บทที่ 230: ธุรกรรมสามพันล้าน

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

บทที่ 230: ธุรกรรมสามพันล้าน

เกาโย่วเหลียงก้มหน้าและจิบกาแฟในแก้วของตน ภายในใจของเขาตอนนี้กำลังร้อนรุ่มเป็นอย่างมาก

สต็อกไม้ฮวงหัวลี่คุณภาพสูงมูลค่าหลายพันล้าน… นี่คือสิ่งที่สามารถรับรองได้ว่ากลุ่มบริษัทเครื่องเรือนจักรพรรดิจะมีสต็อกไม้คุณภาพสูงไปอีกสองสามปี นอกจากนี้… พวกเขายังสามารถยกระดับกิจการขึ้นไปอีกขั้นด้วยซ้ำ ! ขยายกิจการไปยังตลาดของญี่ปุ่น เกาหลี ไทย และอินเดีย ! ความต้องการซื้อของสินค้าที่ทำจากไม้ฮวงหัวลี่ของที่อื่น ๆ ไม่ได้น้อยกว่าที่นี่เลยสักนิด ! ตอนนี้พวกเขาได้เป็นอันดับหนึ่งของตลาดภายในประเทศแล้ว มันก็อาจจะถึงเวลาที่จะเริ่มแข่งกับความต้องการของโลกเสียที !

แต่การใช้เงินทุนจำนวนมหาศาลขนาดนั้นจะต้องทำให้กลุ่มบริษัทเครื่องเรือนจักรพรรดิตกที่นั่งลำบากในอนาคตอันใกล้นี้แน่ พวกเขาไม่เคยเก็บเงินทุนสภาพคล่องไว้มากขนาดนั้น พวกเขาจะไปคาดการณ์ได้อย่างไรว่าจะมีคนครอบครองสต็อกไม้คุณภาพสูงอย่างไม้ฮวงหัวลี่มานั่งอยู่ตรงหน้า ? การทำธุรกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านนับว่าเป็นเรื่องใหญ่แล้ว นับประสาอะไรกับการทำธุรกรรมมูลค่า 3,000 ล้านในคราวเดียว !

นี่มันเกิดกว่าที่หัวใจของเขาจะรับไหว แต่ถึงกระนั้น ชื่อเสียงของไม้ฮวงหัวลี่ก็เป็นเหมือนกับแครอทสีส้มที่ห้อยอยู่ตรงหน้าม้า เขาจะต้องคว้ามันมาให้ได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม !

“แล้วถ้าหากว่าเราขอแบ่งเป็นทีละส่วนล่ะครับ ?” เขาเสนอทางเลือกอื่นหลังจากไตร่ตรองอยู่พักใหญ่

แต่ฉินเย่ก็เอ่ยปฏิเสธข้อเสนอนั้นอย่างรวดเร็ว “หากเป็นเช่นนั้น ผมก็จะไปหาผู้ซื้อรายอื่น”

ฉินเย่จ้องมองกลุ่มคนตรงหน้าเขม็ง “อย่าเล่นลูกไม้พวกนี้กับผม ถึงแม้ว่าผมจะไม่ใช่นักธุรกิจ แต่เชื่อเถอะว่าผมมีวิธีการมากมายที่จะทำให้ได้ทุกสิ่งที่ผมต้องการมาอยู่ในมือ”

วินาทีนั้น ชายชราทั้งสามเกิดตัวสั่นขึ้นมาพร้อมกับ ใบหน้าของเกาโย่วเหลียงซีดเผือดขณะที่จังหวะการหายใจของเขาเริ่มติดขัด

น่ากลัว…

ชั่วขณะหนึ่ง เขารู้สึกเหมือนถูกครอบงำด้วยความรู้สึกอันน่าสะพรึงกลัว แทบจะเหมือนกับว่าเขากำลังยืนเปลือยกายอยู่ตรงหน้าของยักษ์ใหญ่ เขาเข้าใจได้ทันทีว่าฉินเย่สามารถเอาชีวิตของพวกเขาตอนไหนก็ได้ตามที่อีกฝ่ายต้องการ !

นี่คือลักษณะของคนที่มาจาก ‘ที่นั่น’ สินะ… เกาโย่วเหลียงดื่มกาแฟของตนอีกอึกหนึ่งก่อนจะสูดหายใจเข้าช้า ๆ เพื่อข่มความตกใจของตน

“ผมขอตัวเลขที่แน่นอน” ชายสูงวัยเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเอง “เราจะได้ระดมทุนจากฝั่งของเราทันที”

ฉินเย่จ้องลึกเข้าไปในตาของอีกฝ่ายและตอบว่า “ผมลดให้คุณ 5% เนื่องจากคุณยังต้องทำมาหากิน นอกจากนี้ผมขอสัญญาเลยว่าหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับพวกคุณในอนาคต ผมยินดีที่จะช่วยเหลือพวกคุณทันที 3 พันล้าน นั่นคือมูลค่าของสินค้าทั้งหมดในตอนนี้ และธุรกรรมทั้งหมดก็จะต้องเสร็จสิ้นในคราวเดียว”

“แน่นอน” เกาโย่วเหลียงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด สีหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้น – ธุรกรรมมูลค่า 3 พันล้านหยวน… และยังต้องชำระเป็นเงินสดทั้งหมดในคราวเดียว !

คุณได้ลองถามกลุ่มบริษัทอื่น ๆ ดูหรือยังว่าพวกเขาสามารถเบิกเงินสดมูลค่า 3 พันล้านในคราวเดียวได้หรือเปล่า ? พวกที่สามารถทำเช่นนี้ได้นับว่าสุดยอดเกินไปแล้ว !

แต่หลังจากที่ได้ตัดสินใจไปแล้ว หัวใจของเขาก็เต้นแรงเมื่อนึกถึงสิ่งที่จะตามมา

“ดี” ฉินเย่เอ่ยพร้อมกับยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้อีกฝ่าย “นอกจากนี้ ผมรบกวนพวกคุณซื้อของเหล่านี้และเช่าโกดังเก็บของเหล่านี้ให้ที เมื่อถึงเวลาผมจะไปเอา คุณสามารถหักลบค่าใช้จ่ายสำหรับสินค้าพวกนี้กับราคาของไม้ฮวงหัวลี่ได้เลย ผมจะนำสินค้าส่งให้คุณอย่างตรงเวลา และผมก็หวังว่าจะได้รับเงินและสินค้าทั้งหมดที่นั่นเช่นกัน”

“แน่นอนครับ” เกาโย่วเหลียงสูดหายใจเข้าช้า ๆ และหลับตาลง

นี่คงจะเป็นการทำข้อตกลงที่สะอาดที่สุดและใหญ่ที่สุดที่เขาเคยทำมา

การทำธุรกรรมครั้งนี้มีมูลค่าหลายพันล้านหยวน แต่การเจรจากลับสรุปได้ในไม่ถึงห้านาที ทั้ง ๆ ที่ส่วนใหญ่แล้วการเจรจาซื้อสินค้าที่มีมูลค่าเท่านี้หลักจากผ่านไปหนึ่งเดือนยังไม่สามารถสรุปได้เลยด้วยซ้ำ

หัวใจของเขาค่อย ๆ สงบลง และเขาก็ลืมตาขึ้นเพื่อดูรายละเอียดของรายการของที่ฉินเย่ได้มอบให้ จากนั้นจึงถามออกไปด้วยความตกตะลึง “คุณฉิน นี่มันอะไรกันครับ ?”

รายการของพวกนี้มีความหลากหลายเป็นอย่างมาก

ส่วนใหญ่แล้วเป็นพวกอุปกรณ์ เครื่องใช้ และวัสดุสำหรับการก่อสร้าง เนื่องจากเคยสร้างเขตชุมชนมาก่อนเขาจึงรู้ได้ทันทีที่เห็นว่ารายการพวกนี้มีมูลค่าทั้งสิ้นไม่ต่ำว่า 4 ร้อยล้านหยวน วัสดุพวกนี้เพียงพอที่จะสร้างอาคารขนาดใหญ่ได้ทั้งหลัง !

ยิ่งกว่านั้นรายการพวกนี้ยังมีของที่ค่อนข้างแปลกประหลาดอีกด้วย

นอกเหนือจากไม้ พลาสติก โลหะผสมและกระดาษแล้วมันยังมีผ้าไหม ผ้าฝ้าย เข็ม และด้าย วัสดุทั้งหมดที่ใช้สำหรับชีวิตประจำวัน และมันยังมีพวกสายพานประกอบอีกด้วย !

สายพานประกอบสำหรับโรงพิมพ์ สายพานประกอบสำหรับการผลิตเสื้อผ้า สายพานประกอบสำหรับการผลิตรองเท้า สายพานประกอบสำหรับกล้องถ่ายรูปและแบตเตอรี่… และมันยังมีแม้กระทั่งสายพานประกอบสำหรับไพ่นกกระจอกและชิปโป๊กเกอร์

นอกจากนี้มันยังมีของที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนอื่น ๆ อีก ยกตัวอย่างเช่น เครื่องพิมพ์ธนบัตร…

หางตาของเขากระตุกไม่หยุด คนตรงหน้าต้องการจะทำอะไรกันแน่ ? ทำไมมันถึงดูเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังจะสร้างเมืองไม่มีผิด ? แถมมันยังดูเหมือนว่าเขาต้องการที่จะดึงเมือง ๆ นั้นออกมาจากความยากจนอีกด้วย ของพวกนี้… จะทำให้เขาได้เงินกลับไป 4-5 ร้อยล้านหยวนในเวลาไม่นาน นั่นเป็นจำนวนเงินที่เพียงพอให้เมืองจน ๆ มีชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้สักพัก !

และสถานที่แบบไหนกันที่ต้องการอะไรมากมายนอกจากอาหารและปัจจัยสำหรับการใช้ชีวิตอย่างเสื้อผ้า สื่อบันเทิง และกิจกรรมสันทนาการ ?

นี่เขาตัดสินใจถูกแล้วหรือเปล่า ? หรือว่าเขาควรรายงานเรื่องนี้กับตำรวจดี ? ทำไมมันถึงรู้สึกเหมือนว่าเขาได้เห็นอะไรที่ตัวเองไม่ควรเห็น ?

“อย่าถามในสิ่งที่คุณไม่จำเป็นต้องรู้ เราต่างเป็นเพียงแค่คนที่ผ่านทางมาพบกันเท่านั้น ไม่ใช่คนที่อาศัยอยู่ในโลกเดียวกัน” ฉินเย่เป่ากาแฟของตนและเอ่ยออกมาอย่างไม่ลังเล

ฉินเย่รู้ดีว่าเขาไม่ได้มีข้อได้เปรียบใดในโลกของผู้ใหญ่ เพราะได้ทานเห็นเทียนสุ่ยเข้าไป เขาจะไม่มีทางแก่ขึ้นหรือตาย แต่ถึงกระนั้นการที่เด็กเกินไปก็เป็นข้อด้อยเมื่อเป็นเรื่องของการทำธุรกิจ ดังนั้นแทนที่จะซ่อนและปกปิดข้อด้อยของตัวเอง เขาเลือกที่จะทำตัวลึกลับแทน

มันเป็นเพราะเหตุนี้เองที่ทำให้เขาไม่เคยปกปิดข้อเท็จจริงที่ว่าเขามาจากเมืองเป่าอันเลยสักครั้ง และคนที่มีประวัติและตัวตนที่ไม่ธรรมดาอย่างเกาโย่วเหลียงจะต้องเข้าใจถึงสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ

ซึ่งนั่นก็เป็นอย่างที่คิด ชายสูงวัยไม่ได้เอ่ยอะไรมานัก กลับกัน เขาม้วนแผ่นกระดาษและเก็บมันไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านใน “ระยะเวลาถึงเมื่อไหร่ ?”

“ภายใน 30 มิถุนายน” ฉินเย่ลุกขึ้นยืนและยื่นมือข้างหนึ่งออกไปด้านหน้า “เช่นนั้นแล้วเราก็ค่อยพบกันใหม่ก็แล้วกันครับ หวังว่าเราจะมีโอกาสได้ทำการค้าร่วมกันอีกในอนาคต”

“แน่นอนครับ” ทั้งสองฝ่ายจับมืออย่างแนบแน่น จากนั้นก่อนที่จะจากกัน เกาโย่วเหลียงก็เอ่ยขึ้นว่า “คุณฉินครับ ถึงแม้ว่าผมจะรู้ว่าตัวเองไม่ควรถามอะไรมาก แต่ผมก็ยังอยากรู้จริง ๆ ว่าทำไมจู่ ๆ คุณถึงตัดสินใจที่จะขายไม้ฮวงหัวลี่จำนวนมากมายขนาดนี้ ?”

