไม่เพียงพอ! นางอยากได้ความรู้สึกเช่นนี้มากขึ้นอีก! 

 

 

แคลร์ชีอ้าวชวางเหอะๆ หญิงมนุษย์ผู้นี้มีฝีมือมากจริงๆ หากในตอนแรกไม่ยอมรับข้อเสนอของหญิงผู้นี้ นางก็คงจะไม่ได้มีทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้แต่หญิงผู้นี้ก็เป็นเพียงแค่มนุษย์เท่านั้นจะให้มีอำนาจเหนือกว่านางไม่ได้เด็ดขาด 

 

 

ส่วนเทพเจ้าแห่งความมืด! คนหน้าด้านผู้นี้เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับเทพเจ้ามังกรและเทพเจ้าเอลฟ์ เขานี่แหละที่เป็นของแข็งอย่างแท้จริงไม่ง่ายเลยที่จะจัดการเขา ทว่า แม้จะเป็นก้อนหินที่แข็งเพียงใดก็จะต้องทำให้เขามาเป็นก้อนหินให้นางเหยียบย่ำเพื่อก้าวขึ้นไปให้ได้! รอให้นางได้ขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงที่สุดก่อนแล้วค่อยเตะหินที่ไร้ประโยชน์ทิ้งไปซะ! 

 

 

ผู้อาวุโสจะต้องมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในไม่ช้านี้แน่ๆ แต่ในเมื่อมีเผ่าปีศาจอยู่ที่นี่ด้วยยังจะต้องกลัวอะไรอีกล่ะความแข็งแกร่งของเผ่าปีศาจนั้นน่ากลัวจริงๆ อาวุธแบบนี้เอามาใช้กำจัดพวกผู้อาวุโสได้พอดีเลย แต่ถ้าไม่ได้จริงๆก็ไปขอร้องมนุษย์ผู้นั้นก็ได้! ใช้ประโยชน์ให้เป็นก็พอแล้ว 

 

 

มนุษย์ผู้นั้นนางอยากจะยุติสงครามศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่หรือความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ผู้นั้นกับเทพเจ้ามังกรและเทพเจ้าเอลฟ์ในตอนนี้ก็ดีมาก หากไปขอให้นางช่วยพูดกับเทพเจ้ามังกรให้จัดการให้ก็เป็นเรื่องง่ายๆเลยไม่ใช่หรือ 

 

 

สงครามศักดิ์สิทธิ์…สงครามศักดิ์สิทธิ์ที่จะเกิดขึ้นในทุกหนึ่งพันปี ก่อนหน้านี้ตัวนางเองไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงต้องทำสงครามที่เต็มไปด้วยการเข่นฆ่าที่ไร้ความหมายเช่นนี้แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเข้าใจแล้ว 

 

 

สงคราม การขยายอำนาจ! วิธีนี้เท่านั้นที่จะตอบสนองความต้องการได้อย่างสะดวกสบาย! 

 

 

ฮ่าๆ ขยายออกไปและปกครองสามโลกไปเลย! 

 

 

แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว ไม่แปลกใจที่พวกคนเก่าแก่ของศาสนจักรเพรสไบทีเรียนจะไม่ละความพยายามในการทำสงครามเช่นนี้ในทุกๆ พันปี 

 

 

รอให้ถึงตอนที่ศาสนจักรเพรสไบทีเรียนถูกโค่นล้มแล้วมนุษย์ผู้นั้นกลับไป จากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะอยู่ในมือของนางเองไม่ใช่หรือ 

 

 

สงครามศักดิ์สิทธิ์ช่างน่าตื่นเต้นจริงๆ 

 

 

สีหน้าของมาริลินดูดุร้ายขึ้นเรื่อยๆ แววตาของนางก็ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เอกสารในมือของนางก็แทบจะยับยู่ยี่ไปแล้ว 

 

 

“มาริลิน…” เสียงทุ้มต่ำที่เต็มไปด้วยความกังวลพูดออกมาเบาๆ 

 

 

“หืม?” มาริลินราวกับตื่นจากฝันแล้วขมวดคิ้วมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ 

 

 

ชาร์ลอตต์มองมาริลินด้วยความกังวลและสงสัย ความรู้สึกลึกล้ำบางอย่างปรากฏในแววตาของชาร์ลอตต์ 

 

 

“ชาร์ลอตต์! ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกชื่อข้าและอย่ามาขัดจังหวะเวลาที่ข้ากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่!” มาริลินตะคอกอย่างไม่พอใจ 

 

 

“อืม แต่ที่นี่ไม่มีคนอื่น อีกอย่างข้ามองแล้วไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไร ท่าทางดูผิดปกติด้วย ข้าก็เลย…” ชาร์ลอตต์กระซิบเบาๆ 

 

 

มาริลินวางเอกสารในมือของนางแล้วขมวดคิ้วพร้อมกับพูดอย่างเย็นชา “ช่วงนี้พวกศาสนจักรมีการเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่เจ้าเป็นหัวหน้าผู้คุ้มกันของข้า เจ้าควรจะใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้สิ ไม่ใช่มาสนใจสิ่งที่ข้าคิด” 

 

 

“อืม ช่วงนี้ศาสนจักรเพรสไบทีเรียนดูเหมือนจะรวบรวมกำลังพลอยู่”ชาร์ลอตต์ยืนอยู่ข้างๆ ก้มหน้าลงด้วยแววตาซับซ้อน 

 

 

“เช่นนั้นเจ้าจะยืนอยู่ที่นี่เพื่ออะไรไปตรวจสอบให้แน่ชัดและเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้สิ!” มาริลินตะคอกใส่ชาร์ลอตต์อย่างโกรธเกรี้ยว “ข้าจะไปที่ห้องโถงใหญ่” พอมาริลินพูดถึงห้องโถงใหญ่ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา เทพเจ้าแห่งความมืดนั่น ทำให้นางต้องสูญเสียผู้ศรัทธาไปตั้งมาก ต่อไปนางจะต้องใช้เวลาและพลังงานเท่าไหร่ถึงจะได้กลับมาล่ะ แต่ไม่ช้าก็เร็วเรื่องนี้ก็ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว!