ดอกไม้ไฟดอกแล้วดอกเล่าระเบิดกลางอากาศ แต่งแต้มท้องนภาให้มีสีสัน

ข่าวของการสูญสิ้นของกองทัพเผ่าพันธุ์มด สะพานหมอกดำขาดสะบัดแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ประชาชนในเมืองหลวงของแคว้นเทียนเหอปลื้มปีติดีใจ ในเมืองหลวงเริ่มคึกคักขึ้นมาแล้ว

อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานเดินเตร่อยู่บนถนนคึกคัก กินอาหารท้องถิ่นไปมากมาย และห่ออีกมากมายเก็บไว้ในแหวนมิติ ไว้กินยามหิวโหยหลังจากนี้

ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงหน้าหอที่ใหญ่โตโอ่อ่าหลังหนึ่ง

มันก่อจากอิฐขาวหลังคาทอง เมฆหมอกรายล้อม ประหนึ่งพยัคฆ์ร้ายหมอบอยู่ใจกลางเมือง ป้ายแขวนสลักไว้ว่า ‘หอดิ้นทอง’

อันหลินตาลุกวาว “ได้ยินว่าหอดิ้นทองเป็นหอสมบัติอันดับต้นๆ แห่งแคว้นเทียนเหอ ภายในมีวัตถุล้ำค่า อาวุธมีคมอาวุธวิเศษนับไม่ถ้วน…”

สวีเสี่ยวหลานหัวเราะ “เจ้ามีอาวุธชั้นยอดอย่างกระบี่พิชิตมาร ตะปูข้ามมิติอยู่แล้ว อีกอย่างของล้ำค่าก็มีมากโข ยังสนใจหอสมบัตินี่อีกหรือ”

“เอ่อ…ความจริงข้าไม่ได้อยากซื้อของ แต่ของล้ำค่ามีมากไป เลยอยากมาขายต่อสักหน่อย…”

“เช่นวัสดุหลอมศาสตราล้ำค่าหายากเหล่านั้น ข้าหลอมศาสตราไม่เป็นเสียหน่อย เก็บไว้ก็ไร้ประโยชน์ ไหนจะแร่ล้ำค่าพวกนั้นอีก ข้าปรุงยาไม่เป็น เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์ มีอาวุธขั้นสูงอีกหนึ่งชิ้น ขั้นกลางอีกสอง ขั้นต่ำเก้าชิ้น ของจิปาถะในแหวนมิติของปรมาจารย์อารามอัมพรอีก แลกเป็นหินวิญญาณสบายใจกว่า…”

อันหลินนับสิ่งของที่เขาไม่ใช้อย่างเบื่อหน่าย แต่สวีเสี่ยวหลานกลับปากกระตุกยิกๆ คิดว่าคุยกับคนแบบนี้ช่างเหนื่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นคนจนไปแล้ว

ทั้งคู่ลงจากต้าไป๋ เดินเข้าไปในหอดิ้นทอง

ต้องจ่ายสองร้อยหินวิญญาณเป็นค่าเข้า มันเป็นการปราบคนที่มาดูเฉยๆ ไปได้เยอะโข คนที่เข้ามาได้ส่วนใหญ่ล้วนมีฐานะพอสมควร

“สวัสดีสหายทั้งสอง ข้าน้อยชื่อหวงสือ เป็นพนักงานขายของที่นี่ ไม่ทราบว่าพวกท่านต้องการซื้ออะไรบ้าง” ชายหนุ่มสุภาพเรียบร้อยคนหนึ่งเดินเข้ามา พอเขาเห็นสวีเสี่ยวหลาน แววตาก็ฉายความตะลึง แต่เพียงครู่เดียวสีหน้าก็กลับมาเป็นปกติ ยกมือขึ้นคำนับทั้งสองอย่างนอบน้อม

อันหลินโบกมือ กล่าวว่า “โอ้ ยังไม่ซื้อหรอก ข้าอยากมาขายของหน่อยน่ะ…”

หวงสือเพ่งมองอันหลินแวบหนึ่ง กลิ่นอายธรรมดา พลังยุทธ์น่าจะไม่สูงมาก สวมชุดขาวเรียบๆ ไม่ห้อยเครื่องประดับมีราคาเลยด้วย หลังวิเคราะห์ชั่วครู่แล้ว เขาก็อดเตือนไม่ได้ว่า “แม้หอดิ้นทองจะรับซื้อของล้ำค่าในราคาที่ยุติธรรม แต่รับซื้อเพียงศาสตราวุธขั้นกลางขึ้นไป พวกยาหรือแร่ก็รับเพียงขั้นวิเศษขึ้นไป ของที่มีระดับต่ำเกินไป พวกเราไม่รับซื้อ”

อันหลิน “โอ๊ะ ข้าไม่มีศาสตราวุธ”

หวงสือย่นคิ้วเล็กน้อย “เช่นนั้นก็น่าเสียดาย…”

อันหลิน “ข้าขายอาวุธวิเศษสิบกว่าชิ้นก่อนแล้วกัน”

หวงสือ “…”

อาวุธวิเศษสิบกว่าชิ้นงั้นหรือ ต่อให้เป็นสำนักบำเพ็ญเซียนขนาดกลาง ขุดคุ้ยข้าวของทั้งสำนัก ก็คงไม่มีมากมายปานนั้นกระมัง!

หวงสือชะงักเล็กน้อย พยายามทำใจให้สงบ “ได้ขอรับ เชิญตามข้ามา”

ถึงอันหลินจะดูไม่ค่อยเหมือนคนร่ำรวย แต่จรรยาบรรณในการทำงานของหวงสือก็สูงมากอยู่ดี พยายามยับยั้งอารมณ์ขุ่นมัวของตน เดินนำทางอยู่ด้านหน้า

เขาคิดไว้แล้วว่า หากอันหลินกล้าปั่นหัวเขา รับรองว่าเขาจะจัดการอันหลินจนแม้แต่แม่เขาก็จำไม่ได้

“สหายอันหลิน นี่เป็นนักประเมินราคาแห่งหอดิ้นทองของเรา สหายเฮยมู่และสหายหลิวหั่ว” หวงสือพาอันหลินกับสวีเสี่ยวหลานเข้าไปในเรือนหลังหนึ่งแล้วแนะนำชายชราสองคน

เฮยมู่กับหลิวหั่วเป็นชายชราผมขาวโพลนทั้งคู่ นัยน์ตาลุ่มลึกสดใส ให้ความรู้สึกผ่านโลกมาอย่างโชกโชน มากด้วยประสบการณ์

อืม…ท่าทางไม่เลว…

อันหลินแอบชมในใจ

“สหายท่านนี้อยากขายอาวุธวิเศษหรือ” เฮยมู่มองอันหลิน ดูจากท่าทางกับลักษณะแล้ว ยังดูหนุ่มอยู่มาก ปกติคนแบบนี้ไม่ค่อยมีของดี ด้วยเหตุนี้น้ำเสียงจึงเจือความสงสัย

อันหลินรู้ว่าชายชราสองคนนี้ล้วนมีชื่อในเมืองหลวงของแคว้นเทียนเหอ เป็นคนที่ยุติธรรมรักษาสัตย์ จึงไม่ระแวดระวังมากนัก โยนอาวุธวิเศษสิบสองชิ้นออกมาในอึดใจเดียว

คลื่นพลังของอาวุธวิเศษอัดแน่นไปทั่วพื้นที่ทันที ส่องแสงระยิบระยับ วัสดุงดงามยิ่งนัก

“นี่มัน…” เฮยมู่กับหลิวหั่วต่างก็ตะลึงพรึงเพริด เบิกตากว้างมองอาวุธที่วางกองบนพื้นลวกๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ของพวกนี้ล้วนเป็นอาวุธวิเศษ มิหนำซ้ำยังไม่ด้อยคุณภาพอีกด้วย!

หวงสือก็ตกใจเช่นกัน แม้เขาจะเตรียมใจมาก่อนแล้ว แต่เมื่อเห็นอาวุธวิเศษมากมายปานนี้ถูกอันหลินโยนออกมาจากแหวนมิติราวกับเป็นก้อนหิน เขาก็สะดุ้งเช่นกัน

“โอ๊ะ…วัสดุพวกนี้ แล้วก็แร่พวกนั้นข้าก็ไม่เอาแล้วเหมือนกัน อย่างไรเสียก็หลอมศาสตราปรุงยาไม่เป็น…”

อันหลินโยนของในแหวนมิติออกมาขณะที่พูด วัสดุหลอมศาสตราเป็นกอบเป็นกำถูกโยนจนเกิดเสียงเคร้งๆ ราวกับเศษเหล็ก แร่ก็เหมือนผักกาดขาว หลั่งไหลลงมากองรวมกัน แผ่คลื่นของวิเศษออกมาอย่างหนาแน่น

เฮยมู่กับหลิวหั่วสบตากัน ต่างก็กลืนน้ำลาย นี่คงไม่ใช่องค์ชายหรือผู้สืบทอดสี่สำนักใหญ่คนใดเกิดคิดสั้น จึงวิ่งโร่มาขายมรดกหรอกนะ

มุมปากของหวงสือกระตุก ยังดีที่ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้เผลอพูดดูแคลนออกไป มิเช่นนั้นคราวนี้คงจะถูกตบจนหน้าบวมเป็นแน่

“อืม…ขายพวกนี้ก่อนแล้วกัน คำนวณดูหน่อยว่าได้เท่าไร!” อันหลินปัดมือ ท่าทางเหมือยยกภูเขาออกจากอก พรูลมหายใจออกมาเบาๆ

หวงสือเห็นอากัปกิริยาของอันหลินก็หงุดหงิดใจ อยากจะตะโกนเหลือเกินว่า ‘ท่าทางรังเกียจของเจ้ามันอย่างไรกัน ของมีค่าพวกนี้จะกัดเจ้าหรือไง!’