ฉินเย่ไม่ได้คิดจะปกปิดเจตนาของตนแต่อย่างใด “ผมกำลังหมายตาของบางอย่างในงานประมูลใหญ่ประจำฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึงของโรงประมูลเจียเต๋อ มูลค่าของสินค้าเพียงอย่างเดียวนั้นอย่างต่ำ 1 พันล้านหยวน และมันยังมีความเป็นไปได้ที่ราคาของมันจะพุ่งทะลุ 2 พันล้าน”

เขาแย้มยิ้มและมองสบตาอีกฝ่าย “ดังนั้น คุณสามารถไปเจรจากับทางโรงประมูลเจียเต๋อได้เลยสำหรับเรื่องการแลกเปลี่ยนเช็คหรืออะไรทำนองนั้น ทั้งหมดนั่นล้วนขึ้นอยู่กับคุณ สิ่งเดียวที่ผมต้องการก็คือเช็คที่สามารถขึ้นเงินได้ทั่วโลก ตราบใดที่คุณสามารถทำตามเงื่อนไขพวกนี้ได้ คุณก็สามารถจัดการตามที่คุณสะดวกได้เลย”

ดวงตาของเกาโย่วเหลียงเป็นประกายขึ้น เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้งและมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง ชายสูงวัยลุกขึ้น เดินไปปิดผ้าม่านและหน้าต่างจนสนิท ก่อนจะเอ่ยกับฉินเย่อีกครั้งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “คุณจะเข้าร่วมงานประมูลใหญ่ประจำฤดูร้อนของโรงประมูลเจียเต๋ออย่างนั้นหรือ ? หรือว่าคุณสนใจถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสี ?”

ฉินเย่พยักหน้า ทุกคนที่เข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ล้วนเป็นผู้ที่ถือบัตรดำบัญชี VIP ระดับสูง และมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปิดบังอีกฝ่าย

“คุณฉิน” เกาโย่วเหลียงจ้องหน้าฉินเย่อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหลับตาลงในที่สุด “ถึงแม้ว่าผมจะไม่ควรพูดมันตอนนี้ แต่… คุณควรจะลองคิดให้ดีอีกครั้ง”

ฉินเย่หรี่ตาลงและเอ่ยรับห้วน ๆ “อืม”

“คุณไม่สนใจเลยสินะ ?” ชายสูงวัยถอนหายใจ เขาก้าวเข้าไปใกล้ฉินเย่และเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “ที่นั่น ในโลกของพวกคุณ… มีหนังสือพิมพ์ที่ชื่อว่าผู้ฝึกตนรายสัปดาห์ใช่หรือไม่ ?”

ฉินเย่เงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายทันที “คุณรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ?”

เกาโย่วเหลียงเผลอก้าวถอยหลังทันทีที่สบตากับอีกฝ่าย หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็กระแอมออกมาและเอ่ยต่อ “คุณฉิน ไม่ว่าอย่างไร… กลุ่มบริษัทเครื่องเรือนจักรพรรดิของเราก็เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ดังนั้น… พวกเราย่อมมีวิธีการเข้าถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ผู้อื่นไม่สามารถเข้าถึงได้”

“ทะเลตะวันออก… ไม่ปลอดภัย” เขาเอ่ยเสียงเบาราวกับกำลังเอ่ยสิ่งที่ติดค้างอยู่ภายในใจมานาน “นี่คือสิ่งที่ผมได้ยินมาจากคนที่มาจากโลกเดียวกันกับคุณ คุณ… ไม่ควรไปที่นั่น ผมได้ยินมาว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ของหน่วยสอบสวนพิเศษที่ถูกส่งตัวไปตรวจสอบคนไหนได้กลับมา”

ทันใดนั้นฉินเย่ก็นึกเรื่องสำคัญบางอย่างขึ้นมาได้… บางอย่างที่เขามองข้ามมาตลอด และวินาทีนั้นทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทางทันที

ก่อนหน้านี้เขาได้อ่านข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ทะเลตะวันออกที่สำนักฝึกตนแห่งแรก ตอนที่โจวเซียนหลงสั่งให้เขานำหนังสือพิมพ์ไปแจกจ่ายให้เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ

ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดกลับมา ทั้งหมดที่พวกเขารู้ตอนนี้มีเพียงเรือที่แล่นไปแถบทะเลหลวงกลายเป็นเรือผีสิงภายในข้ามคืน ไม่มีใครมีชีวิตรอด ตอนนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ แต่ตอนนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว

ดินแดนแห่งความตาย ยมโลกของญี่ปุ่น กำลังสร้างกองกำลังรบอยู่ที่ทะเลหลวง !

เช่นเดียวกับที่ยมทูตนอกอาณาเขตที่เคยมาที่จีนและไม่ได้กลับออกไป อิซานามิก็กำลังป้องกันไม่ให้ผู้ที่เข้าไปได้ออกมาเช่นกัน นางทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าดวงวิญญาณของโอดะโนบูนางะจะไม่ตกไปอยู่ในมือของฝ่ายอื่นนอกจากตนเอง !

อย่างนี้นี่เอง ! ยมโลกที่รอดจากบททดสอบของเวลาย่อมมีวิธีในการจัดการกับสิ่งใดก็ตามนอกอาณาเขตเป็นของตัวเอง !

ตอนนี้เขาสามารถมองเห็นถึงความสำคัญของถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีที่มีต่ออีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน !

“เข้าใจแล้ว” ฉินเย่หมุนตัวและเดินจากไป

“น่าประทับใจยิ่งนัก” เสียงของหมิงชีหยินดังขึ้นเบา ๆ ทันทีที่ฉินเย่เดินออกมาจากอาคาร “อ่อนแอเมื่อเผชิญหน้ากับผู้ที่แข็งแกร่ง และแข็งแกร่งเมื่อเผชิญหน้ากับผู้ที่อ่อนแอ ท่าทางของเจ้าเมื่อครู่นี้น่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง ! หากไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าข้าเคยเห็นเจ้ายอมพ่ายแพ้อย่างราบคาบเมื่ออยู่ต่อหน้าอรากษสะที่รักของเรา ข้าก็คงเชื่อการแสดงของเจ้าไปแล้ว”

“ท่านหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่า ‘ยอมพ่ายแพ้อย่างราบคาบ’ ?! นั่นเรียกว่ายอมจำนนต่อขุมพลังที่มากกว่าต่างหาก !” ฉินเย่เอ่ยอย่างไม่พอใจ ยิ่งเขาใช้ชีวิตอยู่นานเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตระหนักได้ว่าไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับชีวิตของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงไม่เคยคิดจะทำการใด ๆ เว้นแต่ว่าจะมั่นใจว่าจะสามารถทำมันสำเร็จ ทำไมคนพวกนี้ถึงไม่เข้าใจเรื่องง่าย ๆ แบบนี้กัน ?

มีเพียงหลังจากที่คุณรอดชีวิตแล้วเท่านั้นคุณถึงจะมีโอกาสในการเก็บเกี่ยวรางวัลและเพลิดเพลินไปกับผลจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง

“เราจะเอาอย่างไรต่อ ?”

ฉินเย่เดินไปตามทางเดิน ปล่อยให้สายลมยามราตรีพัดผ่านไรผม เด็กหนุ่มปัดผมด้านหน้าของตนไปด้านข้าง “รอ”

“รอให้โรงประมูลเจียเต๋อมาถึง คืนที่พวกเขามาถึง… จะต้องเป็นคืนที่วุ่นวายที่สุดอย่างแน่นอน” ทว่าทันใดนั้น เขาก็สบถออกมาเสียงดัง “เชี่ย !”

“มีเรื่องอะไร ?”

ฉินเย่เงียบไป เมื่อครู่นี้เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าตัวเองได้มองข้ามเรื่องสำคัญบางอย่างไป

นินจาลับแห่งคามากุระของตระกูลโฮโจจะต้องลงมือทันทีที่โรงประมูลเจียเต๋อมาถึง แต่ด้วยเหล่าผู้ฝึกตนอ่อนหัดที่พวกเขามี มันคงจะเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มากหากพวกเขาสามารถต้านนินจาพวกนั้นเอาไว้ได้ !

แต่ต่อให้พวกเขาเรียกกำลังเสริม กองกำลังที่ยมโลกญี่ปุ่นระดมขึ้นมาในครั้งนี้ก็ยังอยู่ในระดับที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง และหากพวกเขาสามารถแย่งถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีมาจากงานประมูลได้ แต่ฉินเย่จะต้องไปเจรจากับโอดะโนบูนางะอย่างไร ?