เฮยมู่กับหลิวหั่วเป็นมืออาชีพจริงๆ ไม่นานก็จดจ่อ เริ่มนับของล้ำค่า พวกเขาสามารถพูดทั้งข้อดีข้อเสียของของทุกชิ้นได้ วิเคราะห์คุณสมบัติ และแจ้งราคารับซื้อ หากอันหลินไม่พอใจกับราคา จะไม่ขายก็ได้

หอดิ้นทองมีประวัติหลายพันปีในแคว้นเทียนเหอแล้ว ชื่อเสียงและเกียรติยศไม่ต้องพูดถึง และสายตาของชายชราสองคนนี้ก็คมและเจนจัด ของชิ้นเดียวพวกเขาสามารถร่ายยาวเป็นบทความแปดร้อยตัวอักษรได้ ซ้ำยังน่าประทับใจ

ผ่านไปพักใหญ่ เมื่อเคาะราคาแล้ว รวมทั้งสิ้นสามล้านห้าหมื่นหินวิญญาณ

อันหลินพยักหน้านิ่งๆ เก็บสามล้านห้าหมื่นหินวิญญาณใส่แหวนมิติ บวกกับสี่ล้านสองแสนหินวิญญาณก่อนหน้านี้ เขามีทั้งสิ้นเจ็ดล้านสองแสนห้าหมื่นหินวิญญาณแล้ว

ทรัพย์สินพวกนี้…เขาไม่อยากพูดอะไรแล้ว

สำหรับเขาแล้ว หินวิญญาณเป็นแค่ตัวเลขเท่านั้น

เขาจึงให้หวงสือไปหนึ่งร้อยหินวิญญาณ ไม่มีสาเหตุอะไรพิเศษ เพียงเพราะมีความสุข จึงให้ทิปนิดหน่อย

หวงสือกำหนึ่งร้อยหินวิญญาณ ตัวเซไปเล็กน้อย มุมปากกระตุก

ให้ตายสิ! ขี้เหนียวเกินไปแล้ว เจ้าเป็นเศรษฐีไม่ใช่หรือไง!

สวีเสี่ยวหลานเบะปาก นางคุ้ยเคยกับท่าทางแบบนี้ของอันหลินเหลือเกิน ขั้นต่อไปคงจะสะบัดแขนเสื้อแล้วจากไปอย่างสง่าผ่าเผย

เป็นอย่างที่คิด อันหลินเหลือบมองสวีเสียวหลานแล้วยิ้มบางๆ “เราไปกันเถอะ”

เมื่อเฮยมู่กับหลิวหั่วรู้ว่าอันหลินเป็นเศรษฐีเหนือระดับ ก็สบตากันอย่างรู้ใจ บางเรื่องพวกเขาต้องตัดสินอย่างยุติธรรม แต่บางเรื่อง ก็สามารถหารายได้เสริมได้เหมือนกัน…

“สหายอันหลินช้าก่อน ไม่รู้ว่าเจ้าสนใจอยากไปดูโบราณวัตถุที่หอดิ้นทองสะสมหรือไม่” หลิวหั่วเอ่ยถามอันหลินที่กำลังจะออกไป

ฝีเท้าของอันหลินชะงัก พูดอย่างสงสัยว่า “โบราณวัตถุมีอะไรน่าดูกัน”

หลิวหั่วยิ้มอย่างมีเลศนัย “หึๆ ๆ…หากเจ้ามีวาสนากับวัตถุบรรพกาลเหล่านั้น นำกลับไปได้ด้วยนะ…”

“จริงหรือ” อันหลินตาลุกวาว

เขาไม่คิดเลยว่าหอดิ้นทองจะมีกิจกรรมแบบนี้ด้วย เริ่มเกิดความสนใจขึ้นมา

ต้องรู้ว่าวัตถุบรรพกาลในแดนจิ่วโจวที่ว่านั้น ไม่ใช่ของที่มีไว้แค่จัดแสดงเฉยๆ เหมือนพวกวัตถุโบราณ แต่เป็นวัตถุที่แฝงเร้นด้วยคลื่นพลังงานโบราณ

บ้างก็มีวรยุทธ์มหัศจรรย์ซ่อนอยู่ บ้างก็มีพลังงานพิเศษบางอย่าง บางชิ้นถึงขั้นว่ามีความลับสะเทือนฟ้าซ่อนเร้นอยู่ เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่มีมูลค่ามาก

“สหายอันหลิน กรุณาตามข้ามาทางนี้” หลิวหั่วยิ้มบางๆ เดินนำข้างหน้า

อันหลินพยักหน้า ตามหลังหลิวหั่วด้วยความคาดหวัง

สวีเสี่ยวหลานขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้พูดอะไร

เฮยมู่กับหวงสือเดินตามหลังทั้งสองด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจกลับเริงร่าเป็นที่สุด

ปลาอ้วนพีตัวนี้ ติดกับเสียแล้ว…