ไม่มีใครคิดว่าทางยมโลกของญี่ปุ่นจะกล้าถึงขนาดที่ก้าวขึ้นมาบนแผ่นดินจีนและปฏิบัติต่อที่นี่ราวกับเป็นสวนหลังบ้านของตัวเองแบบนี้ ความกล้าของฝ่ายตรงข้ามทำให้เกิดตัวแปรมากมายที่ฉินเย่จะต้องจัดการ

ตอนนี้ทางเดียวที่เหลืออยู่ก็คือเขาจะต้องก้าวเข้าไปขัดขวางนินจาลับแห่งคามากุระด้วยตัวเอง แต่การทำเช่นนั้น…

เด็กหนุ่มก้มมองอกของตนเอง มันกำลังสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวต่อขุมพลังที่แข็งแกร่งกว่า

“หืม ? แววตาของเจ้าตอนนี้ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว เดี๋ยวนะ… ข้าเคยเห็นสีหน้าแบบนี้ ! มันคือสีหน้าที่เจ้ามักจะแสดงออกมาเมื่อมีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งปรากฏตัวขึ้น…”

ฉินเย่แย้มยิ้มกว้าง “เกี่ยวกับเรื่องนั้น เรามาคุยกันหน่อยดีหรือไม่ ?”

“ไปซะ ! ไม่มีทาง ! ลาก่อน !” กระจกโบราณปฏิเสธออกไปทันที

ใบหน้าของฉินเย่เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “นี่ท่านเคยคิดว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของยมโลกบ้างหรือไม่ ? เกียรติและศักดิ์ศรีของท่านหายไปไหนหมด ? ว่าที่จ้าวนรกองค์ต่อไปกำลังเสี่ยงชีวิตออกไปตายในแนวหน้าและกำลังเผชิญหน้ากับภัยคุกคามร้ายแรง แต่ท่านกลับยืนมองมันเฉย ๆ น่ะหรือ ?”

“…ภัยคุกคามร้ายแรง ? อย่างอะไรล่ะ ?”

“…อย่างเช่น… นินจาขั้นยมทูตขาวดำสามตน….”

หมิงชีหยินที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตะคอกเสียงดัง “ว่าที่จ้าวนรกกำลังหวาดกลัวนินจากระจอก ๆ ขั้นยมทูตขาวดำสามตนจนต้องมาขอความช่วยเหลือจากข้าน่ะหรือ ?! แล้วการฝึกฝนของท่านเล่า ? ความแข็งแกร่งและความกล้าของเจ้าหายไปที่ใดหมด ?”

ฉินเย่รู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก

ไม่ใช่ว่าเราตกลงกันแล้วหรือว่าจะไม่ทำให้อีกฝ่ายต้องอับอายขายหน้าแบบนี้ ?

นอกจากนี้ หากข้ามีพลังมากพอ ท่านคิดว่าข้าจะขอความช่วยเหลือจากท่านอย่างนั้นหรือ ?

ตัวเล่นหลักต้องเรียนรู้ที่จะอดทน ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามจะโจมตีพวกเขาด้วยทักษะชั้นสูงก็ตาม นั่นเป็นวิธีที่จะทำให้พวกเขาได้ครองอันดับหนึ่งในตอนท้าย ข้าก็กำลังทนอยู่ แล้วท่านมาบอกให้ข้าไปเข้าร่วมการต่อสู้ตั้งแต่ต้นเกมได้อย่างไร ? ท่านเห็นข้าเป็นอะไร ? ผู้เล่นระดับโปรอย่างนั้นหรือ ? [1]

ท้ังฉินเย่และหมิงชีหยินต่างกำลังเผชิญหน้ากับทางตัน ทั้งสองจ้องมองกันอย่างน่าสะพรึงกลัวภายใต้แสงสว่างของดวงจันทร์ หลังจากผ่านไปสิบวินาที กระจกโบราณก็ถอนหายใจออกมาในที่สุด “ลืมมันไปเถอะ… ข้ายอม ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ เลยว่าคนที่อายุหลายสิบปีอย่างเจ้ายังสามารถขายความน่ารักอยู่ได้อย่างไร… เอาล่ะ บอกมา คราวนี้เจ้ามีความคิดปัญญาอ่อนอะไรอีก ?”

[1] การอ้างอิงทั้งหมดในย่อหน้านี้คือลักษณะทั่วไปของเกม MOBA